บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(3)

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(3)

“พวกท่านลุกขึ้นเถอะ ข้าอยากพักผ่อน” ผมบอกเสียงเล็กเบาคล้ายคนหมดแรง แต่นี่มันร่างเด็กห้าขวบจะให้ดังขนาดไหนเชียว ผมไม่สนใจว่าจะมีคนลุกหรือไม่แต่กลับล้มตัวนอนอย่างอ่อนล้า

ไม่ต้องแปลกใจที่ผมพูดได้ ไม่สิต่อไปนี้ต้องใช้แทนตัวเองว่าข้าแล้วสินะ ในเมื่ออยู่ต่างบ้านต่างเมือง ร่างใหม่ ชีวิตใหม่ ก็ต้องเอาความรู้ที่มีมาใช้ให้หมด ไม่งั้นคงจะมีชีวิตรอดยาก แค่ความจำที่ได้มาจากเจ้าของร่างเก่าก็โดนยาพิษตั้งหลายครั้งแล้ว

เวรกรรมจริงๆ ให้ร่างใหม่ทั้งทีให้มันสมบูรณ์หน่อยก็ไม่ได้ ข้าคิดอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย โดยไม่สนใจเหล่าบรรดาคนรับใช้ที่เงยหน้ามองมาตาเศร้าๆ

ช่วงเช้าข้าออกมานั่งเล่นอยู่หน้าตำหนักโดยมีข้ารับใช้และองครักษ์ตามติดไม่ห่าง น่ารำคาญจริงๆ จากคนที่เคยทำอะไรด้วยตัวเองและไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด แต่ตอนนี้กลับมีคนตามติดเหมือนเงาตามตัวสามวันแล้ว

ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ในร่างนี้ ตอนนี้ข้ามีชื่อเรียกว่าหลิ่งเหวิน องค์ชายห้าของแคว้นโจว ที่ปกครองโดยจักรพรรดิโจวอู๋หวัง และเป็นบิดาข้าในตอนนี้ ข้ามีพี่น้องอยู่สิบเอ็ดคนมีพี่สาวสองคนแล้วพี่ชายเจ็ดคนและน้องชายอีกสองคน น่าสนุกไหมล่ะพี่น้องเยอะขนาดนี้มันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก อุ่นจนร้อนเชียวล่ะ หึหึ

ตอนนี้ข้าเพิ่งหายป่วยจึงออกไปไหนไม่ได้ ได้แต่มานั่งอยู่หน้าตำหนักมองท้องฟ้านิ่งๆ โดยมีเหล่าข้ารับใช้นั่งหมอบอยู่ไม่ห่าง ข้าพยายามไม่สนใจส่วนเกินที่จะทำลายบรรยากาศ สายตาข้ามองท้องฟ้าแต่ความจริงข้ากำลังหาวิธีทำให้ตัวเองหายดีแข็งแรงเหมือนเดิม

หลังจากร่างนี้โดนยาพิษมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งไม่รู้มีชีวิตรอดมาถึงห้าขวบได้อย่างไร มือซ้ายเผลอยกลูบแหวนมังกรเบาๆ เมื่อหวนคิดว่าใครโดนผนึกอยู่ในนี้ มาถึงตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะเป็นเทพหลิ่งเหวินคนนั้น และร่างนี้ก็ยังมีชื่อเรียกว่าหลิ่งเหวินอีกด้วย ข้าหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อสวรรค์กำลังขีดเส้นทางให้ข้าและวางหมากทุกอย่างไว้อย่างลงตัวเหลือเกิน

เสียงหัวเราะของข้าทำให้แม่นมและคนอื่นๆ มองมาด้วยสีหน้าแปลกๆ ข้าไม่ได้สนใจแต่กลับมองท้องฟ้านิ่งๆ เหมือนสามวันที่ผ่านมา

“องค์ชายเพคะแดดเริ่มร้อนแล้ว ทรงเข้าตำหนักเถอะเพคะ” เสียงแม่นมเอ่ยเตือนพร้อมมองมาอย่างเป็นห่วง แต่ข้ากลับนั่งนิ่งเฉย ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าไม่เป็นไรแม่นม พวกท่านพานางกำนัลกลับไปเถอะ อยู่แค่องครักษ์สามคนก็พอแล้ว ข้าจะไปที่ห้องอักษรของเสด็จพ่อ” ข้าบอกเมื่อนึกไปถึงความทรงจำเมื่อเก่าก่อนของร่างนี้ รู้ว่ามีป้ายหยกที่สามารถเข้าออกห้องอักษรได้ตลอดเวลา แม้ความรู้ที่ได้มาจากร่างนี้แต่มันยังไม่เพียงพอ

“แต่องค์ชายยังไม่หายดีนะเพคะ อย่าเพิ่งหักโหมร่างกายเลยเพคะ” ข้าหันกลับมามองแม่นมอีกครั้ง ก็รู้หรอกนะว่าเป็นห่วงแต่มันน่าเบื่อที่ได้แค่นั่งกับนอน

“ ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับเข้าห้องบรรทม พวกเจ้าก็ไม่ต้องตามมา”

ข้าบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเดินเร็วๆ ออกไปทันที เมื่อมาถึงห้องบรรทมข้าก็ลั่นกลอนปิดประตูไม่ให้ใครเข้ามา ข้าลากสังขารที่เหนื่อยหอบมานั่งบนเตียงนอนที่แข็งโป๊ก แล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ คิดถึงเตียงนุ่มๆ จังเลย คงไม่ผิดใช่ไหมที่จะคิดถึงอดีตของตัวเอง มันเร็วเกินไปทำให้ข้าปรับตัวยังไม่ค่อยได้ เพราะข้าไม่ใช้กิ้งก่าจะได้เปลี่ยนสีเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่ายดาย

เมื่อหัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะแล้ว ข้าไม่รอช้าที่จะนั่งขัดสมาธิเดินลมปราณที่เคยมีในอดีต แม้จะจำชาติของเทพหลิ่งเหวินไม่ได้ทั้งหมด แต่ความจำของเอกบดินทร์ยังครบถ้วน เพราะฉะนั้นข้าต้องหายจากโรคร่างกายอ่อนแรงนี้ให้ได้ เสียงข้างนอกยังอ้อนวอนให้ข้าเปิดประตูให้แต่ข้าไม่สนใจหลับตาทำสมาธิตัดขาดทุกสิ่งที่อยู่ภายนอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel