บทที่ 1 พยาบาลนิสัยดี 1
หก เดือนต่อมา
ณ ประเทศไทย
“ว่าไงแข แกจะเอายังไงแม่แกน้องของแกเป็นหนี้ฉันรวมแล้วตั้งสามแสนจะจ่ายเมื่อไหร่ ฉันไม่ใช่มูลนิธินะที่จะให้ยืมเงินฟรีๆ ไม่คืนทั้งต้นทั้งดอกแบบนี้”
จารุณีหรือที่เรียกติดปากกันว่า เจ๊นี เจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่ที่สุดในเขตชุมชนห้วยสวรรค์ มีน้อยบ้านนักในชุมชนแห่งนี้จะไม่เป็นลูกหนี้นาง หนึ่งในบ้านหลายร้อยหลังคือบ้านของแขวลัย แต่ทว่าคนที่สร้างหนี้หาใช่คนที่จารุณีตามทวงเงิน แต่เป็นวรารัตน์กับขวัญเรือน มารดาและน้องสาวของเธอต่างหาก
“หา!!...แม่เป็นหนี้เจ๊นีสามแสนเชียวหรือคะ?”
เธออุทานถามด้วยความตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยิน หนี้สิ้นงวดนี้ช่างมากมายกว่าครั้งไหนๆ เหลือเกิน
“ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่เชื่อฉันจะให้ดูสัญญาเงินกู้ก็ได้นะ”
จารุณีตอบกลับ ถ้าหากหญิงสาวตรงหน้าต้องการเห็นสัญญาเงินกู้จริงๆ นางก็มีให้ดู
คนที่ถูกทวงเงิน มองหน้าเจ้าหนี้ที่ยืนเท้าเอว เชิดหน้ามองเธอด้วยไม่พอใจนิ่งพร้อมกับผ่อนลมหายใจกลัดกลุ้มออกมา หนี้สินจำนวนสามแสนบาทเธอคงไม่มีปัญญาหามาใช้ได้ทั้งหมดในคราเดียว คงจะต้องผ่อนชำระหากอีกฝ่ายจะกรุณา
“แขขอผ่อนได้มั้ยคะเจ๊นี แขไม่มีเงินก้อนหรอกค่ะ”
“ผ่อนกี่เดือนจะหมดล่ะยะแม่คุณ ถ้าผ่อนเดือนละพันสองพันชาตินี้ทั้งชาติฉันจะได้เงินคืนหรือเปล่า แล้วอีกอย่างนะเวลาที่แม่กับน้องของแกมันมาขอยืมเงินฉัน ฉันให้มันเป็นก้อนๆ นะยะ ไม่ใช่ให้ทีละหยิบมือ ไม่รู้แหละแกต้องหาเงินมาใช้ฉันงวดแรกหนึ่งแสนภายในอาทิตย์นี้ ที่เหลือค่อยผ่อนให้ฉันเดือนละสามหมื่น หนึ่งปีก็หมดหนี้ เข้าใจมั้ย?”
