บทที่ 5 ทดสอบความรู้สึกเหยื่อ/1
บนโต๊ะอาหารยามเช้าที่มีสมาชิกในบ้านพร้อมเพียงแบบปกติ
มีเพียงแววตาตื่นตระหนกหลบซ่อน...ของเด็กมัธยมปลายที่นั่งตรงข้ามกับคนสวมเสื้อเชิ๊ตสีเลือดหมู
ซึ่งคนตรงข้ามนั้นไม่ได้ปรายตามองสาวน้อยอย่างที่ควรจะเป็น กิริยาเมินเฉยแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจดวงน้อยในค่ำคืนที่ผ่านมา...
ทำเอาใบหน้าอมชมพูเผือดสีลงรับกับแววตาหม่น
“เมื่อคืนได้ข่าวประชุมดึกหรือตาโชติ ที่สาขาใหญ่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” มารดานามว่าคุณวิรงรองผู้เคยนั่งในแท่นบริหาร
เอ่ยถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอกครับแม่ แค่ประชุมปรับโครงสร้างภายในบริษัทเล็กน้อย...ตอนนี้บริษัทเครือข่ายของเรากำลังจะเติบโตขึ้นมาก
การวางโครงสร้างแบบเดิมอาจจะไม่รองรับการเติบโตนี้น่ะครับแม่” บุตรชายคนโตผู้แสนอบอุ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จนทำให้ผู้เป็นแม่เบาใจ
บทสนทนาในโต๊ะอาหารของครอบครัว ไม่ได้ตกอยู่ในภวังค์ของคนเขี่ยข้าวในจานเล่น...ความเฉยชาที่เหมือนเธอไร้ตัวตนนั้น
ทำเอาบรรยากาศยามเช้าที่ควรจะสดใส หม่นลงจนเกือบจะเศร้า
“อาหารไม่อร่อยเหรอลูก ทำไมเขี่ยข้าวเล่นแบบนั้น” เตโชติผู้แอบมองบุตรสาวมาซักพัก...เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง
เรียกสายตาทุกคู่มุ่งมายังเธอแบบไม่ต้องนัดหมาย ยกเว้นสายตาคมกริบเย็นชาเพียงคู่เดียวเท่านั้น
ที่เลือกจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันมาอ่านด้วยความเคร่งขรึมแทน
“อ๋อ เปล่าค่ะพ่อ...เปียยังไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ” เธอว่าแก้เก้อ...พร้อมชำเลืองไปยังใบหน้าที่ถูกหนังสือพิมพ์ปิดไว้เกือบค่อน
“ไม่หิวก็ต้องกินนะลูก...เดี๋ยวไม่มีสมาธิเรียนหนังสือนะ” โปรดปรานดุบุตรสาวจริงจัง จนเธอหน้าเผือดลงกว่าเดิม..
ก่อนตักผัดผักในจานตรงหน้าคนบางคนมาใส่จานตัวเองเชื่องช้า แม่จะไปรู้อะไร...
เธอไม่ได้ไม่มีสมาธิเรียนเพราะท้องไม่อิ่มหรอก แต่เพราะอาหารตาเย็นชาใส่มากกว่า...
“หรือว่าลดความอ้วนจ้ะหลานย่า” เพื่อคลายความหม่นจากใบหน้าเผือดสี ทำเอาผู้เอ็นดูหลานยิ่งกว่าใครรีบแก้สถานการณ์
“ค่ะคุณย่า...” เธอตอบรับพร้อมยิ้มแป้นไปอย่างนั้น...แบบแก้ขัดไปก่อน แต่แววตาดุไม่สร่างของมารดาก็ทำให้เธอจำต้องส่งสายตาเชิงอ้อนไปให้
“ไม่ต้องลดหรอก ผอมขนาดนี้แล้ว” โปรดปรานตักไข่พะโล้ฝั่งตัวเองให้บุตรสาว ทำเอาแววตากลมโตเบิกกว้างขึ้นแล้วเหลือบไปมองคนที่ลดหนังสือลงจากใบหน้าแล้ว หากแต่ยังคงความเรียบเฉยเอาไว้ดังเดิมอยู่ เมื่อวานอาเตของเธอตักไข่พะโล้ให้ทานเหมือนแม่ทำตอนนี้เลย
“เปียกลัวใส่ชุดเชียร์หลีดเดอร์ไม่สวยค่ะ” เธอตอบมารดาไปแบบนั้นเพื่อจบปัญหา แต่ก็ตักไข่ฟองโตมารับประทานอย่างเอาใจมารดา
แต่แล้วเสียงพับหนังสือพิมพ์เก็บ...ก็เรียกการมองไปยังเธอได้อีกหน คนไม่มองหน้าใครหยิบกระเป๋าเอกสารข้างกายพร้อมหยิบสูทตัวใหม่พาดแขน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ วันนี้นัดลูกค้าเอาไว้แต่เช้า” เขายืนเต็มความสูงพร้อมเอ่ยแจ้งผู้เป็นบิดามารดาและพี่ชายกับพี่สะใภ้
แต่คนถูกมองข้ามไปอย่างลูกกวางน้อย..เม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างน้อยอกน้อยใจ
“พี่ฝากเปียไปด้วยหน่อยสิ วันนี้จะแวะไปสาขาทางโซนนนทบุรี...อาจจะไม่ผ่านโรงเรียนหลานน่ะ” คำฝากฝังของผู้เป็นพี่ชาย
ทำเอาเตชัสแสร้งมองนาฬิกาเหมือนรีบร้อน โปรดปรานรีบมองบุตรสาวส่งสัญญาณเป็นเชิงเร่งให้ จนเธอแทบจะสำลักน้ำดื่ม
“ครับ ผมรอที่รถนะ” เขาตอบรับพี่ชาย หากแต่ไร้การมองมายังหลานสาวแบบที่ควรจะเป็น
คนน้อยใจแทบจะร่ำร้องออกมาเป็นน้ำตา รู้สึกอัดอึดทันใด กับการต้องนั่งหายใจร่วมรถไปกับเขา
“ตาโชตินี่ก็กะไร ก็เห็นๆอยู่ว่าตาเตเนี่ยไม่ค่อยสุงสิงกับหลาน ก็ยังจะไปสร้างความลำบากใจให้หลานอีก” มารดาจอมบ่น
บ่นอุบให้บุตรชายตามประสาคนช่างบ่นจนผู้เป็นสามีส่ายหน้าให้
“จริงค่ะโปรดเห็นด้วย เกรงใจคุณเตเขานะคะ...โปรดไปส่งยัยเปียเองก็ได้นะคะถ้าคุณไม่สะดวก” โปรดปรานเอ่ยกับสามีอย่างไม่สบายใจ
เมื่อเห็นหน้าน้องชายของสามีที่ดูรีบร้อนมากนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้าเตมันก็แบบนี้แหละ...ชอบวางท่าไปอย่างนั้น ให้สร้างความคุ้นเคยกันไว้เสียบ้างก็ดี
หนูเปียลูกเราจะได้หายตัวเกร็งเวลาเข้าใกล้คนช่างเก๊กแบบเจ้าเตมันซะที” หากแต่ผู้เป็นสามีกลับตอบกลับเธอด้วยความสบายอกสบายใจ
ไม่ได้เดือดร้อนไปกับแววตาครุ่นคิดของพวกผู้หญิงของบ้าน