บทที่ 4
บุหลันละจากของหวานหน้าตาน่าทานทันควัน หันมาดูอาการ ของว่าที่เจ้าบ่าวด้วยความเป็นห่วง
“กายเป็นอะไรลูก เป็นอะไร?” มัลลิกาถามด้วยนี้าเสียงตกใจ ระคนเป็นห่วง
“ปวดหัวครับ อยู่ๆ ก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา” คนที่ปวดศีรษะตอบ
“คุณหญิงป้าคะ พาคุณกายกลับบ้านดีกว่าคะ ท่าทางคุณกาย จะไม่ไหวแล้ว”
บุหลันพูดเสียงรน สีหน้าของชาญวิทย์ตอนนี้ค่อนข้างซีด อาจ เป็นเพราะว่าวันนี้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันไหนจะพาเธอไปรับชุดราตรีไหน จะไปนั่งเฝืาเวลาที่เธอแต่งหน้าทำผมซึ่งกินเวลานานนับชั่วโมง ออกจาก ร้านซาลอนชื่อดังเสร็จก็ต้องขับรถมาที่บ้าน เพื่อแต่งตัวมางานเลี้ยงคํ่า คืนนี้อีก เวลาพักผ่อนจึงน้อยนิด แม้ว่าบุหลันจะค้านไม่ให้เขามางานการ กุศลครั้งนี้ แต่เมื่อได้ยินเหตุผลของเขา บุหลันจึงกลืนคำค้านนั้นลงคอไป จนสิ้น
“ถ้าจันทร์ไม่ได้เป็นนางแบบในคืนนี้พี่ก็จะไม่ไปหรอก อีกอย่างพี่ ตั้งใจว่าจะประมูลสร้อยที่จันทร์สวมใส่ในวันนี้ด้วยไง”
“ไปลูกไป กลับบ้านนะกาย กลับไปพักผ่อน”
มัลลิกาพูดจบก็พยักหน้าให้คนติดตามมาช่วยกันพยุงลูกชาย ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องลัดเลี้ยงทันที การณ์นี้ บุหลันได้ลืมสิ่งหนึ่งไว้บนโต๊ะด้วย
ชาญณรงค์ มัลลิกา บุหลันและคนติดตามของรัฐมนตรีชื่อดังที่ พยุงร่างของคนไม่สบายมายังรถตู้คันหรูราคาเหยียบลิบล้าน ทันทีที่ ประตูรถเปิดออก คนของชาญณรงค์ได้นำร่างของชาญวิทย์เข้าไปนั่งใน รถตู้ทันที ตามด้วยชาญณรงค์และมัลลิกา ส่วนบุหลันนั้นกำลังจะก้าว ขึ้นไปบนรถ ทว่าเสียงของมัลลิกาเอ่ยขึ้นมา นี้าเสียงของนางนั้นเต็มไป ด้วยความตกใจ
“จันทร์แล้วเครื่องเพชรล่ะ จันทร์หยิบมาด้วยหรือเปล่า?”
คนที่ถูกถามตกใจยิ่งกว่า เพราะเธอลืมกล่องเครื่องประดับเสีย สนิท เพราะวินาทีนั้นความห่วงชาญวิทย์บดบังทุกอย่าง ลืมแม้แต่ ของขวัญที่จาร์ฟาตั้งใจจะมอบให้เธอ ในวันที่ยังรักกันหวานชื่น
“จันทร์ลืมหยิบมาค่ะ”
บุหลันตอบด้วยนั้าเสียงตกใจ ความกังวลว่าสร้อยเพชรเม็ดงาม นั้นจะหายไปผุดขึ้นมาในสมอง หากหายไปจรืงๆ เธอคงเสียใจมาก เพราะอย่างน้อยสร้อยเล้นนั้นเป็นความทรงจำระหว่างจาร์ฟากับเธอ ความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน และนั้นเองที่ทำให้เธอคิดจะกลับเข้าไป เอาในงาน“เดี๋ยวจันทร์ไปเอาเครื่องเพชรก่อนนะคะ”
“ไปเถอะรีบไป ประเดี๋ยวจะหายเอาได้ ฉันจะรอนะ จันทร์รบไป รีบมาก็แล้วกัน”
มัลลิกาเห็นด้วยที่บุหลันจะกลับเข้าไปในงาน เพื่อนำของมีค่า ขึ้นนั้นกลับมา
“ปวดหัวจังครับคุณแม่”
เสียงของชาญวิทย์ทำให้ทุกคนเรมร้อนใจ เพราะกลัวว่าอาการ ปวดศีรษะจะนำอันตรายมาสู่ผู้ป่วยคนนี้
“ปวดมากเลยหรือกาย ถ้าปวดมากแม่ว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า นะจะได้ให้หมอดูอาการ?”
มัลลิกาหันมาถามลูกชาย สีหน้าและนั้าเสียงเต็มไปด้วยความ ห่วงใยกลัวว่าอาการจะทรุดหนักมากกว่านี้
“ไม่ต้องครับ ผมอยากนอนพักครับ กลับบ้านเลยครับคุณแม่” คนที่มีอาการไม่สบายเอ่ยตอบ
“คุณหญิงป้าพาคุณกายกลับบ้านไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจันทร์นั่ง รถของโรงแรมกลับบ้านเองค่ะ คุณกายจะได้พักผ่อน”
เธอคิดว่ารอกันไปรอกันมาอย่างนี้ไม่ดีแน่ อีกทั้งยังเป็นการ เสียเวลาด้วย วิธีที่เธอบอกนั้นดีที่สุดแล้ว อีกประการหนึ่งโรงแรมชั้นหนึ่ง มีบริการเช่ารถโรงแรมอยู่แล้ว เธอก็แค่ไปติดต่อให้รถโรงแรมไปส่งที่บ้าน เท่านั้น ปลอดภัยกว่านั่งรถปริการสาธารณะ เนื่องจากบุหลันจะต้องนำ เครื่องเพชรราคาแพงกลับบ้านไปด้วย
“ป้าว่าให้คนของท่านณรงค์ไปเอาเครื่องเพชรดีกว่านะ แล้ว จันทร์ก็มากับฉัน”
ภรรยารัฐมนตรีเสนอความคิดเห็นอื่น เพราะนางห่วงเรื่องความ ปลอดภัยของว่าที่ลูกสะใภ้ให้ผู้ติดตามของสามีไปเอาสร้อยน่าจะดีที่สุด
“จันทร์ไปเองดีกว่าค่ะ คนติดตามของท่านก็ต้องอยู่ดูแลความ ปลอดภัยของท่านสิคะ ทำงานนอกแบบนี้จันทร์ไม่สบายใจค่ะ อีกอย่าง รถของโรงแรมก็มีความปลอดภัยอยู่แล้วค่ะ คุณหญิงป้าไม่ต้องเป็นห่วง จันทร์นะคะ จันทร์กลับบ้านได้ค่ะ คุณหญิงป้ารีบพาคุณกายกลับไป พักผ่อนที่บ้านเถอะค่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอจันทร์” เธอให้เหตุผลและ ยํ้าชัดในความตั้งใจของตน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ส่วนเรื่องเงินค่าเช่ารถไปเก็บที่บ้านก็แล้วกัน”
มัลลิกาเมื่อได้ฟังเหตุผลของบุหลัน นางก็ต้องจำนนโดยไม่มีข้อ โต้แย้ง จริงดังคำพูดของสาวตรงหน้าผู้ติดตามของสามีมีหน้าที่ดูแล ความปลอดภัยของชาญณรงค์โดยตรง หากใช้ไปทำงานอื่นก็คงไม่ เหมาะสม
ทันทีที่ประตูอัตโนม่ติของรถตู้ปิดสนิท บุหลันได้หมุนตัวเดินกลับ เช้าไปในตัวอาคารโรงแรมอีกครั้ง ตรงไปยังลิฟฅํโดยสารมุ่งขึ้นสู่ชั้นที่ 7 เพื่อเดินทางไปยังห้องลัดเลี้ยงอีกครั้ง
บุหลันก้าวฉับๆ เช้ามาในงานที่มีแขกเหรอสังสรรค์กันอย่างออก รส แต่เธอไม่สนใจใครทั้งนั้น มุ่งหน้าเดินตรงไปยังโต๊ะวีไอพีที่ตอนนี้ไม่มี ร่างของชีคจาร์ฟานั่งอยู่ และที่สำคัญกล่องเครื่องเพชรก็ไม่อยู่ด้วย เช่นกัน
วินาทีนั้นหัวใจเธอหล่นไปอยู่แทบเท้า ความเสียใจพลุ่งพล่านใน อกเมื่อไม่เห็นสิ่งของที่ตั้งใจมาเอาวางอยู่บนโต๊ะ ในที่สุดเธอก็รักษา หัวใจจาร์ฟาไม่ได้ เสมือนกับที่รักษาความรักระหว่างเขาและเธอไม่ได้ นี้าตาสาวเหมือนจะสนองตอบตามอารมณ์โศกเศร้าของบุหลัน เอ่อล้น จวนเจียนจะไหลเต็มแก่
“จันทร์เป็นอะไรจ๊ะ ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไร?”