จารุณีเจ้าแม่จอมเขี้ยวประจำชุมชนเอ่ยบอกวิธีชำระหนี้ให้
แขวลัยสาวหน้าตาพริ้มเพราได้รับฟัง ซึ่งคนที่ฟังถึงกับอ้าปากค้างกับจำนวนเงินและวิธีการใช้หนี้สินของนาง จ่ายงวดแรกหนึ่งแสนบาท ต้องใช้เป็นรายเดือนอีกเดือนละสามหมื่น นานถึงหนึ่งปี บวกลบคูณหารแล้วหนี้สินที่เธอจะต้องใช้มากกว่าจำนวนเงินครั้งแรกที่จารุณีบอกเธอเสียอีก
อย่างนี้มันขูดเนื้อขูดเลือดกันชัดๆ
“ถ้าแขใช้เจ๊นีทั้งหมดมันก็ร่วมสี่แสนหกนะคะ แม่กับขวัญเป็นหนี้เจ๊นีแค่สามแสนไม่ใช่เหรอคะ?” แขวลัยท้วงกลับเพราะจำวนเงินทั้งหมดที่จะต้องจ่ายนั้นสูง
“นี่แม่คุณ ฉันให้ยืมเงินก็ต้องหวังดอกดวงบ้างสิยะ ไม่ได้ให้ยืมฟรีๆ เงินส่วนเกินมันก็คือดอกเบี้ย ดีนะฉันคิดดอกแค่แสนหก ถ้าหากเป็นคนอื่นทบต้นทบดอกไปแล้ว”
เจ้าหนี้เท้าเอวพูด จารุณีไม่สนใจว่าดอกเบี้ยที่คิดไปนั้นจะสูงหรือจะต่ำกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้ นางสนแค่เพียงว่าต้องได้กำไรจากการให้บุคคลอื่นยืมเงิน
“แขไม่มีให้เจ๊หรอกค่ะ เงินตั้งแสนนึง พันบาทติดตัวแขยังไม่มีเลย อีกอย่างจ่ายให้เจ๊เดือนละสามหมื่นแขไม่มีปัญญาหามาให้หรอกค่ะ ขอเป็นเดือนละหนึ่งพันได้มั้ยคะ” แขวลัยตอบกลับเสียงเศร้า ทุกข์ใจยิ่งนักกับหนี้สินของบุพการีกับน้องสาว
“ไม่ได้หรอย่ะ ฉันยื่นคำขาดที่สามหมื่นบาท” จารุณีไม่ลดหย่อนผ่อนปรน ยังคงหน้าเลือดต่อไป
“แต่แขไม่มีให้จริงๆ นะคะ แค่ค่าใช้จ่ายในบ้าน แขยังชักหน้าไม่ถึงหลังเลยค่ะ”
เธอตอบตามความเป็นจริง หากไม่มีหนี้สินมันก็อีกเรื่อง แต่นี่มีหนี้ที่เธอจะต้องหมุนจ่ายตลอดเวลา ทำให้เงินเดือนจากงานหลักและงานเสริมไม่พอเลี้ยงชีพ จนเธอต้องหยิบยืมเงินเพื่อนร่วมงานทุกเดือน จ่ายเงินเก่าพร้อมดอก แล้วยืมเงินใหม่ทันที
“ฉันไม่สนใจว่าแกจะมีเงินติดตัวเท่าไหร่ ฉันสนเพียงแค่ว่าแกต้องหาเงินมาใช้ฉันให้ได้ ถ้าแกหาเงินมาใช้ฉันไม่ได้ฉันจะจับตัวน้องแกหรือไม่ก็ตัวแกไปขายในซ่อง ให้แกกับน้องขายตัวใช้หนี้ฉัน แล้วอย่าคิดนะว่าฉันทำไม่ได้ ฉันทำมานักต่อนักแล้วแกก็คงรู้ดี พูดแค่นี้คงจะเข้าใจนะยะอย่าให้ฉันต้องมาพูดกับแกเป็นครั้งที่สอง เพราะแกจะไม่ได้มายืนลอยหน้าลอยตาตีหน้าเศร้าแบบนี้แน่ แม่จะจับยัดใส่รถตู้เอาไปขายชายแดนเลยคอยดู” จารุณีพูดข่มขู่สาวนิสัยดีจนเธอหน้าซีดหน้าเซียว “ไอ้แดง ไอ้ขาว ไอ้เหลืองไปโว้ยกลับบ้าน ถ้านังแขมันไม่ยอมใช้หนี้พวกแกค่อยมาจับมันไปไว้ที่ซ่องเสี่ยเมิน”
