5
รถม้าจวนสกุลเสิ่นจอดที่วัดฝูที่ห่างไกลจากเมืองหลวงต้าเยียพอสมควรใช้เวลาครึ่งชั่วยาม เยียฟางก็พลันมาถึงวัดฝูแล้ว นางสั่งให้เสี่ยวลิ่วสาวใช้คนสนิทรอที่รถม้า นางคงมีเวลาปรุงน้ำปรุงมนตร์ดำสองชั่วยามกับอาจารย์เซี่ย
เรือนร่างงามเดินเข้ามาในอารามวัด พบว่าอาจารย์เซี่ยกำลังนั่งสมาธิอีกทั้งมือยังนับลูกประคำสีดำอยู่ไม่ห่าง
“คารวะ ท่านอาจารย์” น้ำเสียงหวานพลันเอ่ยขึ้น
อาจารย์เซี่ยลืมตาขึ้นมา พบกับโฉมสะคราญที่ไม่ได้เจอกันนานนับสามเดือน ในที่สุดนางก็มาหาเขาแล้ว น้ำปรุงมนตร์ดำคงจะหมดกระมัง
“ท่านหญิง” น้ำเสียงใหญ่เอ่ยขึ้น แต่ทว่าสายตามองเยียฟางพลันหยาบโล้นอย่างเห็นได้ชัด ครั้งก่อนนางมากับจวิ้นอ๋องบิดาของ อาจารย์เซี่ยก็ไม่มีท่าทีจะมองนางเยี่ยงนี้เลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวยื่นขวดกระเบื้องให้อาจารย์เซี่ย
“หมดแล้วเจ้าค่ะ ข้าต้องการน้ำปรุงมนตร์ดำเพิ่ม”
“เส้นผมเล่า”
นางล้วงเส้นผมท่านแม่ทัพออกมาจากสาบเสื้อ การทำพิธีนี้ขาดเส้นผมมิได้ นางจำได้ตอนนั้นนางก็ขโมยเส้นผมของเสิ่นหวายมาทำพิธี
“ดี แต่ทว่าพิธีครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน ท่านหญิงจะต้องเปลื้องผ้าด้วย ท่านจะยอมหรือไม่”
อะไรกันนะ ให้นางเปลื้องผ้าอย่างนั้นรึ ในตอนนั้นพิธีก็แค่ ใช้ไฟละลายเส้นผมของเสิ่นหวายลงไปในขันน้ำมนตร์มิใช่รึ แล้วเหตุใดครั้งนี้มันถึงได้ยุ่งยากถึงเพียงนี้เล่า
ดวงหน้างามขมวดคิ้วเข้าหากัน ครุ่นคิดอย่างหนัก
“ว่าอย่างไร แต่ครั้งนี้ ถ้าท่านยอมเปลื้องผ้า ท่านหญิงสั่งอันใดท่านแม่ทัพ ก็จะสำเร็จ ชี้นกเป็นชี้ไม้เป็นไม้”
เมื่อหวนคิดถึงนังอนุชั้นต่ำ เข้ามาอยู่ในจวน ทำให้เยียฟางอยากจะไล่มันออกไป ถ้ามันขอฝนสำเร็จ นางจะเป่าหูเสิ่นหวายให้ไล่มันออกไปทันที
“เจ้าค่ะ”
นางตอบตกลง อาจารย์เซี่ยยิ้มกรุ้มกริ่มทันที คางคงอย่างเขาบวชมานานปี ได้กินเนื้อหงส์เสียแล้ว แต่ทว่าเรื่องนี้จะถึงหูจวิ้นอ๋องมิได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น
“ท่านหญิงรับปากข้าได้หรือไม่”
“อะไรรึ”
“เรื่องมีแต่ท่านกับข้า เท่านั้นที่รู้ พิธีนี้ถ้ามีคนรู้มากมันจะเสื่อม”
“ข้ารับปากท่าน” นางคงจะบอกบิดาว่า แค่มาเอาน้ำปรุงมนตร์ดำเพิ่ม เรื่องเปลื้องผ้า นางไม่มีวันบอกผู้ใดเป็นอันขาด
สีหน้าอาจารย์เซี่ยพอใจยิ่งนัก เยียฟางเดินตามหลังอาจารย์เซี่ยมาที่พำนักท้ายอารามหลวง ที่พำนักแห่งนี้ มีป่าไผ่รายล้อมอยู่ เป็นเรือนไม้ขนาดเล็ก
อาจารย์เซี่ยเปิดประตูเรือน
“เข้ามาสิ”