ประภัสสรที่เดินพูดปะกับคนที่มาร่วมงานมองเห็นบุหลันกลับ เช้ามาในงานอีกครั้ง นางจึงเดินเช้ามาหาสาวรุ่นลูก และเมื่อเห็นนี้าตา ของบุหลัน นางจึงเอ่ยถามถึงสาเหตุของการร้องไห้ในครั้งนี้
“จันทร์ลืมกล่องเคเรื่องเพชรที่ท่านชีคให้น่ะค่ะ พอกลับมาเอามัน ก็หายไปแล้ว” เธอตอบเสียงเครือสั่น แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแก้มแทบฉีก
“หายเหยที่ไหนกัน ป้าเป็นคนให้ชันนี่เอาไปเก็บที่ห้องเอง”
คราวนี้รอยยิ้มแห่งความดีใจบังเกิดขึ้นบนดวงหน้าหญิงสาว ทันทีที่ได้ยินก้อยคำของคุณหญิงประภัสสร
“จรืงเหรอคะคุณหญิงป้า คุณหญิงป้าเอาเครื่องเพชรของจันทร์ ไปเก็บจรืงๆ นะคะ”
นี้าเสียงดีใจของคนที่คิดว่าของมีค่าแทนใจหายเอ่ยถามเจ้าของ งานเสียงรัว
“จรืงสิ จะหลอกจันทร์ทำไม นี่คีย์การ์ดห้องที่ป้าให้ชันนี่เอา เครื่องเพชรไปเก็บ ป้าคงขึ้นไปเอาเองไม่ได้เพราะต้องดูแลแขก หมายเลขห้องก็อยู่ตรงคีย์การ์ดจันทร์ไปเองก็แล้วกันนะ”
ประภัสสรเอ่ยบอกขณะที่หยิบคีย์การ์ดห้องพักที่ว่านั้นออกมา จากกระเป๋าใบเล็กแต่ราคาไม่เล็ก ก่อนจะส่งให้บุหลันที่รืบรับมันไว้ด้วย ความดีใจ
“ขอบคุณค่ะคุณหญิงป้า จันทร์ขอตัวนะคะ”
บุหลันพนมมือไหว้ประภัสสรก่อนจะรีบเร่งไปยังห้องหมายเลข
5201 ที่ติดอยู่บนคีย์การ์ดทันที ความดีใจที่เครื่องเพชรไม่ได้หายทำให้ สาวเจ้าลืมคิดอะไรไปหลายๆ อย่าง
อาทิเช่นเหตุใดประภัสสรจึงต้องเปิดห้องนั้นเพื่อเก็บเครื่องเพชร หรืออาจจะเป็นเพราะว่า เป็นห่วงกลัวว่าเครื่องเพชรจะหาย แต่ก็ไม่
น่าจะใช่เนื่องจากเครื่องเพชรถูกดูแลอย่างเข้มงวดจากตำรวจนอก เครื่องแบบหลายนาย ที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยของเครื่องประดับ เลอค่านั้นอยู่แล้ว อีกประการหนึ่งห้องที่เก็บเครื่องเพชรก่อนที่จะนำ ออกมาให้นางแบบสวมใส่นั้น ไม่ใช่ห้องหมายเลข 5201 แต่เป็นอีกห้อง หนึ่งที่อยู่ติดกับห้องแต่งตัว
หญ0สาวร่างงามก้าว เดินออกมาจากลิฟต์เมื่อ เดินทางมาถึงชั้น ที่ 52 เธอเสียเวลาไปพอสมควรเนื่องจากชั้นนี้ไม่สามารถใช้ลิฟต์ร่วมกับ ชั้นอื่นๆ ได้ มีลิฟต์เฉพาะดูคล้ายจะเป็นลิฟต์ส่วนตัว กว่าที่เธอจะได้ขึ้น ลิฟต์ต้องรอให้ผู้จัดการโรงแรมมากดรหัสผ่านให้
บุหลันเดินลิ่วๆ มายังห้อง 5201 ซึ่งมีอยู่สองห้องในชั้นนี้ เธอ เสียบคีย์การ์ดเช้าไปในช่องเสียบหน้าห้อง ชั้วอึดใจเท่านั้นประตูห้องก็ เปิดออก มือเล็กจึงผลักประตูบานนั้น แล้วก้าวเดินเช้าไปในห้อง
ความสวยงามของห้องที่ปรากฏในดวงตาคู่หวาน สร้างความตื่น ตาตื่นใจได้ไม่น้อย ห้องถูกตกแต่งสไตล์อาหรับที่ผสมผสานกับความเป็น ไทยได้อย่างลงตัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นฟุงกระจายไปทั่วทั้งห้อง สดชื่น ยามที่ได้สูดดม โซฟาหลุยส์สีแดงชุดใหญ่จัดวางอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ่งบอกถึงรสนิยมอันลํ้าเลิศ ห้องนี้ยังมีอีก หลายห้องอยู่ในนี้ เธอคาดว่าน่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้อง อื่นๆ ซึ่งเวลานี้เธอไม่มีเวลามาสำรวจห้องสุดหรูนี้มากนัก ลิ่งที่เธอ ต้องการคือเครื่องเพชรชุดหัวใจจาร์ฟา
