บทที่ 2 พยาบาลนิสัยดี 1.1
แขวลัยเดินทางมาถึงโรงพยาบาลกรุงเทพ เมเมอรัลในอีกสี่สิบห้านาทีต่อมา พอมาถึงเธอก็รีบรุดไปยังแผนกผู้ป่วยหนัก เพื่อไปหาดวงพรคนที่จะช่วยเหลือเธอได้
“พี่กิ่งคะ พี่พรอยู่หรือเปล่าคะ?” แขวลัยถามกิ่งแก้วพยาบาลอีกคนหนึ่งของแผนกนี้
“พี่พรอยู่ข้างในน่ะ มีอะไรหรือเปล่าแข?” กิ่งแก้วตอบพร้อมกับถามกลับตามประสาคนสอดรู้
“แขมีเรื่องคุยกับพี่พรนิดหน่อยค่ะพี่กิ่ง”
“เรื่องอะไรล่ะ บอกพี่หน่อยได้มั้ยพี่อยากรู้” คนที่อยากรู้เรื่องของชาวบ้านถามกลับ
ยังไม่ทันที่แขวลัยจะตอบ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น “ไม่รู้สักเรื่องจะตายมั้ยกิ่ง อยากทำงานที่นี่หรือเปล่าถ้าอยากทำก็ไปทำงานตามหน้าที่ได้แล้ว ไม่ใช่มาจุ้นเรื่องชาวบ้านชาวช่องเขาอย่างนี้”
ดวงพรที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพยาบาลประจำแผนกเอ็ดคำโต ทำให้กิ่งแก้วรีบเดินไปทำงานของตน ก่อนที่หัวหน้าแผนกเจ้าระเบียบจะรายงานการทำงานของตนเอง
“มีอะไรแขมาหาพี่ถึงที่นี่?”
ดวงพรได้ยินตั้งแต่แขวลัยถามถึงเธอแล้ว เพียงแต่ว่าเธอกำลังจัดเตรียมเอกสารสำคัญอยู่ทางด้านหลังฉากกั้น จึงไม่ได้ออกมาแสดงตัวตั้งแต่คราแรก
“พี่พรหาคนไปดูแลคนตาบอดที่ฝรั่งเศสได้หรือยังคะ?”
แขวลัยเอ่ยถามความหวังเดียวของตัวเองทันที แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ยังเลย ทำไมเหรอหรือว่าแขสนใจ?”
“ใช่ค่ะ แขสนใจค่ะพี่พร” คนที่กำลังหาเงินใช้หนี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง
“แน่ใจเหรอว่าไปได้น่ะ แล้วแม่กับน้องๆ ล่ะแขจะทำยังไง?”
ไม่ใช่ว่าดวงพรจะไม่ยินดีหากสาวตรงหน้าจะไปทำงานเป็นพยาบาลดูแลคนตาบอดยังประเทศฝรั่งเศส หากแขวลัยไปจริงๆ ห่วงที่ผูกคอสาวตรงหน้าใครล่ะจะดูแล ถึงแม้ว่าจะโตๆ กันแล้ว แต่อุปนิสัยไม่ได้โตตามวัยไปด้วย ยังหาเรื่องให้แขวลัยปวดหัวและต้องตามล้างตามเช็ดเรื่องที่ก่อไว้ตลอดเวลา ไปทำงานไกลหูไกลตาแบบนี้ ดวงพรกลัวว่าเวลามีเรื่องแล้วจะหนีกลับเมืองไทย หากเป็นเช่นนั้นคนที่เสียก็คือ ตัวของดวงพรเอง
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะพี่พร แขจัดการได้ค่ะ”
แขวลัยคิดว่าทางครอบครัวคงไม่มีปัญหาเรื่องที่เธอจะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะเหตุผลที่ทำนั้นคือนำเงินไปใช้หนี้ให้จารุณี ซึ่งมันเป็นหนทางเดียวที่เธอคิดได้เวลานี้ด้วย
