บทที่4.การเจอครั้งแรกของหมีใหญ่กับกระต่ายป่า3/4
3/4
อเล็คซานเดอร์มองตามบั้นท้ายกลมกลึงของพยาบาลคนสวยไปอย่างสนใจ เธอรูปร่างดี สูงเสมอหัวไหล่เขาพอดี รูปร่างกะทัดรัดแต่อวบอั๋น ทรวงอกอวบใต้เสื้อสีขาวสะอาดตัวโคร่งๆ นั้นท่าทางจะมโหฬารไม่น้อย ขนาดใส่เสื้อตัวใหญ่ทรวงอกอวบๆ ยังดันผ้าออกมาให้เขาเห็นรูปทรงได้ชัดๆ เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกลมกลึง เรียวขายาวสวยจนเขาเผลอมองตามแบบตาไม่กะพริบและไม่สามารถละสายตาได้ ยิ่งวงหน้าหวานๆ เข้ามาใกล้ เขายิ่งเผลอตัวมากขึ้น หล่อนมองแค่บาดแผลบนหน้าของเขา มือเล็กๆ หยิบขวดยาล้างแผลทำความสะอาดบาดแผลไม่ได้สนใจเขาสักนิด แผงขนตาเธอหนาเหมือนปีกผีเสื้อ ขยับขึ้นขยับลงตอนที่เธอกะพริบตา ปลายจมูกโด่งๆ มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดขึ้นมา คิ้วโก่งขมวดแน่น เธอสนใจงานตรงหน้า แต่กลับไม่สนใจที่จะสบตากับเขาเหมือนผู้หญิงทั่วไป
“ไปโดนอะไรมาคะ แผลใหญ่พอสมควร คุณฉีดยากันบาดทะยักไว้บ้างไหมคะ ฉีดกั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ มีเศษเหล็กติดอยู่ที่แผล อาจเกิดอันตราย” หลังทำแผลเสร็จพิชญ์สินีเตรียมฉีดยากันบาดทะยักให้ เธอพยายามไม่ใส่ใจสายตาคมคู่นั้นกับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่จ้องเธอไม่วางตา
“ชื่ออะไร?”
“คะ” เธอครางรับ แบบงงๆ ถามไปตั้งหลายคำถาม คำตอบคือ เขาอยากรู้ว่าเธอชื่ออะไร! ให้ตายเถอะไม่ว่าจะผู้ชายไทย หรือผู้ชายต่างชาติ พวกเขาล้วนแล้วแต่ชีกอทุกคน
“เธอชื่ออะไร มาครั้งหน้าจะได้เรียกถูก” อเล็คซานเอดร์รีบขยายความหมายของคำถาม สาวหน้าหวานๆ เริ่มมีสีหงิกงอ
“ค่ะ หนูแหวนค่ะเรียกหนูแหวนก็ได้ค่ะ”
“หือ หนูแหวน ทำงานที่นี่นานหรือยัง” อเล็คซานเดอร์ชวนคุยระหว่างที่พยาบาลคนสวยเตรียมอุปกรณ์ เตรียมจะฉีดยาบางอย่างให้กับเขา
“ไม่ถึงอาทิตย์ค่ะ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ หนูแหวนเป็นพยาบาลอาชีพเกือบห้าปีแล้วค่ะ เวลาฉีดยาคุณจะไม่เจ็บหรอก” เธอกล่าวกระเซ้าเพราะคิดว่าเขากลัวเจ็บ รอยยิ้มหวานส่งให้เจ้าตัวเป็นการปลอบใจให้เขาหายจากการกลัวเข็ม
อเล็คซานเดอร์ตะลึง รอยยิ้มพิมพ์ใจมันพุ่งชนหัวใจจนเขาชะงัก แววตาใสซื่อ ไร้จริตและไร้แววตาชม้อยชม้ายเหมือนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้สายตาแบบนั้นหากมีโอกาสได้สบตากับเขา ผู้หญิงตรงหน้าไร้วี่แววทอดสะพานให้ เธอทำงานด้วยความคล่องแคล่ว พักเดียวทั้งทำแผลฉีดยาก็เสร็จเรียบร้อยดี โดยที่เขายังอยู่ในภวังค์ ไม่อาจถอนตัวจากรอยยิ้มของเธอได้
“มีแฟนหรือยัง”
“คะ?” พิชญ์สินีครางรับ เธอมองหน้าฝ่ายตรงข้ามตรงๆ เขานั่งตัวตรงมองมาที่เธอเป็นตาเดียว แววตาสีเขียวเป็นประกายง และเธออ่านความหมายในดวงตาคู่นั้นไม่ออก ถึงมันจะสวยแปลกตาชวนมองและหากเผลอมองนานๆ อาจจะเผลอตัวตกลงไปในวังวนนั้นได้ จึงรีบชักสายตากลับ หันกลับมาสนใจงานในมือ ก่อนที่จะเผลอตัว
“สนใจจะเป็นคู่ควงผมไหม? ผมคิดว่าเราคงมีความทรงจำที่ดีต่อกันหากได้ใกล้กันมากกว่านี้”
“คะ?” เธอไม่เข้าใจคำถามของเขา ยังงงอยู่ เพราะในคำถามนั้นไม่ต้องการคำตอบ ดูเหมือนหนุ่มหล่อตรงหน้านี้จะมั่นใจในตัวเองสูง จนคิดว่าเธอจะตอบตกลงหากเขายื่นข้อเสนออะไรแบบนี้ให้
“ว่าไงหนูแหวน”
“ไม่ค่ะ! ขอบคุณ... หนูแหวนคิดว่าคงมีคนอื่นสนใจนะคะ เวลานี้หนูแหวนยังไม่ต้องการมีความทรงจำดีๆ กับใคร” เธอหันหลังให้กับสายตาวาวๆ นั้น และตอบปฏิเสธแบบชัดถ้อยชัดคำ
“ทำไม? คุณต้องการอะไรเพิ่มอีกก็เสนอมาสิ ผมสนองให้ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเงินทอง หรือรถยนต์สักคัน หากคุณบริการผมดีๆ อาจจะได้มากกว่าที่ผมเสนอให้อีกนะ”
พิชญ์สินีหมุนตัวกลับมาช้าๆ เธอกำหมัดแน่นเกร็งตัว และพยายามห้ามความรู้สึกโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมากลางอกสุดฤทธิ์ เธอมองผู้ชายตรงหน้าเขม็ง หากมีเปลวไฟในดวงตาของเธอ เขาคงมอดไหม้เพราะเพลิงโทสะของเธอไปแล้ว ริมฝีปากอิ่มเต็มเม้มแน่น ควานหาคำพูดตอกกลับเขาอยู่ในใจ และจะตอกให้เขาหน้าหงายกว่าคนอื่นๆ ที่คิดว่าผู้หญิงทุกคนสนใจข้อเสนอทุเรศๆ ที่เขาเสนอให้
“ขอโทษเถอะค่ะคุณ! หนูแหวนไม่สนใจหรอกค่ะ ถ้าคุณอยากได้สิ่งที่คุณต้องการ เชิญคุณไปหาเอาที่อื่น ตรงนี้ไม่มีใครสนใจข้อเสนอทุเรศๆ แบบนี้ของคุณ อีกอย่างแผลคุณทำความสะอาดเสร็จแล้วค่ะ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ คนอื่นๆ เขาจะได้เข้ามาใช้บริการต่อ”
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
“อ้าว! อาการหนัก หัวสมองกระทบกระเทือนจำไม่ได้เลยหรือคะว่าตัวเองเป็นใคร? หนูแหวนขอโทษที่ไม่ได้ตรวจอาการคุณให้ดีกว่านี้ เดี๋ยวหนูแหวนทำเรื่องส่งตัวให้คุณเข้าโรงพยาบาลดีกว่า หากอาการหนักกว่านี้จะเป็นอันตรายค่ะ”
“หนูแหวน! ผมอเล็คซานเดอร์ เชอร์ราวิน ทีนี้พอนึกออกรึยังว่าผมเป็นใคร ผมไม่ได้กระทบกระเทือนจนจำตัวเองไม่ได้ แต่ผมกำลังถามคุณว่า...คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร”
พิชญ์สินีตกใจไปเหมือนกัน ตอนที่เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง ชื่อนี้ใครจะไม่รู้จัก เพราะเป็นหัวหอกคนสำคัญที่มารับตำแหน่ง CEOที่ไทยรามานเอ็นเตอร์ไพรส์ แต่เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เรื่องที่เขาเสนอให้มันไม่เกี่ยวกับการทำงานสักหน่อย หากจะทำให้เขาไม่พอใจก็ช่างสิ เธอคิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะหางานใหม่ได้ไม่ยาก คนรวยๆ ที่เหยียดหตอนที่ศักดิ์ศรีของผู้หญิง พวกเขาคิดว่าเพศหญิงเป็นพลเมืองชั้นสอง ต้องคอยสนองอารมณ์ความต้องการของเขาหรือไง...