“เคริ่องเพชรอยู่ที่ไหนเนี่ย ลืมถามคุณหญิงป้ามาด้วย”
แรกเริ่มบุหลันคิดว่าห้องพักที่ประภัสสรบอกนั้นเป็นห้องพัก ธรรมดา พอเข้ามาก็จะพบของที่ต้องการวางไว้ที่เตียงนอน หรือไม่ก็โต๊ะ ที่ลัดวางไว้ใช้ประโยชน์ภายในห้อง ไม่คิดว่าจะเป็นห้องสวีท ห้องที่มี ความใหญ่และราคาแพงมากที่สุด ฉะนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าชันนี่นำเคริ่อง เพชรไปเก็บไว้ที่ใด มีวิธีเดียวคือหาทีละห้อง เริ่มจากห้องที่บุหลันยืนอยู่
“ไม่มีเลย ไปหาห้องอื่นต่อดีกว่า”
เสียงของบุหลันดังขึ้น เมื่อหาห้องที่น่าจะพูดว่าเป็นห้องรับแขก ไม่มี สาวเจ้าจึงเดินไปยังห้องอื่น ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่สองที่เธอเข้าไป หา แต่ก็หาสิ่งของที่ต้องการได้ไม่ เท้าเล็กๆ จึงยํ่าเดินไปยังห้องอื่น ห้อง ออกกำลังกายส่วนตัวที่มีเคริ่องออกกำลังกายหลายอย่าง ซึ่งแค่ยืนมอง หน้าประตูก็รู้แล้วว่าไม่มีของที่ต้องการ บุหลันจึงเดินไปยังห้องอื่น ห้อง จัดเลี้ยงเล็กๆ ในหมู่ผองเพื่อน ห้องซาวน่าและสปา ห้องครัวขนาดเล็กที่ มีห้องรับประทานอาหารแยกออกเป็นสัดส่วน ห้องนอนห้องที่ 1 ซึ่งมี ขนาดเล็กกว่าห้องนอนใหญ่ที่เธอเข้าไปดูเป็นห้องสุดท้าย
“อยู่นั่นเอง หาตั้งนาน”
เสียงแห่งความดีใจขับออกไปจากปากสาว เมื่อดวงตาคู่สวย มองเห็นกล่องเคริ่องประดับหัวใจจาร์ฟา วางอยู่บนเตียงนอนขนาดคิง ไซด์ที่สามารถนอนได้หลายคน เธอยํ่าเดินไปบนพรมเปอร์เซียลายสวย ไปหยิบกล่องเคริ่องเพชรนั้นมาไว้ในมือ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินออกไป จากห้องสุดหรู
“ท่าน...ท่านชีค”
เสียงเบาหวิวไหลผ่านลำคอที่แห้งผาก หลังจากที่เห็นชีคหนุ่ม ยืนกอดอกพิงประตู ดวงตาคมกรบมองมายังร่างสาวด้วยประกายตาวับ วาว ร่างกายของบุหลันแข็งดุจหินในฉับพลัน ขาทั้งสองก้าวไม่ออกยืน แข็งทื่อ ดวงตาขยายกว้างมองจาร์ฟาด้วยหัวใจเต้นเร้าถี่แรงจนเธอกลัว ว่า ก้อนเนี้อที่เต้นอยู่นั้นจะทะลุผิวเนี้ออกมา อาการหน้ามืดตาลายเรม ตามมา
สาเหตุนั้นเป็นเพราะเวลานี้เรือนกายสูงใหญ่ของเขามีเพียง ผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอว อวดความบึกบึน ลํ่าสันของเรือนกายท่อนบน ที่สาวคนไหนเห็นแล้วต้องใจละลาย ร่างกายของเขาสมชายชาตรี กล้ามเนี้อตรงแผงอกขึ้นเป็นหมัดกล้าม หน้าท้องเพอร์เฟกด้วยความ ลอนนูนของกล้ามเนี้อสี่ลอน กล้ามตรงแขนขึ้นเป็นปล้องๆ พองดงามไม่ ใหญ่จนน่ากลัว
โอ้...พระเจ้า สรีระของเขาสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
“เรียกซะห่างเหินเขียวนะ ทำไมไม่เรียกชื่อฉันเหมือนก่อนล่ะ” เขากระตุกยิ้มเมื่อพูดจบ “แล้วตกใจมากหรือไงที่เห็นผัวเก่ายืนอยู่ตรง นี้?”