นางเดินตามอาจารย์เข้าไป จากนั้นเขาก็ปิดประตูเรือน ภายในเรือนสะอาดสะอ้าน อาจารย์เซี่ยจุดไฟบนเชิงเทียน จากนั้น พลันปิดหน้าต่างทุกบาน เยียฟางพลันยืนนิ่ง
“เอาล่ะ ท่านหญิง ท่านจงไปเปลี่ยนผ้าออก มีผ้าขาวในนั้นให้ท่านห่อตัวมา จากนั้นมานอนลงที่เตียง ข้าจะทำพิธีให้” เยียฟางสาวเท้าไปที่ฉากกั้นห้องน้ำ ไม่นานนางก็ปลดอาภรณ์ออกหมด สวมเพียงผ้าขนหนูสีขาวเดินออกมา
“มานอนลง ข้าจะทำพิธีให้ท่านหญิง” เยียฟางใจไม่ดีเลย แต่ทว่าในเมื่อเลือกแล้วจะกลัวอันใดเล่า นางต้องสู้ เพื่อบิดาได้ครองบัลลังก์ อำนาจทหารตกเป็นของสกุลเสิ่น นางต้องเป่าหูเสิ่นหวายให้ได้
เยียฟางนอนลงที่เตียงอย่างว่าง่าย
บุรุษที่เป็นนักบวช กับสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว นางกับอาจารย์เซี่ยอยู่ในเรือนกันสองต่อสอง ถ้าเกิดผู้ใดมาเห็นเข้าไม่ดีเป็นแน่แท้
อาจารย์เซี่ยเห็นนางหลับตาลง ในใจก็ยิ่ง หึ หึ หึ
“ท่านหญิง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามลืมตาเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น สิ่งที่ท่านทำมาทั้งหมดจะเสียเปล่า”
“เจ้าค่ะ”
สายตาหยาบโล้นมองที่ร่างงามที่มีเพียงผ้าขาวปกไว้ เนินทรวงอกของนางช่างใหญ่เหลือเกิน ทำให้คนแก่ที่บวชมาหลายพรรษาเยี่ยงเขา อดใจมิไหวเสียแล้ว สัมผัสอาจารย์ทำให้นางขนลุก เยียฟางรู้สึกหวาดกลัวแต่ทว่าก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือ ในเมื่อนางเข้าถ้ำเสือแล้วนางต้องอดทน
มือหนาใหญ่ที่หยาบกระด้างพลันนวดเคล้าที่เต้านมทั้งสองข้างของนาง ขาวน่ากินเหลือเกินท่านหญิง เทราดด้วยน้ำปรุงกลิ่นหอมทำให้ท่านหญิงพลันเคลิ้มเหลือเกิน
ที่จริงอาจารย์เซี่ยอยากจะกิน ท่านหญิงตั้งแต่เมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ทว่าติดที่จวิ้นอ๋องมาด้วยตอนนั้น ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะกินเนื้อหงส์
น้ำปรุงนี้อาจารย์ปรุงมาสำหรับที่จะใช้หลับนอนกับสตรี ให้พวกนางเคลิ้ม ไม่เกี่ยวกับน้ำปรุงมนตร์ดำของท่านแม่ทัพเลยแม้แต่น้อย พูดง่าย ๆ คือเขาหลอกกินท่านหญิง
“ส่งเสียงร้องเลยท่านหญิง”
เยียงฟางพลันออกแสบออกร้อน
“อ้า อื้อ ข้าเสียว”
“ท่านมิต้องห่วง แท่งหยกของข้าพร้อมใช้งานแล้ว” อาจารย์เซี่ยพลันปลดอาภรณ์ออก เหลือเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่าพร้อมเสียบท่านหญิง แท่งหยกสีดำ ที่บ่งบอกว่าผ่านการใช้งานมานาน หรือคนเป็นเจ้าของเป็นคนที่มีอายุมากอย่างอาจารย์เซี่ย ที่มีอายุหกสิบปี ได้กินสตรีรุ่นเหลน ช่างเป็นอมตะยิ่งนัก