“ถ้าแขมั่นใจพี่ก็ไม่มีปัญหา อย่างที่พี่เคยพูดไว้ คนที่แขจะไปดูแลไม่เหมือนกับคนไข้ทั่วๆ ไปที่แขเคยเจอนะ คนไข้รายนี้เจ้าอารมณ์ ขี้โมโหถึงขั้นโมโหร้ายด้วยนะ เอาแต่ใจและไม่ยอมรับพยาบาลคนไหนมาดูแลด้วย ระยะเวลาหกเดือนที่เขาตาบอดมีคนทำหน้าที่เกือบยี่สิบคน ไม่มีใครทนได้เกินสามวันเลยสักคน บางคนแค่วันสองวันก็ขอลาออก จนกิตติศัพท์ระบือไกลไปทั่วปารีสและเมืองใกล้เคียง เลยไม่มีพยาบาลคนไหนรับทำหน้าที่นี้ พอดีว่าแม่บ้านของคนไข้เป็นอดีตพี่สะใภ้ของพี่เอง เขาโทรมาไว้วานให้พี่หาพยาบาลที่มีน้ำอดน้ำทนให้สักคนหนึ่ง พี่ก็ไม่ได้รับปากว่าจะหาให้ได้หรือไม่ได้ เพราะมันยากนะที่จะหาให้ได้ตามความต้องการนั้น แต่ถ้าแขมั่นใจว่าทำได้ พี่ก็จะบอกญาติพี่ให้ว่าแขจะไปเป็นพยาบาลพิเศษให้คุณลูอีส”
ดวงพรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปนิสัยใจคอของคนไข้รายนี้ที่ไม่เหมือนใครๆ ที่ผ่านมาของแขวลัยเคยเจอ อาจจะต้องใช้น้ำอดน้ำทนอย่างหนักที่จะอยู่ดูแลให้ตลอดรอดฝั่ง จากคำบอกเล่าของมาเรียอดีตพี่สะใภ้ บอกให้เธอรู้ว่า งานนี้ยากยิ่งที่จะหาคนไปดูแลลูอีส ซึ่งข้อนี้เองที่ดวงพรหนักใจเป็นที่สุด เพราะถ้าหากคนที่จะเดินทางไปดูแลคุณลูอีสไม่มีคุณสมบัตินั้น ก็จะถือว่าเสียเวลาเปล่า ไหนจะต้องเสียเวลาไปทำหนังสือเดินทาง ไหนจะเสียเวลาเดินทางไกล ดวงพรจะต้องดูด้วยว่า คนที่รับงานนี้มีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่
“แขทำได้ค่ะพี่พร ต่อให้คุณลูอีสเป็นมากกว่าที่พี่พรพูดซักร้อยเท่า แขก็ทำได้ค่ะ”
แขวลัยพูดอย่างมั่นใจ ต่อให้หนักหนากว่านี้มากเพียงไร เธอก็จะอดทนให้ถึงที่สุด ดีกว่าที่เธอต้องเข้าไปอยู่ในซ่องตามที่จารุณีข่มขู่
“แขคิดดีแล้วใช่มั้ย?” ดวงพรถามอีกครั้ง
“ค่ะพี่พร แขมั่นใจเกินร้อยค่ะ”
“ถ้าแขมั่นใจพี่ก็โอเค เพราะพี่ก็เชื่อว่าแขทำได้”
ดวงพรมีความมั่นใจในตัวของแขวลัยไม่น้อย เรื่องความอดทนเธอคิดว่าเธอมองสาวตรงหน้าไม่ผิด ทั้งเรื่องครอบครัว ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องเพื่อนร่วมงานของแขวลัยที่ดวงพรรับรู้มา บอกให้รู้ว่า คำว่าอดทนติดอยู่ในสายเลือดของสาวแสนดีตรงหน้า
“งานนี้แขจะได้เงินเดือนเท่าไหร่คะพี่พร?” เธอเข้าเรื่องสำคัญ
“ได้เดือนละสองแสนนะถ้าคิดเป็นเงินไทย เพราะครอบครัวของคุณลูอีสจ่ายไม่อั้น แล้วถ้าทำให้คุณลูอีสยอมรักษาตา ทางโน้นจะให้เงินหนึ่งล้านยูโรเป็นการตอบแทน”
แขวลัยตาโตทันทีที่ได้รับรู้จำนวนเงินมากมายหลายเท่ากว่าเงินเดือนที่เธอทำอยู่ปัจจุบันนี้ แล้วเงินเดือนที่ดวงพรพูดก็จะเป็นโอกาสเดียวด้วยที่จะใช้หนี้จารุณีได้
“แขสงสัยอย่างนึงนะคะพี่พร แขสงสัยว่าทำไมคุณลูอีสถึงไม่ยอมรักษาตาล่ะคะ เขามีเงินมากมายขนาดนั้นน่าจะรักษานะคะพี่พร?” นี่คือสิ่งที่แขวลัยสงสัย