เสียงเข้มห้วนเอ่ยถามคนที่ตกอยู่ในอาการตระหนกตกใจ คนที่ ถูกถามได้สติเมื่อได้ยินนี้าเสียงอันทรงพลัง
“ท่านชีคมาทำอะไรที่ห้องนี้คะ?”
บุหลันไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับถามบุรุษตรงหน้าด้วย นํ้าเสียงสั่น อาการหวาดกลัวยํ่าเยือนจิตใจของเธอจนแน่นขนัด เธอไม่ ไว้ใจสถานการณ์เวลานี้เลย มันเหมือนกับว่าการมาของเขาไม่ได้เป็น ความบังเอิญ เพราะร่างกายของเขาไร้อาภรณ์ปกปิด จะมีเพียงผ้าขนหนู ผืนใหญ่เท่านั้นที่ปกปิดร่างกายส่วนล่าง เพียงแค่คิดลมหายใจของ บุหลันก็สะดุด เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าขนหนู
“ก็ห้องฉันนี่ ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ แล้วเธอล่ะมาที่ห้องฉัน ทำไม หรือว่าจะรื้อฟืนความหลังครั้งเก่าก่อนกับฉันสองต่อสอง ได้เลย... ฉันลัดให้งามๆ”
เขาพูดด้วยนั้าเสียงน่ากลัว และน่ากลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาก้าว เข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า จ้องมองดวงหน้าสาวประหนึ่งราชสีห์ร้ายจ้อง มองเหยื่อไม่ให้คาดสายตา สาวเจ้านั้นมีทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือเดิน ถอยร่นหนี
“ถ้า...ถ้าอย่างนั้นลัยลาขอตัวนะคะ”
ลัยลา...คือชื่อเรียกเป็นภาษาอาหรับที่เธอใช้ชื่อนี้แทนตัว เมื่อ ครั้งที่บุหลันได้ทุนไปเรียนต่อระดับชั้นปรืญญาโทที่ประเทศจามาลย์ และนั้นทำให้ทั้งสองพบกันตอนที่หญิงสาวเช้าไปผ้กงานในบรีษัทผลิต นี้ามันที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกลางของเขา
เธอหลบเลี่ยงร่างหนาทันทีที่พูดจบ เดินแยกตัวออกไปทางด้าน ขวามือ ทิ้งระยะฟ่างพอสมควรก่อนจะรีบสาวเท้าวิ่งไปยังประตู ทว่า...
