บทที่ 4 แหย่เด็กมันเล่น/2
“เงียบเชียว อิ่มจนพูดไม่ออกเหรอ” เขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นตุ๊กตา บลายธ์หันมองไปแต่นอกหน้าต่างอย่างเดียว
“เปล่าค่ะ แค่ไม่มีอะไรจะพูด” น้ำเสียงใสเอ่ยแบบสั่นๆ จนคนนึกสนุกไม่ถามอะไรต่อ
เมื่อรถหรูแล่นมาจอดยังบริเวณบ้าน...เด็กสาวรีบลงจากรถแบบแทบไม่ลา วิ่งขึ้นห้องทันทีหลังจากพบมารดาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
อย่างรอคอยการกลับมาของสามีและบุตร โปรดปรานมองตามบุตรสาวไปอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าวคุณเต กลับมาพร้อมยัยเปียเหรอคะ” ความสวยงามผุดผ่องของโปรดปรานทำเอาเตชัสหันไปมองเพียงนิด
ก่อนหยุดการก้าวเท้าเชื่องช้าเพื่อสนทนากับพี่สะใภ้ที่ยังสาวยังสวยอยู่
“ครับพี่โปรด พี่โชติเข้าประชุมยาวน่าจะเลิกดึก...ก็เลยวานให้ผมรับเจ้าตัวแสบกลับมาด้วย”
“ยัยเปียไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้คุณเตหรือเปล่าคะ?” ผู้เป็นมารดาเอ่ยพร้อมมองตามบุตรสาวไปอย่างไม่สบายใจ
“เปล่าหรอก พาหาอะไรทานมาเรียบร้อยแล้ว..แกคงจะรีบขึ้นไปอ่านหนังสือ” เขาว่าพร้อมหมุนตัวขึ้นไปยังบนบ้านอย่างอารมณ์ดี
ผู้ที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด...ได้แต่มองตามไปอย่างครุ่นคิด
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้อง...ทำเอาเปียโนผู้กำลังจะอาบน้ำในชุดคลุมอาบน้ำสีฟ้าอ่อน คิดว่าผู้ที่ตามมาคงจะเป็นมารดา
จึงเดินไปเปิดประตูให้อย่างไม่ได้ระมัดระวัง
“อาเต...” คนตกใจแทบจะแหกปาก ถูกฝ่ามือกว้างคว้าหมับเข้าสกัดเสียงดังจากริมฝีปากมันวับ ที่กำลังเบิกกว้าง
พร้อมดันคนตัวเล็กเข้าไปข้างใน...พร้อมปิดประตูแน่นหนาลงกลอนดังคลิ๊ก
“เดี๋ยวคนก็ได้แห่กันมาดูหรอก” เขาปรามเล็กน้อย ก่อนปล่อยร่างผอมกะหร่องออกจากวงแขน ความโล่งที่ไร้อาภรณ์นอกจากชุดคลุมหนา
ทำเอาสาวน้อยที่ไม่เคยถูกการสัมผัสจู่โจมจากชายใดมาก่อนหน้าซีดเผือดราวกับจะเป็นลม
“อาเตมีธุระอะไรกับเปียหรือเปล่าคะ?” ดวงตากลมที่ยังเต็มไปด้วยแววตกใจไม่หาย เอ่ยคำถามด้วยเสียงแหบเล็ก พร้อมการหายใจในจังหวะถี่
“อาเอาของขวัญมาให้...” เขาว่าพร้อมยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กในมือส่งให้เธอต่อหน้า เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอยากลำบาก
“แล้วสูท...อาจะมาเอาคืนเหรอคะ?” เธอว่าพร้อมหันไปมองสูทที่ถูกห้อยไว้อย่างดี บนหัวเตียงของเธอแบบเขินอาย...จนแทบอยากจะวิ่งเอามันไปซ่อน
ความคมคร้ามจากใบหน้าเรียบเฉย...ตอบรับเธอด้วยรอยยิ้มเพียงนิด
“ทำไมสูทอา...ถึงไปอยู่หัวเตียงเราล่ะ” คนขี้แกล้งเอ่ยต่อ พร้อมเดินเข้าไปยังเตียงขนาดกะทัดรัดของหลานสาวในนาม
“เอ่อ...คือว่า คือ...เปียรีดแขวนไว้น่ะค่ะ เมื่อเช้ารีบไปหน่อยเลยลืมเก็บ อาเอาคืนไปก็ได้นะคะ” เธอรีบหยิบมายัดใส่มือเขาทันที
หากแต่...ฝ่ามือแกร่งกลับไม่ได้รับสูทไว้ในมือ และกุมมือเล็กนิ่ง...หลุบตามองต่ำ คนตัวสั่นเทารับกับใจเต้นไม่เป็นส่ำกว่า...ก้มหน้างุดไร้ทางสู้
“อายกให้เราแล้ว อาจะเอาคืนทำไม” เขาคืนสูทสู่มือเธอพร้อมปล่อยมือนิ่มอย่างสุดแสนเสียดาย ความตื่นเต้นใหม่แวบเข้ามาในความคิดของคนชอบกินอย่างเขา
กินเงียบๆกินไม่แบ่งใคร...ก็น่าสนใจดีแฮะ
เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอแบบไร้ความหมาย...ดวงตากลมโตคู่เดิมช้อนตามองรอยยิ้มมุมปากของคนสูงกว่าอย่างกลัวๆกล้าๆ
เท้าไม่มั่นคงของเธอ...ทำเอาเธอทรงตัวแทบจะไม่อยู่
“อืม...หลานอาซ่อนรูปจริงๆด้วย” เขาว่าพลางมองไปยังรอยแยกของสาบเสื้อคลุมอาบน้ำอย่างแอบแกล้ง จนคนตัวเล็กกระชับสาบเสื้อเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“ฝันดีนะ คนสวยของอา” ใบหน้าคมคร้ามที่เธอแอบมองมาตลอดสามปี กระซิบพร่าลงข้างใบหูเล็ก แก้มอมชมพูปลั่ง...ระเรื่อขึ้นอย่างไม่อาจหักห้าม
ขนทั่วร่างชูชันขึ้นตามสัญชาตญาณหญิง ร่างสูงเดินจากไปได้สักพักแล้ว หากแต่เธอ...กลับทำได้เพียงยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นที่ไร้ลมหายใจอยู่
กลิ่นกายหอมอ่อนแบบผู้ชายของเขายังแตะอยู่ที่ปลายจมูกรั้นไม่หาย..
.ให้ตายเถอะเปียโน ถ้าเธอเป็นเพียงเครื่องเล่นเปียโนตัวหนึ่ง ตอนนี้เธอคงกำลังถูกกรีดกรายด้วยใบนิ้วใครสักคน
ในทำนองเพลงรักหวามไหว...มันไม่ได้ไพเราะรื่นหูซะทีเดียวหรอก มันซาบซ่านแสบทรวงราวกับเพลงรักโรแมนติคยั่วยวนใจ
ถ้านี่จะเป็นการใจแตก...ก็คงจะเป็นการใจแตกเหมือนพลุงานปีใหม่ ที่แตกกระจายเต็มท้องฟ้า ทั้งสวยงามทั้งตื่นตา
‘อาเตขา...เปียไม่ได้ฝันไปใช่ไหม’