บทที่ 2 สิบแปดปีบริบูรณ์ /2
“มีอะไรกันรึเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามเรียบเฉย ก่อนดึงเก้าอี้ตัวสุดท้ายซึ่งอยู่ใกล้เจ้าของวันเกิดพอดีออก...พร้อมทรุดตัวลงนั่งแบบไม่หยี่ระ
เสือยิ้มยากแถมไม่เคยพูดมากแบบเขา...เหมือนเอ่ยไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจคำตอบที่จะได้รับกลับมาเสียด้วย
“อะไร? นี่จำวันเกิดหลานไม่ได้เหรอ...ตาเต?” ผู้อารมณ์คุกรุ่นก่อนหน้าอย่างมารดารีบต่อว่าบุตรชายคนรองทันที
คำตอบของแม่เขา...ทำเอาคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ก่อนแลสายตาคมไปยังร่างเล็กราวตุ๊กตาถูกจับวางเพียงครู่ ก่อนหันไปหยิบจานเค้กที่เหลืออยู่ยื่นให้หลานสาว
“วันเกิดเราเหรอ ตักเค้กให้อาสิ” เขาว่าด้วยความเรียบเฉย ไม่ได้สนใจแววตาเขียวปัดของผู้เป็นมารดาแม้สักนิด
ใบหน้าชมพูระเรื่อที่กำลังแดงปลั่งได้ที่...หันไปสบตากับผู้ที่ยื่นจานเค้กมาให้ หากแต่ก็ได้สบเพียงกับเสี้ยวหน้าคมที่ไม่ได้มองเธอนานนัก อย่างหวาดหวั่น...
กลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญจน์ฉบับผู้ชาย ทำให้จังหวะหัวใจที่แทบไร้จังหวะ ระรัวจนเกินควบคุม
“หื้อ...สั่นขนาดนั้น อาจะได้กินไหม...เดี๋ยวก็ตกแตกพอดี” คนเท้าคางรอ...มองการตักเค้กใส่จานของหลานติดพี่สะใภ้ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก
ก่อนเอื้อมมือไปแย่งจานในมือเด็กน้อยมา...และจัดการตักเองเรียบร้อย เสี้ยววินาทีนั้น...นิ้วเรียวยาวของคนตัวใหญ่สัมผัสไปยังมือเรียวเล็ก
แม้เพียงนิด...แต่ราวกับเป็นกระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่านไปทั่วร่างของเธอ
“ขี้แกล้งหลานไม่เคยเปลี่ยน” ผู้เป็นย่ารีบปกป้องหลานรักทันที เมื่อเห็นพฤติกรรมของบุตรชาย...ส่วนคนอื่นๆได้เพียงแต่ส่ายหัวให้แบบไม่ถือสาบุคคลคนนี้
ผู้ไม่เคยทำอะไรเหมือนชาวบ้าน
“แล้วของขวัญเปียละคะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยแผ่วเบาอย่างเขินอายนักหนา...กิริยาก้มหน้างุดอย่างน่ารัก
ทำเอาพ่อกับแม่ต้องหัวเราะร่วนให้กับความเห็นแก่ของขวัญของเด็กน้อย หาได้มีใครล่วงรู้เลยว่า...เด็กน้อยไม่ได้เห็นแก่ของขวัญ
หากแต่เห็นแก่ผู้ให้ของขวัญต่างหาก
“อยู่บนห้อง อยากได้ก็ตามไปเอา” เขาว่าอย่างไม่หยี่ระ พร้อมตักกินเค้กแบบหิวหนักหนา...คนเงียบขรึมแบบเขา
สังเกตความสั่นระริกของเด็กข้างๆด้วยหางตา...
“มันจะเกินไปแล้วนะ ชวนหลานขึ้นห้องเลยเหรอ?” ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยแซวแบบไม่จริงจัง
“ทำไมล่ะ ห้องผมไม่มีอะไรนะ...” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ก่อนลุกขึ้นเต็มความสูง...พร้อมโยนสูทตัวใหญ่ไปยังคนตัวเล็ก
เหมือนเชิญชวนให้ตามไปแบบไม่สนความสมัครใจ
เด็กสาวเปียโนหันไปขอความเห็นจากบิดามารดาเลิ่กลั่ก... ซึ่งท่านก็พยักหน้าให้เชิงอนุญาต ไม่มีใครคาดคิดว่าบุคคลที่ไม่เคยสุงสิงกับหลานสาวอย่างเขา จะเรียกให้หลานไปเอาของขวัญบนห้องอย่างง่ายดายแบบนี้
กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายเขา...ที่ติดอยู่บนเสื้อสูท ทำเอาคนที่ถือมันตามเข้าขึ้นไปห่างๆ...แอบสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด
ความเป็นเขาที่อยู่ห่างไกลมาเสมอ...อยู่ใกล้เธอแค่นี้เองหรอกหรือนี่ เด็กสาวคิดอย่างเป็นสุขใจ แม้เขาจะไม่เคยมองหันมาทางเธอเลย...
