เทพบุตรซานตาน - 4 เจ้านายคนใหม่
และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการสอบของปลิตา หญิงสาวตื่นแต่เช้าเพื่อไปสอบตามปกติ และเมื่อสอบเสร็จก็รีบไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมและดูแลยาย สองยายหลานพูดคุยกันไปเรื่อยจนเมื่อถึงเวลาปลิตาก็ขอตัวกลับ เพราะวันนี้เป็นที่ตนนั้นจะเริ่มงานเป็นวันแรก หญิงสาวนั้นรู้สึกตื่นเต้นกับการทำงานครั้งนี้มาก เพราะที่ทำงานของตนนั้นเป็นสถานที่ที่หญิงสาวไม่เคยย่างกรายหรือเคยเข้าไปสัมผัสถึงบรรยากาศเลยสักครั้ง เพราะที่นั่นคือ Wow Club สถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในย่านนี้
และเมื่อปลิตากลับมาถึงบ้านธวัชก็รีบบอกให้หลานสาวไปอาบน้ำเตรียมตัวเพื่อที่จะไปเช็กดูความเรียบร้อยต่าง ๆ ภายในคลับก่อนที่จะได้เปิดให้บริการแก่นักท่องราตรีในคืนนี้ พร้อมกลับไปดูแลเจ้านายหนุ่ม และคอยรับคำสั่งต่าง ๆ อย่างที่ตนเคยทำอยู่ประจำทุกวัน ปลิตารีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ทันเวลา หญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนขายาวเข้ารูปพร้อมกับรวบผมที่ยาวสลวยเป็นหางม้า ใบหน้าหวานทาด้วยแป้งเด็ก ปัดแก้มสีอ่อน ทาลิปมันนิดหน่อยยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก เมื่อมั่นใจแล้วจึงรีบออกมาหาผู้เป็นอาที่รออยู่ทันที
“เสร็จแล้วค่ะอาวัช” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มน้ำเสียงปนตื่นเต้น
“เสร็จแล้วก็ไปกันได้เลย เดี๋ยวอาพาไปแนะนำให้รู้จักกับบอส เขาเป็นคนค่อนข้างเงียบ สุขุม เด็ดขาด และไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายในห้องส่วนตัวถ้าไม่ได้รับอนุญาต” ธวัชพูดถึงอุปนิสัยของเจ้านายหนุ่มให้หลานสาวได้รู้ และจะได้ปฏิบัติตัวถูกเมื่อเข้าไปทำงานที่คลับ จะได้ไม่เผลอทำตัวให้เจ้านายไม่พอใจเอา
“ค่ะอา” ปลิตาตอบกลับเพียงสั้น ๆ อย่างเข้าใจ
และเมื่อรถเก๋งสภาพกลางเก่ากลางใหม่จอดบริเวณที่จอดรถของคลับ สองอาหลานจึงพากันลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปภายในคลับ ด้านปลิตานั้นรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้มาสัมผัสสถานที่แบบนี้ เนื่องจากเธอเคยใช้ชีวิตอยู่แต่ที่บ้านกับยาย ไม่เคยได้ไปไหนนอกจากมหา’ลัย หลังจากเริ่มแตกเนื้อสาวจะได้เปิดหูเปิดตาหน่อยก็แค่งานวัดแถวบ้าน และห้างสรรพสินค้าในบางโอกาส
“เดินตามอามานะ”
“ค่ะอา” หญิงตอบพร้อมกับจับกระชับสายกระเป๋าที่สะพายอยู่แน่น
เมื่อเดินเข้ามาภายในปลิตาก็ต้องตาโตให้กับบรรยากาศภายใน และธวัชนั้นก็สั่งให้หญิงสาวนั่งรอตนที่มุมโซนบาร์เครื่องดื่มเพื่อที่เขานั้นจะไปตรวจดูความเรียบร้อยต่าง ๆ ภายในร้าน และเมื่อตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จแล้วธวัชจึงพาหญิงสาวไปกรอกใบสมัครพร้อมรับยูนิฟอร์มของทางร้านมาเปลี่ยนเพื่อเตรียมตัวเริ่มงานในค่ำคืนนี้
ในขณะที่นักรบกำลังง่วนอยู่กับเอกสารรายรับรายจ่ายประจำเดือนอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นซึ่งคนที่เอ่ยขออนุญาตก็ไม่ใช่ คือธวัชคนสนิทนั่นเอง ชายหนุ่มจึงเอ่ยอนุญาต แต่สายตานั้นก็ยังจับจ้องอยู่ที่เอกสารไม่ได้เงยหน้าหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่เลยเพียงนิด
“มีอะไรครับคุณธวัช” นักรบเอ่ยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“คือผมพาพนักงานใหม่มาแนะนำตัวครับ” ธวัชเอ่ยบอกอย่างสุภาพ
“ครับ เชิญครับ” ชายหนุ่มตอบกลับมาสั้น ๆ ตาก็ยังจ้องดูเอกสารในมือตามเดิม
“นี่คือปลิตาครับ ชื่อเล่นว่าสายป่าน เป็นหลานสาวของผมเองครับ สายป่าน และนี่คุณรณภีร์ เลิศปิยะวัฒน์หรือคุณนักรบเจ้าของที่นี่ และเป็นเจ้านายของเรา” ธวัชเอ่ยบอก
“อืม” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเพียงแค่นั้น ๆ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าพนักงานใหม่แต่อย่างใด
“สวัสดีค่ะบอส หนูชื่อสายป่านนะคะ เรียกว่าป่านก็ได้ หนูมาทำในตำแหน่งเด็กเสริฟ์ค่ะ” ปลิตายกมือขึ้นไหว้และเอ่ยแนะนำตัวกับเจ้านายหนุ่มที่ตอนนี้ยังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารในมืออยู่
“ครับ” นักรบตอบตามเดิมจนทำให้ปลิตารู้สึกประหม่าที่เจ้านายหนุ่มนั้นไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย ดูเหมือนจะเย็นชาด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเมื่อผู้เป็นอาส่งสายตาบอกเชิงว่าเสร็จแล้วออกไปกันเถอะ แต่ในขณะที่ทั้งคู่จะออกจากห้องนั้นนักรบก็ได้เอ่ยขึ้นจนคนทั้งสองหยุดและหันมามอง
“คุณธวัช หลานคุณอายุยังไม่ถึงยี่สิบ ผมคิดว่าจะให้หลานสาวของคุณทำงานอยู่ที่โซนห้องวีไอพีก่อน ถ้าทำที่โซนคลับผมเกรงว่ามันจะดูไม่ค่อยดี รอให้อายุครบก่อนค่อยไปเริ่มงานที่โซนนั้น” นักรบเอ่ยพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลทั้งสองเป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้ามาแล้วสักพัก
ปลิตาเมื่อได้เห็นหน้าของเจ้านายหนุ่มชัด ๆ ก็ถึงกับตาโตอ้าปากค้าง เพราะเจ้านายหนุ่มที่ว่าคือคนเดียวกันกับที่ตนนั้นวิ่งไปชนจนทำให้เสื้อราคาแพงของเขาเลอะ ด้านนักรบเองก็พอที่จะจำหญิงสาวตรงหน้าได้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขายังมองหญิงสาวด้วยแววตาและสีหน้าเรียบเฉยแตกต่างจากอีกคน เพราะเมื่อได้เห็นหน้าของเขาชัด ๆ เท่านั้นก็รีบก้มหน้างุดเหมือนคนมีความผิด
“ครับบอส” ธวัชรับคำพร้อมกับหันไปสะกิดหลานสาวที่ยืนก้มหน้างุดอยู่ และในขณะที่สองอาหลานกำลังจะเดินออกไปนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเข้ามาโดยที่ไม่มีการขออนุญาตแต่อย่างใด ทำให้ร่างปลิตากระแทกเข้ากับร่างของผู้มาใหม่ที่พรวดพราดเข้ามาอย่างจังโดยไม่ได้ตั้ง
“ว้ายย!!”
“เฮ้ยย!!”
ร่างของปลิตาที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนเซถลาดีที่ธวัชรับร่างบอบบางเอาไว้ได้
“ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ” สุพจน์ รีบเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามีสีหน้าที่ตกใจ
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” ปลิตาตอบกลับแม้ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
“มึงนี่ไม่เคยมีมารยาท แทนที่จะเคาะก่อนเสือกพรวดพราดเปิดเข้ามา” เป็นภูวดลที่เอ่ยตำหนิเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายในพฤติกรรมของเพื่อนสนิท
“ก็กูไม่รู้นี่หว่าว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย ปกติก็เห็นว่ามันชอบอยู่คนเดียว” สุพจน์เถียงกลับอย่างไม่จริงใจนัก
“คุณธวัชพาพนักงานใหม่ไปทำงานเถอะครับ” เป็นนักรบที่เอ่ยขึ้น และเมื่อได้ยินดังนั้นสองอาหลานจึงพากันขอตัวออกไปนอกห้องทันที
และเมื่อตอนที่ปลิตากำลังจะเดินออกไปนั้นสุพจน์ก็ถือวิสาสะดึงข้อมือเล็กของปลิตาไว้ ทำให้หญิงสาวถึงกับตกใจสะบัดข้อมือออก และรีบไปหลบหลังผู้เป็นอาทันที
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากจะขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่คือผมไม่ได้ตั้งใจครับ และต้องขอโทษอีกหนที่ดึงมือคุณจนคุณตกใจ” สุพจน์พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตานั้นวิบวับจนเพื่อนสนิททั้งสองมองออก
“ขะ ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ” ปลิตาตอบ แต่ก็ยังหลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นอา
“ไปทำงานได้แล้ว ส่วนมึงมาหากูมีอะไร” นักรบเอ่ยสั่งเสียงเข้มอีกครั้งจนทำให้หญิงสาวนั้นรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับน้ำเสียงที่ได้ยิน และธวัชเองที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพาปลิตาออกไปสอนงานเพื่อเริ่มต้นทำงาน
เมื่อทั้งออกไปแล้วนักรบจึงนั่งลงหยิบเอกสารขึ้นมาดูต่อโดยไม่ได้สนใจบุคคลเบื้องหน้าทั้งสองที่ตอนนี้จ้องหน้าตนเหมือนมีคำถาม
“พวกมึงหากูตั้งแต่หัววันมีอะไรไม่ทราบ” เป็นนักรบที่เอ่ยขึ้น
“เปล่า ก็ไม่มีอะไร แค่ไอ้พจน์มันเป็นชวนกูมา กูก็เลยมา” ภูวดลเอ่ยตอบพร้อมกับทำท่าไม่ยี่หระ
“ตอนแรกกูก็ไม่มี กูแค่อยากมากินเหล้า และมาแอบดูมึงหน่อยว่าดีขึ้นบ้างหรือยัง” สุพจน์พูดด้วยท่าทีกวน ๆ
“กูยังอยู่ดีไม่ตายง่าย ๆ หรอก เพราะกูรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ กูก็แค่เสียเส้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง” นักรบบอกโดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่เอกสารในมือ
“ให้มันจริงเถอะ” ภูวดลพูดตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ
“เฮ้ยเพื่อนรัก กูขอถามอะไรมึงหน่อยดิ” สุพจน์พูดพร้อมก้มหน้าลงไปหานักรบ
“อะไรมึง” นักรบเบือนหน้าหนีพร้อมถามกลับ
“น้องคนนั้นเป็นใครวะ เด็กใหม่เหรอ กูสนใจอะ จัดให้หน่อยดิ”
“เขามาเป็นเด็กเสิร์ฟไม่ใช่นั่งดริงก์ไอ้พจน์ อีกอย่างเขาเป็นหลานของนายธวัช มึงอย่าหวัง” นักรบพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
“เหรอ และถ้ากูรักจริงหวังแต่งล่ะ” สุพจน์พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าท้าทาย
“คนอย่างมึงน่ะเหรอจะรักจริงหวังแต่ง รอน้ำท่วมหลังเป็ดก่อนกูถึงจะเชื่อ” เป็นภูวดลที่เอ่ยขึ้นเพราะเริ่มจะหมั่นไส้กับคำพูดของคนเจ้าเล่ห์อย่างสุพจน์
“หึ ไปเปิดห้องกินเหล้าดีกว่าวันนี้รู้สึกคอแห้ง เออไอ้นักรบกูขอน้องคนนั้นมาเสริฟ์นะ” พูดจบสุพจน์ก็เดินตรงไปยังห้องประจำทันทีโดยมีภูวดลเดินตามไปติด ๆ
ภายในห้องโซนวีไอพี สุพจน์และภูวดลนั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยที่ข้างกายของทั้งสองมีสาวสวยคอยให้บริการ และเอาอกเอาใจอยู่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะใครต่างก็พากันรู้ดีว่าชายหนุ่มกลุ่มนี้ทั้งทิปหนัก และเรื่องอย่างว่าแซ่บมากขนาดไหน สาว ๆ ในร้านหลายคนจึงอยากจะเข้าปรนนิบัติชายหนุ่มกลุ่มนี้ด้วยกันทั้งนั้น
“เอมมี่ครับ ให้คนไปตามบอสของเอมมี่มาที” ภูวดลบอกให้หญิงสาวข้างกายไปตามเพื่อนสนิทตนหลังจากที่เข้ามาดื่มรอนานเกือบชั่วโมง
“ได้ค่ะคุณภูวดล เดี๋ยวเอมมี่ให้เด็กไปตามให้นะคะ” หญิงสาวร่างอวบอัดรีบรับคำ และรีบเดินออกไปข้างนอกเพื่อให้เด็กไปตาม
“นี่มีใครอยู่มั่งยะ ไปตามบอสให้คุณภูวดลหน่อย เธอ เธอ นี่เธอไม่ได้ยินที่ฉันเรียกหรือไง” ปลิตาที่ยืนหันหลังให้อยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกใครคนหนึ่งรั้งแขนพร้อมกับเสียงที่แหลมจนแสบแก้วหู
“เอ่อ พี่เรียกหนูเหรอคะ” ปลิตาเอ่ยถามละล่ำละลัก
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเรียกเธอตั้งนานแล้ว แล้วชื่ออะไร เด็กใหม่เหรอฉันไม่เคยเห็นเลย” เอมมี่ถามกลับเมื่อรู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนตรงหน้ามาก่อน
“หนูพึ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก” หญิงสาวก้มหน้างุดตอบ
“เออ เออ เธอช่วยไปตามบอสที่ห้องให้ฉันที คุณดลกับคุณพจน์เขารออยู่ สงสัยบอสเคลียร์งานอยู่แน่ ๆ ฉันไม่อยากโดนสองเทพบุตรฟาดงวงฟาดงาใส่” เอมมี่พูดไม่เกินจริงสักนิด เพราะถ้าหนุ่ม ๆ กลุ่มนี้เหล้าเข้าปากเมื่อไหร่อารมณ์ก็มักจะไม่ค่อยคงที่นัก
ปลิตาเมื่อถูกสั่งให้ไปเรียกเจ้านายหนุ่มนั้น เธอก็พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะยังกลัวคำที่ผู้เป็นอาเคยบอกเอาไว้ว่าเขานั้นไม่ชอบอะไร หญิงสาวจึงยืนหมุนซ้ายหมุนขวาคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อดี มองหาอิงอรเด็กเสิร์ฟอีกคนก็ไม่อยู่ และเมื่อปลิตายืนอยู่ได้ไม่นานเอมมี่ที่ออกมาจากห้องน้ำก็พูดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“นี่เธอ! ยังไม่ไปตามบอสให้อีกเหรอ เธออยากตกงานหรือไง อย่ามาคิดลองดีกับฉันนะ” เอมมี่รู้สึกกรุ่นโกรธปลิตาขึ้นมาทันทีเมื่อยังไม่ยอมทำตามที่ตนสั่ง
“ขะ...ขอโทษค่ะ หนูจะรีบไปตามบอสให้ค่ะ” ด้วยความตกใจปลิตาจึงรีบวิ่งตรงไปทางห้องของบอสหนุ่มทันที
ด้านนักรบเมื่อตรวจเอกสารเสร็จจึงลุกเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องทำงานโดยไม่ได้สังเกตว่ามือของตนปัดไปโดนปากการาคาแพงหล่นลงพื้น และส่วนปลิตาที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าห้องของเจ้านายหนุ่มก็ตัดสินใจยกมือเคาะประตูเพื่อเอ่ยขออนุญาต แต่หญิงสาวเคาะอยู่ประมาณสามครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ด้วยความหวังดีและเป็นห่วงปลิตาจึงถือวิสาสะค่อย ๆ เปิดแง้มประตูเข้าไป
และเมื่อเปิดเข้าไปแล้วปรากฏว่าเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอยู่ เอกสารรายรับรายจ่ายยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน และเมื่อเดินเข้าไปหญิงสาวจึงเหลือบไปเห็นว่าปากกาเหล็กแท่งสีเงินตกอยู่ ร่างบางจึงก้มลงไปเก็บเพื่อจะวางคืนไว้ที่เดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้วางลงที่เดิมก็มีเสียงตวาดดังขึ้นจนหญิงสาวนั้นสะดุ้งสุดตัว
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา!”
“ขะ...คือ พะ...พี่ เอมมี่ให้หนูมาตามบอสค่ะ” ปลิตาก้มหน้าตอบกลับ
นักรบค่อย ๆ ย่างสามขุมเดินเข้าไปหาหญิงสาว สายตาเพ่งมองไปที่มือของคนตรงหน้า จากนั้นนักรบก็กระชากแขนของหญิงสาวพร้อมกับดึงปากกาที่อยู่ในมือเธอออกแล้วยกขึ้นมาไว้เสมอใบหน้าของปลิตา
“แน่ใจ และในมือที่ถืออยู่คืออะไร ริอ่านจะเป็นขโมยหรือไง เธอรู้ไหมปากกาแท่งนี้มันราคาเท่าไร มันราคาสูงมากกว่าเงินเดือนของเธอในแต่ละเดือนอีก” นักรบตวาดใส่หน้าหญิงสาว ทำให้ปลิตากลัวจนตัวสั่นน้ำตาเอ่อและไหลอาบสองแก้มของร่างบางทันที
...ฮึก...ฮึก...
“นะ...หนูเปล่าขโมยนะคะบอส หนูเข้ามาเห็นมันตกอยู่ที่พื้น หนูแค่จะเก็บให้เท่านั้นเอง” ปลิตาเอ่ยบอกทั้งน้ำตา ทว่าเมื่อนักรบได้สบตาและท่าทางของหญิงสาวนั้นก็รู้สึกใจกระตุกวูบอย่างแปลก ๆ ชายหนุ่มจึงปล่อยให้ร่างบางได้เป็นอิสระ
“หยุดร้องไห้ ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาใคร อย่ามาบ่อน้ำตาตื้นกับฉัน ออกไปได้แล้ว และจำเอาไว้ถ้าฉันไม่เอ่ยอนุญาตห้ามเข้ามาในห้องของฉันอีก ฉันเตือนครั้งสุดท้าย ออกไป!” เมื่อได้ยินดังนั้นปลิตาจึงรีบรับคำ และวิ่งออกมาจากห้องของบอสหนุ่มทันทีก่อนจะวิ่งตรงไปเข้าห้องน้ำแล้วปล่อยโฮออกมา
“ยายจ๋า อาจ๋า หนูจะอดทนนะคะ”