“ที่คุณลูอีสไม่ยอมรักษาตาก็เพราะว่าคุณย่าของเขาเป็นต้นเหตุของการตาบอดในครั้งนี้น่ะสิ จะพูดยังไงดีล่ะ ประมาณว่าคุณย่าของคุณลูอีสหลอกเขาว่า ตอนนี้อยู่โรง’ บาลเพราะตกบันได แล้วเกิดคิดถึงหลานคนโปรดขึ้นมา คุณลูอีสที่อยู่ต่างเมืองจึงรีบขับรถกลับปารีสจนเกิดอุบัติเหตุยังไงล่ะ พอคุณลูอีสรู้ความจริงว่าย่าของตัวเองไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ว่าอยากจะให้เขากลับมาบ้านเพื่อมาดูตัวว่าที่หลานสะใภ้ที่ย่าหาให้เท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่วิธีนี้คุณลูอีสก็จะไม่กลับเพราะเบื่อที่จะดูตัวสาวๆ ทั้งหลายไง นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ยอมรักษาตา หากตาบอดไปอย่างนี้ คงไม่มีสาวคนไหนต้องการ แล้วคุณย่าของเขาก็ไม่มาเจ้ากี้เจ้าการด้วย แม้ว่าครอบครัวของคุณลูอีสอ้อนวอน ขอร้องยังไงก็ไม่เป็นผล ยังคงความคิดเดิมแล้วยังอาละวาดเหมือนเดิมด้วย”
ดวงพรตอบข้อสงสัยของแขวลัยให้กระจ่างแจ้ง คำพูดทุกคำพูดของเธอเป็นการบอกเล่าที่มาที่ไปของชายอารมณ์ร้อนที่ไม่รับการรักษาในครั้งนี้ เขาคิดว่าหากผู้เป็นย่านิสัยเอาแต่ใจไม่ทำเช่นนั้น เขาก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ถือว่าเป็นการแก้เผ็ดย่าไปในตัว
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่ต้องห่วงนะคะพี่พร แขจะทำให้ได้ค่ะแล้วไม่ถอยหนีด้วยค่ะ”
แขวลัยรู้สึกสงสารและเห็นใจลูอีสขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แล้วยังมีอีกความรู้สึกหนึ่งว่า เธอจะทำให้ลูอีสกลับมามองเห็นอีกครั้ง มันคือความมั่นใจทันทีที่ได้ยินเรื่องราว
“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นนะแข” ดวงพรภาวนาให้เป็นเช่นนั้น “พี่ลืมถามไปเลย แขพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าหรือไม่ก็ภาษาฝรั่งเศส?”
ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ หากแขวลัยไม่มีความสามารถทางด้านภาษาที่ว่านี้ การทำงานคงไม่ราบรื่นแน่นอน
“ภาษาฝรั่งเศสแขพูดไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษสบายมากค่ะพี่พร แขอ่านออกเขียนได้และพูดได้ค่ะ”
วิชาภาษาอังกฤษคือวิชาที่เธอชอบมากที่สุดวิชาหนึ่ง ตอนเรียนหนังสือตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมปีที่ 1 จนถึงเรียนวิชาชีพผู้ช่วยพยาบาล เธอได้เกรด 4 มาโดยตลอดและเป็นที่หนึ่งในระดับชั้น แล้วยังได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปตอบคำถามภาษาอังกฤษทั้งในระดับโรงเรียนไปจนถึงระดับภาค ฉะนั้นเรื่องภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
“พี่ได้ยินอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าแขพูดภาษานี้ไม่รู้เรื่องไปทำงานก็คงลำบาก สงสัยต้องใช้ภาษามือในการทำงาน” ดวงพรเบาใจไปเยอะเมื่อได้รับคำตอบจากแขวลัย
“พี่พรคะ แขมีเรื่องจะรบกวนนิดหน่อยค่ะ” เธอเข้าประเด็นหลักประเด็นสำคัญ
“อะไรล่ะ ว่ามาสิ?”
