บทที่ 3 แหย่เด็กมันเล่น/1
“พ่อแกมารับหรือยังอ่ะเปีย” เพื่อนสาวถามเชิงเป็นห่วง เมื่อรถมารดาของเธอแล่นมาจอดหน้าโรงเรียน
“ยังเลยอ่ะ โทรไปก็ไม่รับ...อีกสักพักคงจะมาแหละ” เธอว่าพร้อมโบกมือส่งท้ายเพื่อน กิจกรรมกีฬาสีใกล้เข้ามาถึง
ตำแหน่งเชียร์หลีดเดอร์ตัวเต็งอย่างเธอ...ต้องซ้อมหนักจนกลับบ้านค่ำมืดกว่าปกติ
รถสปอร์ตสีดำคันคุ้นตา...ทำเอาเธอไม่แน่ใจกับการแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ ราวกับกับว่าจะมารับเธอกลับบ้านด้วย
เธอยืนนิ่งใช้ดวงตากลมโตเพ่งพิศมันอยู่สักครู่...จนกระจกมืดสนิทเลื่อนลง พร้อมเผยใบหน้าหล่อเหลาของคนที่วนเวียนอยู่ในหัวเธอทั้งวัน
แววตาเรียบเฉยคู่เดิมนั้น...มองมายังเธอเป็นเชิงถาม
“จะกลับมั้ยบ้าน” น้ำเสียงทรงพลังนำพาร่างเล็ก วิ่งแจ้นขึ้นรถแทบไม่เป็นภาษา
“คุณพ่อให้อาเตมารับเปียเหรอคะ?” เธอถามแบบไม่เป็นตัวของตัวเองนัก กับการขึ้นมานั่งบนรถของเขาครั้งแรก
“ถ้าพ่อไม่ได้เป็นคนวานอามา...เปียก็จะไม่ยอมไปกับอาอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยนะคะ เปียแค่แปลกใจ...ว่าทำไมคุณพ่อไม่มารับเปียด้วยตัวเองเหมือนทุกวันน่ะค่ะ”
เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายเสื้อขาวสะอาด เอ่ยด้วยใบหน้างอง้ำด้วยความรีบร้อน...เพราะเกรงจะถูกเข้าใจผิด
กิริยาของเธอ...ทำเอาพ่อเสือยิ้มยากเผยยิ้มพ้อมหันไปนอกหน้าต่าง
“พ่อเขาติดประชุมดึก...แล้วนี่หิวยัง” หางของดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ฝ่ามือแกร่งที่กุมพวงมาลัยรถเอาไว้อย่างแข็งแรง
ความเป็นชายทั้งร่างของเขานั้น...นำพาหัวใจดวงน้อยของสาวแรกรุ่นเพลิดเพลินกับการแอบมองอย่างเริงร่า
“ยังไม่หิวเหรอ” เขาถามซ้ำ พร้อมมองตามดวงตากลมโต ที่มองไปข้างหน้าราวกับต้องมนตร์นั่น
“อะ..อ๋อ ยัง เลย ค่ะ” น้ำเสียงใสตะกุกตะกักทำนองเดิมๆ ทำเอาเขาส่ายหน้า ก่อนโน้มตัวเอื้อมมือไปยังเข็มขัดนิรภัยฝั่งตรงข้าม
กลิ่นบุหรี่หอมอ่อนๆราคาแพงที่เขาเพิ่งจะสูบหมดไปก่อนหน้า...อวลมาแตะจมูกรั้นเล็กแบบไม่ตั้งตัวทันที เมื่อเขาทำกิริยานั้น...แกร๊ก
“ขึ้นรถห้ามลืมคาดเข็มขัดนะรู้มั้ย มันอันตราย” คำพูดเชิงดุนั้นทำเอาเธอรู้สึกหายใจไม่ออก เขาจะรู้ตัวไหมนะว่า...ที่เธอลืมแล้วสิ้น
ทุกสิ่ง ต้นเหตุมันก็มาจากเขานั่นแหละ!
“ค่ะอาเต” แต่เธอก็ทำได้เพียงตอบรับแบบไม่อยากจะพูดอะไรออกไปมาก แค่หายใจร่วมกับเขาในรถคันเดียวกัน...ก็ยากลำบากมากพอแล้ว
จมูกโด่งเป็นสันของเขา...ทำเอาเธอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อนึกไปถึงคำบรรยายฉากรักในนวนิยายโรมานซ์เรื่องโปรด
เขาไม่ผิดเพี้ยนจากรูปลักษณ์ของพระเอกที่ถูกบรรยายเลยสักนิด...เด็กสาวที่เนื้อกำลังแตกพานอย่างเธอ รู้สึกโหวงในท้องอย่างบอกไม่ถูก
“อาหิวแล้ว ขอแวะหาอะไรกินก่อนได้มั้ย” เขาเอ่ยถามขณะที่เลี้ยวเข้าไปยังร้านอาหารข้างหน้าทันที
ดวงตากลมโตมองค้อนเพียงน้อย...นี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งแบบขอไปทีต่างหากล่ะ!
เด็กมัธยมปลายที่อยู่ในยูนิฟอร์มเต็มสูตร...ก้าวลงจากรถหรูพร้อมคนขับที่ร้อนจนต้องถลกแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง
เนคไทด์หลุดลุ่ยยังไม่ได้รับการปลดออก หากแต่ห้อยไว้เป็นพิธี...ส่งเสริมบุคลิกให้เขาเท่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับคนที่เดินตามหลังเขาไปต้อยๆ
สาวน้อยใหญ่ที่ได้พบเห็นหารมองเขา...ได้แต่พากันมองตามตาละห้อย เปียโนอยากจะมีสิทธิ์เดินเข้าไปเกาะแขนเขาประกาศให้แม่สาวพวกนั้นได้รับรู้...
ว่าอย่ามามองอาเตของเธอนะ! แต่ก็ทำเพียงก้มหน้างุดเดินแบบคิดลำพัง
“ช้าจัง อาหิว” คำบ่นของคนที่นำไปก่อนหน้าแล้ว...กลับมาคว้าแขนหลานสาวในนาม พร้อมออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปในร้าน
จนคนแอบคิดเพลิดเพลินนั้น...ขนตาแพงอนรับความเบิกกว้างของตากลมโตเกือบจะไม่ทัน
“ไม่กินเหรอ” เขาถามแบบไม่มองหน้า พร้อมตั้งใจรับประทานอาหารตรงหน้าแบบหิวเหลือแสน
เปียโนลอบยิ้มให้กับความโหยหิวของเขา...เป็นแบบนี้เสมอเลยสิน่า เขากินเก่ง...แต่ก็ไม่ยักจะอ้วนแม้สักนิด
เธอไล่มองสัดส่วนได้รูปของคนตรงหน้าตาปรอยแบบมิอาจหักห้าม...ลำแขนแกร่งที่มีขนประปรายไร้ระเบียบนั้นน่าลูบไล้เป็นบ้า
แววตาซุกซนลอบคิดแบบไม่ปิดบัง
“ฮึ...” น้ำเสียงทักท้วงรอบที่สอง ทำเอาเด็กมัธยมปลายแทบจะสะดุ้ง พร้อมตักข้าวในจานใส่ปาก...ทั้งๆที่ยังไม่มีอาหารร่วม
“กินแบบนั้นเหรอ พะโล้หน่อยมั้ย...ร้านนี้อร่อย” เขาตักหมูสามชั้นในชามพะโล้วางลงบนจานเธอ แบบไม่ได้สนใจกิริยาแก้เก้อนั่น
ทั้งที่ในใจ...หัวเราะกรุ้มกริ่มแบบแอบเจ้าเล่ห์อยู่
“ไม่ต้องเยอะค่ะ...เปียลดน้ำหนักอยู่” เธอรีบทักท้วงการตักให้แบบพูนจานจนเกินพอดีของเขา
“หือ...ผอมกะหร่องแบบนี้นี่นะ ลดน้ำหนัก?” แววตาเชิงขันปรากฏในความคมกริบของสายตานั้น พร้อมไล้เรียวลิ้นไปยังริมฝีปากมันที่จัดการหาไปจนพร่อง
อย่างขบคิด...เขาจะรู้ไหมว่ากิริยาแสนเสน่ห์นี้กำลังเล่นงานเด็กสาวอย่างหนัก จนแทบไม่มีสติอยู่กับเนื้อตัว
“ไม่ผอมนะคะ เปียเป็นคนซ่อนรูป...แถมตำแหน่งเชียร์หลีดเดอร์ที่เปียได้รับ ก็ต้องเป็นตัวยืนบนสุด...กลัวเพื่อนจะแขนหักกันน่ะค่ะ”
ริมฝีปากฉ่ำว่าเจื้อยแจ้วแบบเริ่มผ่อนคลาย...ดวงตากลมโตสดใส ระบายไปด้วยความเริงร่า..
เสือยิ้มยากที่ซ่อนความร้ายกาจ มองแบบแทบจะละสายตาจากความสดใสนี้ไม่ได้...ไอ้เรื่องที่แค่จะหยอกเล่น
เริ่มจะมีรูปร่างแผนการบางอย่างขึ้นมาในหัว
“เหรอ ได้เป็นเชียร์หลีดเดอร์ด้วย” เขาว่าอย่างแกล้งๆ พลางเหยียดยิ้มให้แบบเป็นเชิงล้อ
“ทำไมละคะ อย่างเปียเป็นเชียร์หลีดเดอร์ไม่ได้เหรอ” เธอว่าพลางสำรวจตัวเองไปมาจนเขานึกขัน
“ไม่รู้สิ สมัยอาเป็นนักเรียน...เห็นเชียร์หลีดเดอร์มีแต่สวยๆ”คนขี้แกล้งก็แกล้งต่อจนคนไม่มั่นใจหน้าง้ำหนัก
“อ้าวเหรอคะ เปียเข้าใจว่าเปียสวยมาตลอดเลย...อาเตมองว่าเปียไม่สวยเหรอคะ?” ดวงตากลมโตเหล่มองเขาด้วยความน้อยใจเต็มเปี่ยม
กิริยานั้นทำเอาเขาอยากจะยีหัวแม่คนช่างอ้อน...ให้ยุ่งหนัก
“รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะดึก” เขาตอบปัด...เพื่อที่จะทิ้งคำถามค้างคาไว้ในใจสาวน้อย ซึ่งก็เป็นดังคาด
เด็กน้อยผู้ไม่ได้รับคำตอบ หน้าบูดบึ้งหนักกว่าเดิม...หากแต่ก็นิ่งเงียบไปตลอดทางกลับบ้าน