เพราะเธอตกอยู่ในสถานะหลานสาว แต่ความเพ้อฝันเล็กๆในวัยสาว ก็ไม่มีอะไรจะสุขยิ่งไปกว่า...การได้ปลื้มใครสักคน
“อยากได้ของขวัญขนาดนั้นเลย” แผ่นหลังกว้างที่ยืนสง่าอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางห้องหนุ่มโสดที่เธอเดินตามติดขึ้นมาแบบไม่เกรงกลัวนี้
เอ่ยคำถามชวนใจหายให้กับเธอเสียได้
“ค่ะ” เสียงเล็กๆตอบรับไม่เต็มเสียง สร้างรอยยิ้มหยักมุมปากให้กับเสือยิ้มยาก...ที่อยากหยอกเด็กเล่น
“ทำไม เพราะอะไร” ใบหน้าเรียบเฉยเผยแววตาประกายเพียงนิด เมื่อหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ยืนก้มหน้างุดแบบมีพิรุธนั่น
“เปียอยากได้ของขวัญจากคนในครอบครัวครบทุกคนค่ะ ขนาดอาชินท์ยังส่งของขวัญจากอเมริกามาให้เปียเลยนะคะ”
เด็กหญิงชี้แจงแบบไม่ยอมสบตา หนุ่มใหญ่วัย 35 อย่างเขา...ยิ้มเยือนกว้างมากขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมาสบกับรอยยิ้มนั้นเข้าพอดี
ภาพหาชมยากนี้...ทำเอาแรงทรงตัวทั้งหมดของเธอแทบจะสลายลงตรงหน้าเขา
“เห็นอาเป็นคนในครอบครัวอยู่หรอกเหรอ” คำถามทุ้มอบอุ่น...เอ่ยขณะที่เข้ามายืนชิดใกล้
ความต้องการอยากจะแกล้งเด็กน้อยผู้แอบลอบมองเขามาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำเอาเขานึกสนุกขึ้นในวันนี้
“ชะ...ใช่สิคะ ทำไมอาเตถามเปียแบบนั้นละคะ” คนหายใจติดขัดเพราะถูกโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังเจอคำถามที่ไม่เข้าใจอีก
ความสวยผุดผ่องที่เริ่มประปรายขึ้น...ทำเอาคนที่ชอบกินเด็กแบบเขา อดที่จะเพ่งพิศอย่างละเอียดไม่ได้
“ก็อาไม่เคยเห็นเปียเป็นหลานเลยน่ะสิ” คนขี้แกล้งหยั่งเชิงคนแอบสั่น...อย่างมีชั้นเชิงกว่า
“อาเห็นเปียเป็นคนอื่นมาตลอดเลยเหรอคะ?” แววตากลมโตฉายแววเศร้า...น้ำตารื้นสั่นระริกขึ้นมาแบบไม่อาจหักห้ามความน้อยใจ
“เปียอยากให้อา...เห็นเปียเป็นหลานจริงๆน่ะเหรอ?” เด็กน้อยก้มหน้างุดอีกครั้ง เมื่อกลัวว่าจะถูกจับได้...กลิ่นจากกายเขา
พร้อมความใกล้ชิดจากน้ำเสียงนุ่มหู...มันทำเอาเธอไม่อาจที่จะเผชิญกับอะไรทั้งนั้นในตอนนี้
“ถ้าอาเตไม่มีของขวัญให้เปีย เพียงเพราะอาเตเห็นว่าเปียไม่ใช่ครอบครัวของอา เปียไม่เอาของขวัญจากอาเตก็ได้ค่ะ”
ใบหน้างุดถูกเชยขึ้นมาสบกับแววตาคมกริบ...ที่เรียบเฉย หากแต่ฉายแววระยับเพียงนิด ด้วยกิริยาว่าง่าย
“ขี้แยจริงๆนะเราน่ะ...อายกสูทตัวนี้ให้ ถือว่าเป็นของขวัญนะ” คางที่ถูกเชย...ตาโตขึ้นอย่างประหลาดใจ
“สูทตัวนี้น่ะเหรอคะ?” ริมฝีปากมันวาวอมชมพูเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมขบคิด
“อื้อ...อาเห็นว่าเปียชอบ เห็นดมอยู่หลายที...อายกให้ก็แล้วกันนะ” เขาว่าพร้อมหยิบสูทในมือของเธอ มาสวมทับร่างเล็กให้จนมันปิดตัวเธอแทบจะมิด
กลิ่นกายเขาที่อวลอยู่ในเสื้อ...มีมวลความอบอุ่นที่ยังไม่หายไปซ่อนอยู่ เด็กสาวตัวแข็งทื่อกับความรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดจากคนตรงหน้านี้...
ขนตางอนเป็นแพขยับขึ้นลงแบบไม่เข้าใจ ก่อนตัดสินใจนำพาตัวเองวิ่งออกจากห้องของเขากลับไปยังห้องตัวเอง ที่อยู่ถัดไปแบบรีบร้อน
ของขวัญวันเกิดวันครบรอบ 18 ปีของเธอ...ช่างแปลกประหลาดดีแท้ เปียโนนอนอมยิ้มกอดสูทอบอุ่นนั้นแทบจะทั้งคืน
ปีที่แล้วเขาให้ปากกาที่เขาใช้...เธอเก็บใส่กล่องไว้ในลิ้นชักอย่างดี ส่วนปีก่อนนั้นที่เธอมาที่นี่ครั้งแรก เขาไม่ได้ให้อะไร...
เธอรู้ว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเขาไม่อาจเป็นไปได้...ไม่ใช่เพียงแค่เธอคือหลานของเขา
หากแต่...เด็กน้อยอย่างเธอคงไม่ได้รับการมองมา จากหนุ่มใหญ่ทรงเสน่ห์แบบเขาได้ง่ายๆ
เด็กน้อย...หลับไปในอ้อมกอดของสูทหนา เธอจะไม่ยอมซักมันหรอก...เธอจะสูดกลิ่นนี้จนหลับไปทุกคืนให้ได้