จารุณีพูดเชิงข่มขู่แขวลัยอีกครั้งไม่รอให้สาวนิสัยดีขอร้องหรืออ้อนวอน นางสะบัดก้นเดินห่างบ้านไม้หลังเก่าที่นางมาเยือนนับครั้งไม่ถ้วนทันที แล้วการมาครั้งนี้ของนางก็พกพาหนี้สินที่มากกว่าครั้งไหนๆ มาด้วย
แขวลัยมองเจ้าหนี้จอมร้ายกาจด้วยความกังวลใจและความกลัวเป็นที่สุด จารุณีขีดเส้นตายมาอย่างนี้แล้วเธอจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ภายในสัปดาห์นี้ต้องหาเงินหนึ่งแสนบาทมาใช้หนี้จารุณี คำถามต่อมาในใจคือ เงินมากมายขนาดนี้จะหามาได้ด้วยวิธีใด ไหนจะคำขู่ของนางที่ทำจริงไม่ใช่คำขู่อีก แขวลัยแทบอยากจะลาตายเสียให้ได้ ทุกข์ใจ หนักใจเป็นที่สุด
“แข เจ๊นีไปหรือยัง?” วรารัตน์ถามแขวลัยทันทีที่ลูกสาวคนโตเดินเข้ามาในบ้าน
“กลับไปแล้วจ้ะแม่” แขวลัยตอบเสียงเบา สีหน้าหนักใจ หนี้สินก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เธอต้องแบกไว้บนบ่า แล้วดูเหมือนว่าจะต้องแบกรับมันไปตลอดชีวิต หมดหนี้เจ้านี้ก็มีเจ้าใหม่มาให้เธอชดใช้ไม่รู้จักจบจักสิ้น
“แล้วเจ๊นีบอกว่าไงบ้างล่ะ?” คนที่หลบอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้สุดเขี้ยว ทั้งๆ ที่ตอนไปยืมเงินหน้าระรื่น ยิ้มแย้มแจ่มใสเดินเข้าไปหา
“ก็บอกว่าให้แขเอาเงินหนึ่งแสนใช้หนี้ภายในอาทิตย์นี้ ส่วนที่เหลือให้ใช้เดือนละสามหมื่นเป็นเวลาหนึ่งปีจ้ะแม่ ถ้าแขไม่ทำตามเจ๊นีจะจับตัวแขหรือไม่ก็ขวัญไปขายซ่อง” คนที่ก่อหนี้ตาโตเท่ากับไข่ห่าน เมื่อได้ฟังคำพูดของลูกสาวผู้แสนดี
“หา!!...อะไรนะเจ๊นีพูดอย่างนี้เลยเหรอ มันจะหน้าเลือดเกินไปแล้วนะ ทำอย่างกับว่าแม่เคยเบี้ยวหนี้อย่างนั้นแหละ”
วรารัตน์พูดอย่างเดือดดาล ไม่คิดว่าจารุณีจะหน้าเลือดและร้ายมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้กันมานาน ถึงจะใช้หนี้ช้าหน่อยแต่ก็ใช้ไม่เคยเบี้ยว ไม่น่าจะข่มขู่เช่นนี้
“ก็ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นี่แม่ ครั้งนี้เงินมันเยอะกว่าที่แล้วตั้งหลายเท่า แล้วแม่ไปยืมเงินเจ๊นีเยอะแยะขนาดนั้นทำไมจ้ะ เอาเงินไปใช้อะไร?”
แขวลัยอดที่จะถามวรารัตน์ไม่ได้ จะว่านำเงินไปเล่นหวยสิ่งที่มารดาโปรดปรานก็ไม่น่าจะใช่ เงินค่าหวยที่เธอจะต้องจ่ายให้มารดาเดือนละสองครั้ง แต่ละครั้งไม่เกินสองพันบาท แล้วเงินสามแสนที่มารดากับขวัญเรือนไปกู้จารุณีนั้น เอาไปทำสิ่งใด นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการรู้
“แกไม่ต้องมาสะเออะถามฉันว่าฉันจะเอาเงินไปทำอะไร แกมีหน้าที่ใช้หนี้แทนฉันก็พอ แล้วอย่าลืมหาเงินไปใช้หนี้เจ๊นีล่ะ เพราะถ้าหากแกหาเงินไปใช้เจ๊นีไม่ได้ ฉันจะให้เจ๊นีจับแกไปขายซ่องแทนขวัญ เพราะแกมีหน้าที่รับผิดชอบทุกคนในบ้านนี้ จำเอาไว้นังแข”
แขวลัยมองร่างของมารดาที่เดินออกไปจากบ้านด้วยความเจ็บปวด น้อยใจ เสียใจ นางทำราวกับว่าเธอไม่ใช่ลูก ไม่มีความรัก ไม่มีความห่วงใยเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่มารดาไปสร้างหนี้สร้างสิน ลูกคนไหนล่ะที่ตามไปใช้หนี้แทนให้ ไม่ใช่ลูกคนนี้หรอกหรือ แทนที่เธอจะได้รับความรัก ความอบอุ่น คำพูดปลอบใจบ้างในบางครั้งบางเวลา
ไม่เลยแขวลัยไม่เคยได้รับ สิ่งที่เธอได้รับคือคำดุด่า คำว่ากล่าว คำเสียดสีต่างๆ นานา ไม่ใช่แค่เพียงมารดาเท่านั้นที่กระทำเช่นนี้ ขวัญเรือนและขวัญชัยน้องสาวน้องชายของเธอก็ทำกิริยากับพี่สาวแบบเดียวกับที่วรารัตน์ทำเช่นกัน หากทั้งสามทำดี พูดดีกับเธอบ้าง แขวลัยก็คงมีกำลังใจในการหาเงินมาใช้หนี้ แต่นี่ไม่มีสิ่งที่เธอปรารถนาจะให้เป็นเลยสักข้อเดียว
แต่ทว่าเธอก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนมารดาและน้องสาวอยู่วันยังค่ำ เนื่องจากแขวลัยไม่อาจนิ่งดูดายให้คนในครอบครัวของตนเองต้องถูกเจ้าหนี้ทั้งหลายทำตามคำขู่ได้ คำถามที่ก้องอยู่ในใจของเธอตอนนี้ก็คือ จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้จารุณีในครั้งนี้ ลำพังแค่เงินเดือนของผู้ช่วยพยาบาลเดือนละไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทกับงานเสริมที่มีรายได้ไม่มากนักคงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้แน่นอน นั่นคือปัญหาหนักอกของแขวลัยที่จะต้องแก้ไขให้ได้ หากไม่แก้ไขเธอก็คงต้องโดนจับไปขายซ่องตามคำขู่ของเจ้าหนี้แน่นอน
แขวลัยเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อย่างหมดเรี่ยวแรง ความทุกข์ ความหนักอึ้งในภาระที่เธอแบกเกาะกินจิตใจอย่างหนัก น้ำตาจึงเป็นทางเดียวที่จะชะล้างความรู้สึกในใจให้คลายบรรเทา แม้มันไม่ช่วยอะไรแต่อย่างน้อย น้ำตาคือเพื่อนที่ซื่อสัตย์เพียงคนเดียวของเธอเวลานี้
ความคิดที่จะหาเงินไหลเวียนอยู่ในหัว แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าจะหาเงินได้จากที่ไหน เงินหนึ่งแสนบาทไม่ใช่น้อยๆ สำหรับคนฐานะอย่างเธอ
อยู่ๆ ชื่อของคนคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว คำพูดของดวงพรที่เธอได้ยินเมื่อสองสามวันที่แล้วดังก้องหูอัตโนมัติ และนั่นคือความหวังของแขวลัยกับการใช้หนี้เรือนแสน แขวลัยมีกำลังขึ้นมาดื้อๆ รีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ตนเองทำงานทันที ก่อนที่ความหวังสุดท้ายจะหลุดมือ