“ค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ มิสเตอร์อเล็คซานเดอร์”
“พอจะเปลี่ยนใจได้รึยังล่ะ ทีนี้คงรู้ว่าผมสามารถให้คุณได้มากขนาดไหน เอาเป็นว่าเลิกงานผมจะมารับ เราจะไปหาที่เงียบๆ คุยกัน และสนุกกันสุดเหวี่ยงแบบสองต่อสอง” อเล็คซานเดอร์มองพยาบาลสาวตรงหน้าด้วยความหตอนที่หยัน ผู้หญิง! เงินมีผ้าก็หลุด แค่รู้ว่าเขาเป็นใครแค่นั้นทีท่าของเธอก็เปลี่ยนไป
“เดี๋ยวค่ะ คุณคงเข้าใจอะไรผิดๆ หนูแหวนไม่ได้ตอบรับอะไรคุณสักอย่างนะคะ”
“หมายความว่ายังไง คุณปฏิเสธผมเหรอ?”
“ค่ะ...หนูแหวนหาเงินจากวิธีอื่นได้ค่ะ คงเข้าใจใช่ไหมคะว่าหนูแหวนหมายถึงอะไร”
“คุณหมายถึงคุณพร้อมที่จะให้คนอื่นแต่...ไม่ใช่ผม” อเล็คซานเดอร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เขาถามเรื่องที่เขาไม่เข้าใจสักนิด เพราะอะไรสาวสวยตรงหน้าจึงไม่สนใจข้อเสนอจากเขา โอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่ได้มีง่ายๆ
“เหอะ! หนูแหวนกำลังงงค่ะ หนูแหวนจะอธิบายให้คุณเข้าใจยังไงดีคะ หนูแหวนมีงานทำ ไม่ต้องการความสบายในมุมที่คุณอยากให้ ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่...หนูแหวนไม่ต้องการค่ะ!”
อเล็คซานเดอร์กระโจนพรวดเดียวก็สามารถเข้าประชิดเรือนกายบอบบางตรงหน้าได้สำเร็จ มือจับหัวไหล่กลมกลึงแน่น ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายร้อนแรง อารมณ์ตอนนี้เหมือนลาวากำลังหลอมละลาย เดือดระอุ พร้อมที่จะกวาดทำลายล้างทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ปลายนิ้วแข็งแรงเกร็งแน่น บีบกระชับลำแขนเรียวจนพิชญ์สินีนิ่วหน้า เธอทั้งเจ็บและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ต่างคนต่างจ้องหน้ากันและกันท่ามกลางอุณภูมิเดือดระอุ
“หนูแหวน...คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฏิเสธความต้องการของผม...ผมไม่เคยบังคับใคร! คุณไม่สนใจก็ตามใจ แต่...เรามาลองดูกันว่าคุณจะสามารถทานอำนาจของผมได้อีกนานแค่ไหน ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวริอ่านสู้กับราชสีห์ คุณจะเก่งเกินไปเหรอเปล่าครับ” อเล็คซานเดอร์กัดฟันพูดช้าๆ น้ำเสียงดุดันและน่าเกรงขาม เขากล่าวอาฆาตฝากไว้ให้พิชญ์สินีกลัวเกรง
“บ้างครั้งคำขู่ของราชสีห์ ก็ไม่ได้ทำให้หนูตัวเล็กๆ กลัวหรอกนะคะ อย่าเอาอำนาจที่อยู่ในมือคุณมาบีบบังคับคนที่เขาไม่เต็มใจเลยค่ะ หน้าตาอย่างคุณสามารถหาคนที่เขาเต็มใจไม่ลำบากหรอกนะคะ” เสียงแย้งเสียงอ่อยๆ และมือเล็กๆ ที่พตอนที่แกะนิ้วเขาออกจากหัวไหล่เธอ ทำเหมือนรังเกียจเขามาก มันจึงทำให้ความถือดีในตัวเองของอเล็คซานเดอร์ตื่นเพลิดขึ้นมา อเล็คซานเดอร์โน้มตัวลงกระแทกริมฝีปากของตัวเองฝังบนพวงแก้มใส เขาปล้นจูบหน้าด้านๆ สั่งสอนให้คนตัวเล็กรู้ถึงพิษภัยจากเพศชายที่แข็งแรงมากกว่า
“อี๋!” พิชญ์สินีเอนตัวหนี ถึงจะหลบเขาไม่พ้น แต่ก็ยังดีกว่ายืนนิ่งเป็นหุ่นให้เขากระทำตามอำเภอใจได้แบบสะดวกสบาย