“อ่า ท่านอาจารย์ร้อนเหลือเกิน ข้าไม่ไหวแล้ว” ช่วงล่างของนางพลันปวดแสบปวดร้อนอย่างบอกไม่ถูก นางต้องการของบุรุษมาเสียบที่นางอย่างรวดเร็ว เยียฟางมีสติที่เลือนรางเสียจริง
“อีกประเดี๋ยวสิ แม่ยอดพธูของพี่ ข้าจะทำให้จดจำคนแก่เยี่ยงข้าเป็นจนตายเชียวล่ะ” สองลูกนัยน์ตาทอดมองที่กลีบโหนกนูนของท่านหญิงที่ไร้ขน สีแดงก่ำ ตรงร่องของมันช่างน่าลิ้มลองเหลือเกินมีน้ำสีขาวเยิ้มออกมา น้ำปรุงที่หอมหวานไหลออกมาจากขวดกระเบื้องราดที่โหนกนูนใหญ่ จนชุ่มฉ่ำ มือหนาใหญ่แหย่หมุนเล่น จนโหนกนูนนั้นมันวาวราวกับหยกที่เคลือบด้วยสิ่งที่เงางาม
“อ้า อื้อ” เรียวปากงามส่งเสียงครวญครางราวกับลูกแมวน้อย
ตับ ตับ ตับ ตับ
ตับ ตับ ตับ ตับ
นิ้วมือที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเมือก แหย่เล่นรางกับว่า ไม่เคยเจอร่องรักที่งดงามถึงเพียงนี้ ท่านหญิงช่างทำให้คนแก่เยี่ยงเขาได้หัวใจวายตายเสียจริง เขาผลิกลีบสีแดงมันออก เห็นเพียงเมล็ดสีแดงก่ำและรูสีแดงที่ติดกัน นิ้วเล็ก เขี่ยที่เมล็ดสีแดง เล่นๆ เยียฟางพลันร้องออกมา นางไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นฉี่สีเหลืองพลันราดออกมาใส่หน้าท่านอาจารย์เซี่ยเต็ม ๆ
นางเสียวจนฉี่ราดเลยรึ
“รสชาติไม่เลว” อาจารย์เซี่ยแหย่ๆ เข้าไปในร่องรัก
ตับ ตับ ตับ ตับ
ตับ ตับ ตับ ตับ
“อ้า อื้อ อ้า”
“น้องหญิงเสียวสินะ” เขาไม่พูดเปล่าพลันใช้ลิ้นลงไปแหย่ที่บริเวณร่องรัก ฉี่ที่ผสมกับน้ำเมือกอีกทั้งกลิ่นน้ำปรุง หอมหวานเสียจริง อาจารย์เซี่ยชอบมาก
ลิ้นหนาแหย่เข้าไปในรูอย่างไม่ยั้ง ปลายลิ้นตวัดไปมา จนนางบิดเรือนร่าง สมองนางตอนนี้ว่างเปล่า ตอนนี้มีความสุขเหลือเกิน
หวานมาก หวานมากยอดรัก
อาจารย์เซี่ยกลืนกินน้ำหวานจนหมด จากนั้นแท่งหยกสีดำขนาดใหญ่ ค่อย ๆแทงเข้าไปในกลีบร่องรัก เขาจะพานางไปสวรรค์เองวันนี้
เรือนกายหนาขยับสะโพกอย่างแรง นางรับรู้ได้ถึงความใหญ่และยาวของแท่งหยก ใหญ่ยาวมากกว่าของท่านแม่ทัพเสียอีก มันคับแน่นเต็มรู
ตับ ตับ ตับ ตับ
ตับ ตับ ตับ ตับ
ยิ่งกระแทกแรง ๆ ยิ่งเสียวไปสุดขั้วหัวใจ บุรุษผู้นี้ทำให้นางถึงฝันได้ ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน อาจารย์เซี่ยพลันมองดวงหน้างามที่นอนยิ้ม เรียวปากงามครวญครางออกมา
“แท่งหยกของพี่เซี่ยใหญ่ไหมล่ะ เจ้าถึงมีหน้ายิ้มแย้มได้ถึงเพียงนี้” ปากหน้าใหญ่ประกบปากบางพร้อมหาความหวานอย่างไม่หยุดยั้ง
การขึ้นสวรรค์ครั้งนี้ มันช่างสุขใจเหลือเกิน สุดยอดเกินคำบรรยาย อาจารย์เซี่ยคิดว่านางพลันตื่นขึ้นมาแล้วได้เขาเป็นผัวเพิ่มอีกคน นางจะว่าอย่างไรนะ