“ว้าย!!...ปล่อยค่ะท่านชีค ปล่อยลัยลา”
เธอหวีดร้องทันทีที่ร่างสาวถูกลำแขนใหญ่ตวัดเอวคอดกิ่ว ก่อน จะรั้งเข้ามาปะทะอกแข็งแรงที่บุหลันเคยลูบไล้อยู่บ่อยครั้ง
“จะไปไหนล่ะ อยู่คุยกันก่อนสิลัยลา ไหนๆ ก็มาแล้วมารื้อฟืน ความสุขกับฉันชักยกสองยกก่อนแล้วค่อยกลับ รับรองว่าว่าที่ผัวใหม่ขี้ โรคของเธอมันไม่รู้หรอก”
เสียงนั้นดังอยู่เหนือรมฟืปากสีน่าจูบของเธอ พร้อมกับลมหายใจ ร้อนๆ ที่กระทบกับปลายจมูก บุหลันทำอะไรแทบไม่ถูก ใจมันคล้ายกับ จะหยุดเต้น สมองดูเหมือนจะหยุดการทำงาน สั่งการให้ร่างกายทำอะไร ไม่ได้เลย นิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
แล้วรู้สึกว่าตนเองกำลังจะเป็นลม
“อย่าค่ะท่านชีค ปล่อยลัยลาเถอะนะคะ ลัยลาอยากกลับบ้าน” เธอร้องบอกชายหนุ่มที่รัดร่างตนเองเอาไว้แน่น แต่ดูคล้ายกับว่า เขาจะไม่สนใจเสียงเว้าวอนของบุหลันเลย กลับโกรธากับถ้อยคำของ หญิงสาวมากกว่า
“อยากกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ” เขาทวนคำพูดสาวเสียงเข้ม... เข้มจนคนที่ได้ยินกลัว “กลับไปร่านกับว่าที่ผัวใหม่งั้นสิ ฉันก็อยากจะรู้ นักว่าลีลาของฉันกับของมันใครจะทำให้เธอ ถึง มากกว่ากัน”
เขาเน้นคำว่า ถึง เสียงหนัก จากนั้นก็เหวี่ยงร่างอรชรขึ้นไปบน เตียง กระทำบางอย่างที่ทำให้บุหลันกรดร้องและร้องขอทั้งนี้าตา
“อย่า...อย่าทำอย่างนี้กับลัยลา อย่า”
เสียงของเธอร้องห้ามชายร่างใหญ่ที่ดึงทึ้งชุดราตรีราคาแพง อย่างไร้ความปราณี
“คิดเหรอว่าฉันจะยอมให้ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอไปแต่งงานกับ ผู้ชายดีดีอย่างนั้น อย่างเธอมันต้องเจอแบบฉัน”
นั้าเสียงแข็งกระด้างของจาร์ฟาลอดจากปากหนา ก่อนที่จะตั้ง หน้าตั้งตากระชากชุดราตรีแสนสวยที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตต่อไปไม่ สนใจเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนและมือนุ่มที่พยายามปัดป้อง จนกระทั่ง เรือนกายสวยเปล่งปลั่งของบุหลันกระจ่างเต็มสองตา เรียกเลือดลมให้ พลุ่งพล่านในร่างหนา
“อย่าทำลัยลาเลยนะคะ ลัยลากลัวแล้ว” เธอพยายามอ้อนวอน เทพบุตรที่บัดนี้กลายร่างเป็นซาตานร้าย
“กลัวเหรอ?” เขาถามเสียงสูง “ผู้หญิงที่ไม่รู้จักพออย่างเธอกลัว เป็นด้วยเหรอ อย่างเธอคงไม่มีคำว่ากลัวในสมอง คงจะมีแต่คำว่าไม่รู้จัก พอเท่านั้น ห่างหายผัวเก่าไปนานเป็นปี มารำลึกลีลาของฉันหน่อย เป็นไง ไม่แน่นะคราวนี้เธออาจจะติดใจ ไม่หนีฉันไปเหมือนครั้งก่อนก็ได้”
เจ้าของห้องพูดจบก็คลานขึ้นไปบนเตียงขนาดใหญ่ของเขา ตะครุบข้อเท้าเล็กที่กระเถิบหนีแล้วลากเข้ามาหาร่างของตน ก่อนจะ ทาบทับเก็บกักอิสรภาพของบุหลัน
“ฉันจะทำให้เธอมีความสุขจนกระอักเลยคอยดู”
เขากัดฟันพูด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงทัณฑ์สาวแสนสวยที่เขารัก สุดหัวใจด้วยจูบอันแสนหนักหน่วง ดุดันไร้ความปรานีจนกลีบปากสาว เจ็บร้าว
ชั่วขณะหนึ่งที่ริมฟิปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ความรัก ความเสน่หา ความโหยหาที่ต่างฝ่ายมีเต็มหัวใจ กำลังพลิกผันให้จูบที่เติมไปด้วยการ ลงโทษและความเจ็บปวดมลายหายเป็นจูบที่ซ่านทรวง อ่อนหวานทว่า รุ่มร้อน ทว่ามันแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ทุกอย่างก็พลันเหมือนเดิม