“คือว่าแขอยากจะขอเบิกเงินล่วงหน้าสักก้อนได้มั้ยคะ แต่รับรองค่ะว่าแขจะไม่หนีกลับ หรือว่าลาออกก่อนแน่นอนค่ะ จะอยู่ทำงานจนกว่าคุณลูอีสจะหาย หรือไม่ก็ตามจำนวนเงินที่ขอเบิกไปค่ะ”
แขวลัยบอกอีกจุดประสงค์หนึ่งของตนเอง
“เรื่องเงินทางโน้นไม่มีปัญหาอะไรนะ พี่จะช่วยพูดให้ก็แล้วกัน ว่าแต่จะขอเบิกเท่าไหร่ล่ะ?” ดวงพรไม่ถามถึงเหตุผลในการขอเบิกเงินในครั้งนี้ พอจะคาดเดาได้ว่าเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้จ่ายอะไร คงหนีไม่พ้นนำไปใช้หนี้แทนคนที่ขยันเป็นหนี้เป็นสินแน่นอน แขวลัยอาจจะใช้หนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่จะเดินทางไกลไปต่างแดน
“สองแสนค่ะพี่พร แขจะเอาไปใช้หนี้ให้แม่แสนนึงก่อนเพราะเจ้าหนี้เขายื่นคำขาดมาว่าจะต้องใช้ภายในอาทิตย์นี้ อีกแสนนึงแขจะแบ่งให้แม่ใช้สามหมื่น อีกเจ็ดหมื่นแขจะเก็บไว้กับตัว เพราะต้องทยอยใช้เงินเจ้าหนี้อีกเดือนละสามหมื่น ที่เหลืออีกสี่หมื่นแขต้องเก็บไว้สำรองเผื่อแม่กับน้องๆ ต้องใช้ในเดือนถัดไป จะได้มีโอนไปให้ค่ะ เพราะกว่าจะได้เงินเดือนอีกทีก็ต้องเข้าเดือนที่สองของการทำงาน”
แขวลัยบอกความจำเป็นของเธอให้ดวงพรรับฟัง โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องถาม แขวลัยต้องมีเงินสำรองติดตัวไว้บ้าง จะให้มารดาหมดเลยไม่ได้ หากให้หมดรับรองว่าเงินก้อนนี้จะหมดในระยะเวลาหนึ่งเดือน แล้วเดือนถัดไปเธอก็จะไม่มีให้ทางครอบครัวไว้ใช้จ่าย แล้วพอได้เงินเดือนตามปกติ แขวลัยคิดว่าจะโอนให้มารดาทุกเดือนๆ ละสามหมื่น เก็บไว้เป็นทุนสำรองเจ็ดหมื่น แล้วนอกนั้นจะใช้หนี้จารุณีเดือนละหนึ่งแสน สามเดือนหนี้สินก็หมด
“เรานี่ภาระหนักเหลือเกินนะ งวดนี้รู้สึกว่าแม่กับน้องจะหาหนี้ก้อนใหญ่มาให้แขนะ มิน่าล่ะแขถึงได้รับทำงานนี้” ดวงพรเดาความคิดความอ่านของแขวลัยได้ถูกเผง เนื่องจากเรื่องเดือดร้อนของอีกฝ่ายนั้นมีเรื่องนี้เรื่องเดียว
“แล้วพี่จะพูดให้นะ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา พรุ่งนี้พี่จะส่งข่าวให้รู้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะพี่พร ขอบคุณค่ะ” แขวลัยพนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณรุ่นพี่พยาบาล
“ไม่เป็นไร ถือเสียว่าแขช่วยทางโน้น ทางโน้นก็ช่วยแขนะ”
“ค่ะพี่พร แขกลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะ”
คราวนี้แขวลัยพนมมือไหว้แล้วกล่าวคำลา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากแผนกผู้ป่วยหนักหลังจากที่การเจรจาเสร็จสิ้น ทีนี้ก็เหลือแค่เพียงทางผู้ว่าจ้างตอบรับกลับมา ซึ่งเธอมั่นใจลึกๆ ว่า ไม่มีปัญหาติดขัดแน่นอน