บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(1)

บทที่ 1 กงล้อชะตาเริ่มเคลื่อนไหว...(1)

ผมวางดาบลงไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินจากไปวันนี้คงต้องให้ช่างมาปูกระเบื้องพื้นใหม่อีกแล้วสินะ ผมคิดอย่างเซ็งๆ จากนั้นจึงออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าเพื่อจะได้กลับมาใส่บาตรตอนเช้าได้ทัน ความจริงผมไม่เคยใส่บาตรเลยด้วยซ้ำไป แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกไม่ดีและวันนี้อายุครบ25 ปีจึงอยากจะทำบุญให้ตัวเองสักครั้ง ผมสั่งแม่บ้านให้เตรียมของไว้ให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเย็นวาน

เมื่อกลับมาจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อย แล้วลงมาหาแม่นมที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่ได้แปลกใจที่วันนี้ไม่เห็นพ่อกับแม่เพราะทุกวันท่านก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านกันอยู่แล้ว

“คุณหนูพระมาแล้วค่ะ” แม่นมบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเจ้านายตัวน้อยที่โตเป็นหนุ่มเดินเข้ามาและเป็นช่วงที่พระมาพอดี จำนวน 9 รูป อาหารคาวหวานและดอกไม้ธูปเทียนบรรจงวางอย่างเบามือ ดวงจิตกลับรู้สึกอิ่มเอม

“กงล้อแห่งชะตาเริ่มเคลื่อนไหวแล้วนะโยม ขอให้โยมโชคดี” พระภิกษุสงฆ์ที่ดูอาวุโสกว่าเพื่อนกล่าวด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนเดินจากไป ผมลุกขึ้นยืนมองตามหลังอย่างมึนงง

“หลวงตาพูดเรื่องอะไรกัน” แม่นมพูดตามหลังอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมองเจ้านายตัวน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีขาวที่ดูประณีตยื่นเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณหนู” ผมหันมามองมองแม่นมแล้วส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน คำพูดของหลวงตารูปนั้นยังสะกิดใจผม ผมเดินมาห้องอาหารแต่วันนี้กลับมีเค้กก้อนโตขนาด 1 ปอนด์วางอยู่กลางโต๊ะอาหาร

“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณหนู”

แม่นมบอกด้วยรอยยิ้มพร้อมบรรดาสาวใช้ที่ออกมากล่าวพร้อมกัน ทำให้ผมตื้นตันจนพูดไม่ออก วันนี้ผมได้กินเค้กฝีมือแม่นมผมไม่รู้หรอกว่ารสชาติอร่อยมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกบอกว่ามันอร่อยที่สุดเท่าที่ผมกินมา

วันนี้ผมไม่ได้ออกไปไหนเพราะอยากฉลองวันเกิดให้ตัวเอง และก็ไม่ได้ออกไปช่วยงานพ่อที่บริษัทหนึ่งวันพวกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ผมเดินผ่านห้องดนตรีที่มีอุปกรณ์เกือบทุกชนิดเก็บไว้ ในนั้น มีไวโอลีน เปียโน และมีอีกหลายชิ้นที่ผมไว้เล่นยามเบื่อๆ

แต่สิ่งที่สะดุดตาทำให้ผมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องคือกู่เจิงสีทองที่ทำอย่างประณีตวางอยู่อย่างเรียบร้อยกลางห้อง ผมเดินเข้าไปหาเหมือนมนต์สะกด ผมจำได้ว่าที่เคยวางอยู่ตรงนี้เป็นกู่เจิงไม้ที่ผมเคยซื้อไว้แต่ตอนนี้กู่เจิงได้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผมมานั่งอยู่หน้ากู่เจิงสีทองสวยงามตาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ นิ้วเรียวจับกู่เจิงเบาๆ ความรู้สึกโหยหา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพลงในความฝันยังตราตรึงจนทำให้ผมอยากบรรเลงเพลงนั้นด้วยตัวเองอีกสักครั้ง นิ้วเรียวเริ่มบรรเลงเพลงที่คุ้นเคยตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เหมือนห้วงฝันที่เป็นจริง เสียงใสกังวานเริ่มกระจายไปตามจังหวะ ดวงตาพราวระยับ ริมฝีปากเผลอยิ้มออกมา ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเพลงยินดีปรีดาเริ่มจบลงที่โน้ตสุดท้าย

ทว่าร่างของผมกลับฟุบลงกับพื้นพร้อมดิ้นรนอย่างทุรนทุราย มิอาจร้องออกมาได้ หัวใจเหมือนถูกบีบให้แหลกสลาย สายตาเริ่มพร่ามัว มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเหลือคณาแค่ไหนแต่กลับมองเห็นคนที่เคยเจอในฝัน พร้อมเสียงหวานอ่อนโยน

“กลับภพแดนที่ควรจะเป็น หมดเวลาเที่ยวเล่นแล้วบุตรแห่งข้า” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่สติผมจะดับไป...

“นี่คือความฝันอีกแล้วใช่ไหม”

ในดินแดนอันมืดมิดแต่กลับรู้สึกอบอุ่น ทว่าผมกลับไม่อยากอยู่ในที่มืดมิดที่มันอุ่นจนร้อนอย่างนี้เลย ผมพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้ตัวเอง เสียงมากมายเหมือนดังอยู่ใกล้ๆ แม้จะฟังออกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่มันน่ารำคาญแทนที่จะเอาเวลาพูดมากมาช่วยฉุดผมออกจากความมืดมิดนี้ไม่ดีกว่าหรือไง

เปลือกตาที่หนักอึ้งและเหมือนร่างกายที่หนักราวกับมีอะไรมาทับทำให้ผมรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดิ้นรนและลืมตาขึ้นได้ในที่สุด ทว่าแสงสว่างที่มองเห็นมันแสบตามากจนต้องรีบหลับตาลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel