บท
ตั้งค่า

9.หมายถึงเจ้าต่างหาก

เผ่ามารนั้นตั้งอยู่ติดกับเมืองมนุษย์ แต่ทว่ากลิ่นอายขุ่นมัวที่นี่มีมากมายยิ่งนัก เทพจากบนสวรรค์หรือแม้แต่มนุษย์ที่เดินทางมาที่นี่จะต้องรีบออกไปจากเผ่ามารเมื่อครบกำหนดระยะเวลาสามปี จะต้องไปอยู่เมืองมนุษย์หนึ่งปี หรือไม่ก็กลับไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้าหนึ่งปีถึงจะสามารถเข้ามาอยู่ในเผ่ามารใหม่ได้อีกครั้ง

ไม่อย่างนั้นจุดชีพจรจะถูกปิดกั้น หากเป็นมนุษย์จะหายใจไม่ออกจนสิ้นลมตายไป แต่หากว่าเป็นเทพ พลังปราณที่บำเพ็ญมาตลอดชีวิตจะจางหายไป สุดท้ายเมื่อเทพไม่มีพลังปราณเซียนก็จะไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่ง

ไอขุ่นมัวพวกนั้นจะรอคอยช่วงชิงลมหายใจจากทั้งมนุษย์และเทพบนสวรรค์ไปช้าๆ

เรื่องนี้มิใช่ว่าหมิงหลันจะไม่ล่วงรู้ ท่านเทพม่อเกวียนย้ำกับนางนักหนาว่าจะมารับนางเมื่อครบกำหนดสองปี จะตั้งครรภ์หรือไม่ เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะว่าท่านเทพม่อเกวียนจะต้องมาพานางออกไปก่อนระยะเวลาสามปี

เพราะมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มาก หมิงหลันจึงมิคิดรีรอเรื่องการเปิดเผยความในใจให้ท่านจอมมารได้ฟัง นางซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองและซื่อตรงต่อเขาด้วย

ทว่าสีหน้าอึดอัดใจของท่านจอมมารในยามที่ท่านจอมมารคนก่อนกล่าวถึงพิธีแต่งงาน มันทำให้หมิงหลันรู้สึกว่านางบังคับและฝืนใจเขามากเกินไป จากที่จะได้ใกล้ชิดกลับต้องห่างกันเพราะว่าเขาอาจจะมองว่านางฉกฉวยโอกาสนี้เพื่อครอบครองเขา

“เรื่องการแต่งงาน หมิงหลันคิดว่าไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ข้ามาที่นี่เดิมทีก็เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง การแต่งงาน เมื่อคำนับฟ้าดินด้วยกันแล้วย่อมต้องใช้ฐานะของสามีภรรยาไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นอื่น..ข้าไม่อยากกดดันท่านจอมมาร แต่หากว่าท่านจอมมารเอ่ยปากออกมาเองว่าอยากแต่งงานกับข้า หมิงหลันก็มิคิดปฏิเสธน้ำใจ..”

“..ท่านพ่อและท่านแม่คงจะได้ยินที่นางกล่าวออกมาแล้วว่านางเองก็มาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ พวกท่านโปรดวางใจเพราะเมื่อคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแรกเดินทางมาถึง ข้าจะทำหน้าที่ของข้าเหมือนกัน พวกท่านจะได้องค์รัชทายาทเผ่ามารจากข้าอย่างแน่นอน”

เทพซื่อมิ่งมองหน้าลูกชายที่กล่าวคำเช่นนั้นออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ

แผลในใจของหลี่เจ๋อเชี่ยนใช่ว่าจะหายได้ในเร็ววัน ขนาดร่างกายที่ได้รับแผลยังต้องใช้เวลาในการสมาน แต่ทว่าหัวใจของเจ๋อเชี่ยนนั้นใช้เวลาในการรักษาเยียวยาตัวนานนานเกินไปแล้ว

สตรีใช่ว่าจะเปลี่ยนใจรวดเร็วดังสตรีนางนั้นทุกคนเมื่อไรกัน เจ๋อเชี่ยนนะเจ๋อเชี่ยน ยามนี้เจ้าถือดอกเหมยฮวาที่ทั้งงดงามและล้ำค่าอยู่ในมือและเหตุใดยังไม่ยอมปล่อยวางดอกเบญจมาศดอกเก่าทิ้งจากมือไปอีกเล่า

ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้าเจ้าจะมาร่ำไห้เสียใจที่วันนี้ไม่ยินยอมคว้าดอกเหมยฮวามาครอบครองอย่างนั้นหรือ

“เขาโง่งมเหมือนข้าไม่มีผิด”

ท่านจอมมารคนก่อนกล่าวเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเสียดาย

“สักวันหนึ่งเขาจะตาสว่างเช่นเดียวกันกับท่าน เราแค่ต้องให้เวลาเขาสักหน่อย”

“ข้าหวังว่าเวลาที่เจ้าว่ามาจะไม่สายเกินไปจนเทพบุปผาผู้นี้อดทนรอไม่ไหวหรอกใช่ไหม ซื่อมิ่งเจ้าควรจะขึ้นไปบนสวรรค์และเขียนวาสนาให้เจ๋อเชี่ยนเสียใหม่”

เทพซื่อมิ่งหัวเราะเบาๆ

“วาสนาเทพเซียนข้ายื่นมือเข้าไปยุ่งได้ที่ไหนกัน จากนี้ต่อไปก็สุดแล้วแต่เชี่ยนเชี่ยนเถอะ วาสนาของเขา เขาล้วนจะต้องลิขิตลงไปเอง”

...........

ไป๋หมิงหลันนั่งลงที่ริมสระบัวอีกครั้ง หลังจากวันที่เข้าไปคาราวะท่านเทพซื่อมิ่งและท่านจอมมารคนก่อน นางก็มิได้พบเจอกับท่านจอมมารอีกเลย

ราวกับว่าเขากำลังหลบหน้า..มิรู้ว่านี่คือการหลบหน้ากันหรือว่ามันคือการไม่อยากเห็นหน้านางกันแน่

ทั้งๆ ที่มีเวลาอยู่ที่นี่เพียงแค่สองปีเท่านั้น จะมาแกล้งๆ เดินผ่านให้เห็นหน้ากันหน่อยก็มิได้ ช่างใจร้ายยิ่งนัก

หมิงหลันทอดสายตามองออกไปในสระบัว ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นางมิได้พบเจอดอกไม้ชนิดอื่นเลย มีเพียงดอกบัวในสระเท่านั้นที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำ

หมิงหลันลุกขึ้น นางแตะลงไปเบาๆ บนต้นไม้ที่อยู่ริมตำหนักที่พักของนาง สายลมเย็นพัดผ่านร่างกายของหมิงหลันไปพร้อมๆ กับ..ดอกไม้สีแดงที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้เมื่อครู่

ริมฝีปากบางพลันหยักยิ้มขึ้นมาด้วยความชอบใจ หมิงหลันวาดมือไปในอากาศอีกครั้ง ต้นไม้ทุกต้นในบริเวณนี้ที่มีแต่ใบกลับแปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงามที่กำลังผลิบานส่งกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

แบบนี้ค่อยสมกับเป็นที่พักของเทพบุปผาหน่อย

“นี่ข้ามาผิดที่รึเปล่า? ให้ตายเถอะที่นี่ดูราวกับสวรรค์ชั้นฟ้ามากกว่าจะเป็นเผ่ามารอีกนะหมิงหลัน”

หลี่เจ๋อฮั่นเดินเข้ามาพร้อมกับไหสุราในมือ เขาชูไหสุราขึ้นมาพร้อมๆ กับไก่ที่ผ่านการย่างแล้ว

“อ่า..เห็นเจ้าทีไรข้าอดจะนึกถึงจอมเสเพลของสำนักจินซวนมิได้”

จอมเสเพลผู้นั้นดื่มสุราแทนน้ำ มีคำกล่าวว่าแม้แต่ในยามที่เขากำลังจะตายยังร้องขอสุราแทนยารักษาโรค

“ความลับของข้า..ถูกเปิดเผยแล้วสินะ จอมเสเพลผู้นั้นคงจะเป็นศิษย์น้องของข้าเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเมามายไม่ได้สติมากแค่ไหน เขาก็เลือกที่จะนอนอยู่เฉยๆ ซึ่งมันคือการเมาที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ ดื่มสุราก็จะต้องเคล้านารีสิ..ยิ่งเป็นสตรีที่งดงามยากจะหาพบในโลกเบื้องล่างและเผ่ามารด้วยแล้ว ข้ายิ่งอยากจะดื่มสุราให้เมามายทุกวันเพื่อให้ได้พบใบหน้าของนาง..”

นี่เป็น..ครั้งแรกรึเปล่า แววตาของหมิงหลันที่กำลังมองเขามันสั่นไหวเล็กๆ ราวกับระลอกคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา

มุมปากของหลี่เจ๋อฮั่นแสยะยิ้มออกมาด้วยความยินดี เหมือนกับว่าความพยายามของเขามันจะไม่สูญเปล่าเสียแล้ว เขาสามารถสั่นคลอนกำแพงสูงชันในหัวใจของนางได้บ้างแล้วสินะ

ก่อนมาที่นี่เขาได้ข่าวว่าพี่ใหญ่ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับนางเสียงแข็ง ก็ใช่นะสิคนเช่นนั้นไม่รู้จักรักหยอกถนอมบุพผางามหรอก พี่ใหญ่นั้นเป็นเหมือนท่อนไม้แข็งๆ ที่ไม่รู้จักรักใครหน้าไหนทั้งนั้น..

“แสดงว่าที่เมืองมนุษย์ยังมีสตรีงามอีกมากมายสินะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นการดื่มสุราของเจ้าคงไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนี้ เพราะนารีสามารถทำให้รสขมของสุราแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติที่หอมหวานได้..ท่านเจ๋อฮั่นถึงได้เมามายทุกวัน”

ที่เขาพูดไปตั้งยืดยาว มันมิได้ซึมซาบเข้าไปในหัวใจของสตรีงามผู้นี้เลยอย่างนั้นหรือ เขามิได้หมายความถึงสตรีเมืองมนุษย์ แต่หมายถึงนางต่างหากเล่า

“ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก..เทพบุปผาที่งดงามยิ่งกว่าหมู่มวลดอกไม้ใดๆ ในเผ่ามาร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel