บทที่ 5 เธอตาบอด
“เหมี่ยวเหมี่ยว จัดการไอ้ขยะหวังชาวนั่น ฉันมีวิธี”
หลี่ฮุยทำสีหน้าเหยียดหยาม
“อืม ที่รักเก่งที่สุด” หลินเหมี่ยวเหมี่ยวโอบกอดหลี่ฮุยอย่างสนิทสนม แล้วหอมแก้มเขาสองที
ในเวลานี้ สวีปี้ฟังก็พูดขึ้นข้างๆ ทันที “เสี่ยวฮุย เธอลงไปจอดรถให้เรียบร้อยก่อน ฉันจะพาเหมี่ยวเหมี่ยวไปเยี่ยมคุณปู่หน่อย”
“ได้ครับ คุณป้า”
หลี่ฮุยพยักหน้า จากนั้นก็ออกไปจากโรงพยาบาล
สวีปี้ฟังพาหลินเหมี่ยวเหมี่ยวเดินมาที่ห้องคนไข้อีกชั้นหนึ่ง
ภายในห้องคนไข้ มีร่างชายชราที่หนวดเคราและผมหงอก ร่างกายซูบผอมนอนอยู่
คนคนนี้ก็คือหลินเชียนฉง เจ้าบ้านคนปัจจุบันของตระกูลหลิน ปู่ของหลินเหมี่ยวเหมี่ยว
หนึ่งเดือนก่อน นายท่านป่วยหนักฉับพลัน ได้เข้าโรงพยาบาล
“ยากมากเลยนะ ที่พวกเธอสองแม่ลูกจะมีเวลามาเยี่ยมฉัน!” นายท่านหลินเห็นสองคน ก็ทำสีหน้าอึมครึมทันที
ตั้งแต่เขาป่วยหนัก สวีปี้ฟังและสามีเอาแต่เป็นห่วงเรื่องมรดกตระกูลหลิน ตอนนี้รอแค่ตนตายเท่านั้น
จะได้สืบทอดมรดกง่ายๆ
“พ่อ ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้ล่ะ สุขภาพพ่อไม่ไหวแล้ว ตระกูลหลินใหญ่โตต้องมีคนดูแลสิ”
สวีปี้ฟังยิ้มขณะเดินไปหา เผยสีหน้าเสแสร้งออกมา
“เฮอะ! ถ้าฉันยังไม่ตาย พวกแกก็อย่าแม้แต่จะคิด!” หลินเชียนฉงพูดด้วยความโกรธ
“พ่อ พ่ออย่าพูดอะไรเลอะเทอะ คุณมีชิงซานเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ให้เขาแล้วจะให้ใครได้ล่ะ” สวีปี้ฟังก็ไม่ได้โกรธ นั่งข้างเตียงขณะปอกแอปเปิลช้าๆ
“พวกแกสองผัวเมียอย่าคิดเพ้อฝันเลย รอฉันตายก่อน ฉันจะมอบทุกอย่างให้เสี่ยวชาว ไม่เหลือไว้ให้พวกแกแม้แต่แดงเดียว!”
แก่แล้วถึงได้รู้ถึงจิตใจเหี้ยมโหด!
ตั้งแต่เขาป่วย สันดานที่แท้จริงของสามีภรรยาคู่นี้ก็เผยออกมาทั้งสิ้น ต้องการแย่งมรดกไปจากเขาสุดจิตสุดใจ
“ปู่ ฉันหย่ากับไอ้ขยะหวังชาวนั่นแล้ว เขาเป็นคนนอก มีสิทธิ์สืบทอดมรดกปู่ที่ไหนล่ะ?”
ในเวลานี้ หลินเหมี่ยวเหมี่ยวก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“ว่าไงนะ!!!”
สีหน้าหลินเชียนฉงเปลี่ยนแปลงสุดขีด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมาเหมือนมังกรจิ๋ว ตาสองข้างเบิกโพลง พูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “แกว่าไงนะ? แกหย่ากับเสี่ยวชาวแล้ว!”
“ถูกต้อง ฉันมาคราวนี้เพื่อแจ้งให้พ่อทราบ เหมี่ยวเหมี่ยวกับหวังชาวหย่ากันแล้ว ไอ้ขยะนั่นไม่ใช่หลานเขยพ่ออีกต่อไป!” สวีปี้ฟังพูดขึ้นข้างๆ
“แก! พวกแก!”
หลินเชียนฉงโกรธจนแทบนั่งขึ้นมาบนเตียง มือข้างหนึ่งกุมหัวใจตัวเอง มืออีกข้างชี้ไปที่สวีปี้ฟังและหลินเหมี่ยวเหมี่ยวสองคน
“พวกมันเลอะเทอะ! ฉันไม่อนุญาต ใครให้แกหย่า!”
“พ่อ ฉันไม่เข้าใจเลย หวังชาวไอ้ขยะนั่นมันมีอะไรดี ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อยืนกรานมั่วซั่วให้เหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรก ไอ้ขยะนั่นแม้แต่สิทธิ์เข้าประตูใหญ่ตระกูลหลินก็ไม่มีด้วยซ้ำ”
สวีปี้ฟังพูดสิ่งที่โดยปกติเธอไม่กล้าพูดมาโดยตลอด
“นั่นสิคะ ปู่ ฉันไม่ชอบไอ้ขยะนั่นเลย เขาไม่มีอะไรดีเลย คู่ควรกับฉันตรงไหน?” หลินเหมี่ยวเหมี่ยวก็ทำสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน
“ออกไปซะ!”
“พวกแกออกไปซะ!”
หลินเชียนฉงคว่ำตะกร้าผลไม้บนตู้ แล้วตะคอกขึ้นมาด้วยความโมโห
“พ่อ ฉันแจ้งข่าวพ่อแล้ว พวกเขาสองคนหย่ากันแล้ว พูดต่อไปก็ไม่มีความหมาย”
พูดจบ เธอก็พาหลินเหมี่ยวเหมี่ยวออกมา
ตอนนี้เธอรอคุณปู่ขาดใจตาย พอคุณปู่ตาย มรดกตระกูลหลินก็จะเป็นของพวกเขาทั้งหมด
“พวกแกจะเสียใจ! จำคำฉันเอาไว้ พวกแกจะต้องเสียใจ!”
หลินเชียนฉงตะคอกด้วยความโมโห
สวีปี้ฟังไม่ได้สนใจ ออกไปจากห้องคนไข้ทันที
เฮอะ เสียใจ?
หวังชาวไอ้เศษสวะนั่น มีคุณสมบัติอะไรมาทำให้พวกเธอเสียใจ?
ดูท่าคุณปู่จะป่วยจนสติเลอะเลือนไปหมดแล้วจริงๆ
ภายในห้องคนไข้ หลินเชียนฉงโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่แน่นอน
พูดขึ้นอย่างเคียดแค้น “จอมพล ฉันขอโทษนะ!”
ในขณะนี้ความคิดเขาย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน
ตอนนั้นเขายังรับราชการทหารอยู่
ตอนนั้นดำรงตำแหน่งพันเอกแห่งยุทธการโม่เป่ย
ปลดเกษียณในปีนั้น จอมพลมอบเด็กคนหนึ่งให้เขา แล้วสั่งเสียว่า “เชียนฉง หลีหมิง พวกนายเป็นเพื่อนร่วมรบกับฉันมาหลายปี แม่ของลูกชายฉันตายด้วยน้ำมือประเทศศัตรู รบตายที่ชายแดน ฉันตัวคนเดียว จนถึงตอนนี้สงครามชายแดนยังไม่สิ้นสุด ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ฉันไม่สามารถปลีกตัวได้ และไม่มีเวลาดูแลลูกชายฉันด้วย!”
“ลูกชายของฉันจำเป็นต้องมอบให้พวกนายเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เมื่อสงครามสงบลง ฉันจะมารับเขากลับบ้าน!”
“จำไว้นะ ศัตรูฉันเยอะมาก ตัวตนของลูกชายฉันห้ามเปิดเผยเด็ดขาด”
“ฉันผู้เป็นพ่อติดหนี้เขาเยอะเกินไป รอฉันทำให้พวกหมานอี๋สงบทั่วทุกหนแห่ง วันที่กลับมา เราต้องได้เจอกันอีกแน่!”
เขากับหวังหลีหมิงสหายร่วมรบจึงพาหวังชาวมาที่เมืองจงไห่ เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้ใครรู้
ประวัติชีวิตที่แท้จริงของหวังชาว ก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของหวังพ่อเทียน เทพสงครามแห่งโม่เป่ยผู้ที่ทำให้ประเทศศัตรูมากมายหวาดกลัวสั่นสะท้าน!
หวังหลีหมิงคือพ่อบุญธรรมของหวังชาว กลับมาถึงเมืองจงไห่ไม่กี่ปีก็เสียชีวิตลง
เพื่อดูแลหวังชาวให้ดีกว่าเดิม หลินเชียนฉงจึงทำการต่อรองถึงแม้จะมีโอกาสน้อยมาก ทำให้หวังชาวแต่งงานกับหลินเหมี่ยวเหมี่ยวได้สำเร็จ
แต่ไม่คิดเลยว่า แบบนี้กลับกลายเป็นการทำร้ายหวังชาว
คิดถึงเรื่องพวกนี้ หลินเชียนฉงก็รู้สึกผิดเหลือเกิน!
“จบแล้ว ตระกูลหลินจบเห่แล้ว!”
หลินเชียนฉงทำหน้าทนทุกข์ ตาสองข้างปิดสนิท
ถ้าหากจอมพลรู้ว่าลูกชายของเขาเจอกับความอัปยศอดสูแบบนี้
ทั้งตระกูลหลินจะต้องสลายหายไปในบัดดล!
ความโกรธเกรี้ยวของเทพสงคราม กองซากศพและการนองเลือด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลินเล็กๆ ตระกูลเดียว!
……
“คุณลู่ เมื่อกี้ขอบคุณมากจริงๆ ครับ คุณไม่ต้องห่วงนะ หนึ่งแสนนั่นผมจะต้องคืนคุณอย่างแน่นอน”
ภายในห้องคนไข้ หวังชาวพูดกับลู่อี้เข่อด้วยความซาบซึ้งเหลือเกิน
“คุณหวัง ไม่ต้องคืนหรอกนะคะ เทียบกับที่คุณช่วยชีวิตปู่ฉันไว้ หนึ่งแสนนี่ไม่เท่าไรเลยค่ะ”
ลู่อี้เข่อรีบส่ายหน้า
หลังจากพูดจบ จู่ๆ เธอก็นึกถึงอาการป่วยของปู่ขึ้นมาทันใด
แล้วพูดต่อ “คุณหวังคะ เราไปหาที่นั่งกันได้ไหม?” ลู่อี้เข่อทำหน้าจริงจังขึ้นมา
“ได้แน่นอนครับ”
หวังชาวตอบตกลงทันที
ทั้งสองเดินออกมาจากห้องคนไข้ เดินไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล
เพิ่งเดินไปถึงทางเข้าโรงพยาบาล หวังชาวก็เห็นพวกหลินเหมี่ยวเหมี่ยว
และในเวลานี้ หลี่ฮุยก็ขับรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าหลินเหมี่ยวเหมี่ยวพอดี
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวก็เห็นหวังชาว สีหน้าหนักอึ้งทันใด
“หวังชาว นายเห็นหรือยัง สามีฉันแข็งแกร่งกว่าไอ้ขยะอย่างนายมาก นึกถึงวันเวลาที่อยู่กับนาย รู้สึกสะอิดสะเอียนจนฉันอยากอ้วกเลย”
“แต่ตอนนี้ดีแล้ว ฉันหลุดพ้นจากไอ้ขยะไร้ค่าอย่างนายสักที ไม่ต้องเห็นใบหน้าน่ารำคาญของนายทุกวันแล้ว!”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวพูดจาชั่วร้ายที่สุดทำให้หวังชาวขายหน้า
สีหน้าหวังชาวน่าเกลียดขึ้นมา เขาไม่เข้าใจเลยว่า บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีผู้หญิงจิตใจเลวทรามขนาดนี้ได้!
สีหน้าลู่อี้เข่อไม่พอใจทันใด เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าแล้วกด
ติ๊ด
เฟอร์รารี่ 418 คันหนึ่งที่จอดข้างถนนไฟกะพริบวิบวับสวยงาม
“คุณหวัง เราไปกันเถอะ”
พูดจบ ลู่อี้เข่อก็ควงแขนหวังชาวต่อหน้าทุกคน เดินไปที่เฟอร์รารี่แสนแพงคันนั้น
ก่อนขึ้นรถ จู่ๆ ลู่อี้เข่อก็หยุดฝีเท้า ดวงตาคู่สวยฉายแววขี้เล่นเล็กน้อย
กล่าวหนึ่งประโยคกับหลินเหมี่ยวเหมี่ยวที่มีสีหน้าน่าเกลียด
“คุณคะ ขอบคุณนะที่คุณปล่อยคุณหวังไป”
พูดจบ ลู่อี้เข่อก็พาหวังชาวขึ้นรถไป เฟอร์รารี่เกิดเสียงสั่นสะเทือนหู ออกไปจากที่นี่ ทิ้งไว้เพียงควันจากท่อรถ