บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(4)

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(4)

ชีพจรไท้อิมฮุ่ยเก็งกับชีพจรหยิม เป็นรากฐานของลมปราณภูตอุดร ในจำนวนนี้ถือว่าจุดเสียวเซียงที่นิ้วหัวแม่มือ กับจุดทั้งตงที่ราวนมมีความสำคัญที่สุด จุดแรกใช้ดึงดูด จุดหลังใช้เก็บกัก คนประกอบด้วยสี่ทะเล หมายถึงกระเพาะซึ่งเป็นทะเลแห่งธัญญะและน้ำ ชีพจรเมะเป็นทะเลแห่งสิบสองชีพจร ทั้งตงเป็นทะเลลมปราณ

สมองเป็นทะเลแห่งไขกระดูก ดื่มน้ำรับประทานธัญญะ เก็บกักในกระเพาะ แม้ทารกแรกเกิดก็กระทำได้ แต่การดึงดูดกำลังภายในผู้คนจากจุดเสียวเซียง เก็บกักที่ทะเลลมปราณ มีแต่ลมปราณภูตอุดรของสำนักสราญรมย์ที่จะกระทำได้ ผู้คนดื่มน้ำรับประทานธัญญะ ไม่ถึงหนึ่งวันล้วนขับออกจากร่าง ดึงดูดกำลังภายในผู้คนดูดหนึ่งส่วนเก็บกักหนึ่งส่วน ไม่มีวันรั่วไหล ยิ่งสะสมยิ่งลึกล้ำ ดั่งราวกับกระแสธารแห่งสระสวรรค์สุดขอบฟ้าอุดร

คำในหนังสือยังติดอยู่ในความทรงจำและยังฝึกผ่านสำเร็จมาแล้วหนึ่งรอบ ครั้งนี้ข้าก็ต้องผ่านไปได้เช่นกัน

ข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกในตอนนี้คือปลอดโปร่งและมีเรี่ยวแรงมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า บ่งบอกว่าข้าทะลวงจุดผ่านพ้นไปได้อย่างดี แม้จะใช้เวลาไม่นานแต่ความเชี่ยวชาญเมื่อยังเป็นเอกบดินทร์ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพียงแค่ฝึกฝนอีกไม่นานคงจะเก่งขึ้น

ผัวะ!

โครม!

ข้าหันไปตามเสียง ทำให้เห็นบานประตูหลุดออกมากองอยู่ไม่ห่างจากข้า พวกเหล่าองครักษ์วิ่งเข้ามาหาด้วยความเร็ว

“องค์ชายทรงเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทรงเรียกตั้งแต่ยามสายจนมืดค่ำทำให้ต้องตัดสินใจพังพระทวารเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ” ข้ามององครักษ์ที่ชื่อเจียงหั่วเอ่ยถามพร้อมสำรวจร่างข้าจนทั่ว

“ข้าไม่ได้เป็นไร” บอกเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ข้าหิวจังมีอันใดให้กินบ้าง” ข้าเอ่ยถามเพื่อตัดปัญหา ซึ่งคำถามของข้าก็ทำให้แม่นมรีบไปหาเครื่องเสวยมาให้ข้ากิน ข้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องตอบคำถามนาง ทว่าสายตาที่จ้องมองข้าเหมือนจะมองทะลุให้ถึงกระดูกของเหล่าองครักษ์ทำให้ข้านั่งลงบนเตียงนอนอีกครั้ง “พวกเจ้าจะมองข้าไปถึงเมื่อไร”

“ขออภัยองค์ชาย แต่พวกกระหม่อมสัมผัสได้ถึงลมปราณของพระองค์แม้จะแผ่วเบาแต่ก็พอสัมผัสได้” คำตอบขององครักษ์นามฮุ่ยเจียนซึ่งเป็นฝาแฝดคนพี่ขององครักษ์ฮุ่ยเจิน อดทำให้ข้าตกใจไม่น้อย อาจเพราะกำลังฝึกใหม่ๆ ทำให้ข้าเก็บลมปราณยังไม่ได้

“หากพวกเจ้าสัมผัสได้แล้วมันคือลมปราณอะไร” ข้าเอ่ยถามพร้อมเอียงหน้าถามเหมือนไร้เดียงสา ดวงตาพราวใส มองสามองครักษ์ที่หันหน้ามองกันเงียบๆ

“พวกกระหม่อมสัมผัสได้เพียงแผ่วเบา มิอาจบอกได้ว่าคือลมปราณอะไร และตอนนี้มันหายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เจียงหั่วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ข้าลอบอมยิ้มออกมานิดๆ

“พวกเจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย ข้าหิวมากแล้ว”

ข้าบอกเมื่ออาหารมาถึง ก่อนจะรีบไปที่โต๊ะเล็กกลางห้องทันทีพร้อมลงมือกินอาหารอย่างไม่เปิดโอกาสให้ใครได้เอ่ยถามอีกครั้ง จากนั้นข้าก็ไปอาบน้ำนอน รอดจากการสอบถามไปอีกหนึ่งวัน...

เช้าวันนี้ช่างครึกครื้นเสียจริงๆ ตอนนี้ตำหนักที่ข้าอยู่มีคนมากมายเพื่อมาเยี่ยมเยียนข้า โดยเฉพาะมีเสด็จพ่อที่ข้าเพิ่งเห็นหน้าครั้งแรกตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาในชีวิตใหม่นี้ แต่ข้าก็รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร

“ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ร่างเล็กของเด็กวัยห้าขวบของข้าตอนนี้นั่งคุกเข่าก้มหน้าถวายบังคมเจ้าเหนือหัวของแผ่นดินนี้อย่างนอบน้อมตามความทรงจำ

“ลุกขึ้นเถอะ อย่าได้มากพิธี” เสด็จพ่อบอกพร้อมประคองร่างข้าให้ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง

“พ่อเพิ่งกลับมาจากราชการเมื่อได้ข่าวเรื่องเจ้าจึงรีบมาดูอาการ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเหมือนห่วงใยและแววตาคมที่มองอย่างจริงจังนั้นทำให้ข้ารู้สึกดีไม่น้อย

“หลิ่งเหวินขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงกรุณา ลูกอาการดีขึ้นแล้ว คงอีกไม่นานจะเข้าไปซนที่ห้องอักษรของเสด็จพ่อได้พ่ะย่ะค่ะ” คำกล่าวของข้าทำให้พระองค์หัวเราะออกมาอย่างขำๆ มือหนายกขึ้นลูบศีรษะข้าอย่างแผ่วเบา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel