ตอนที่ 7 คนแรก 4
คนที่มองตามการกระทำของเขาถึงกับตะลึง ทำไมมันไม่หดลงเลยสักนิด
“คุณจะทำอะไรคะ”
“ผมจะเอาคุณยันเช้า” ใบหน้าเขาวางเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับความตื่นกลัวของเธอ
“มะ ไม่นะคุณ” แค่นี้เขายังไม่พอใจอีกหรือไง
“คุณคิดว่าผมจ้างคุณมาเป็นแสน ๆ แล้วผมจะมีอะไรกับคุณแค่ครั้งเดียวอย่างนั้นหรือ” เขาไม่ใช่คนโง่ และไม่ได้บ้าพอที่จะทำอย่างนั้น
“ก็เปล่าค่ะ แต่คุณจะไม่ให้ฉันพักเลยเหรอคะ” เห็นคอนดอมที่กระจัดกระจายอยู่บนเตียงเธอก็ไม่ได้คิดอยู่แล้วว่าเขาจะทำกับเธอแค่ครั้งเดียว
“ให้ผมเหนื่อยแล้วคุณค่อยพัก” ซึ่งไม่รู้ว่าตอนไหน ตัวเขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
สิ้นคำเขาไม่ปล่อยให้เธอได้ห้ามอะไรเขาอีก นอกจากเสียงครางที่เสียวแบบทรมานอย่างเดียว คนตัวเล็กก็ต้องตามใจเขาอยู่วันยังค่ำ
สามเดือนต่อมาเจ้าของร่างเล็กเดินลงมาจากบ้านไม้สองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ สายตามองหญิงต่างวัยสามคนที่นั่งอยู่โซฟาไม้ด้านล่าง
“อุ้มจะไปไหนเหรอลูก” คุณย่าวัยหกสิบสองปีเอ่ยถามหลานสาวคนโตของบ้าน
“ไปปริ้นเอกสารเตรียมสมัครงานค่ะคุณย่า” หลานสาวบอก เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีจึงต้องรีบหางานเพื่อมาแบ่งเบาภาระทางบ้าน ที่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์เธอจึงไม่สามารถพิมพ์ประวัติของเธอได้ โทรศัพท์มือถือที่มีก็เก่าแสนเก่า อชิรญาจึงต้องไปทำที่ร้านอินเทอร์เน็ตในตัวเมือง
อรวีผู้เป็นน้องสาวได้ยินเข้าก็เบะปากมองบนแล้วมองหน้ามารดา หมั่นไส้ในความกระตือรือร้นหางานของพี่สาว
“ไปกับใครล่ะ”
“ไปกับหัตค่ะ” หญิงสาวกำลังจะเดินออกไปน้องสาวก็เอ่ยขึ้น
“คุณแม่ขาหนูอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ค่ะ ออกมารอบนี้สวยมากเลยนะคะ” ลูบแขนผู้เป็นมารดาอย่างออเซาะแล้วเหลือบมองหน้าพี่สาวที่ขาวและสวยกว่า แถมรูปหน้ายังเรียวมนต่างจากน้องสาวอย่างเห็นได้ชัด คนน้องนั้นถึงจะสวยแต่ก็ยังไม่เท่าคนพี่ และผิวอรวีก็เข้มกว่าพี่มาก ทั้งบ้านอชิรญาผิวขาวออร่าอยู่คนเดียว
“ใบเท่าไหร่ล่ะ” ผกาถามลูกสาวเสียงเรียบ
“ห้าหมื่นค่ะ”
“ห้าหมื่น?” ผู้เป็นแม่ทำตาโต
“ค่ะ”
“ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้แก แค่ส่งแกกับยายอุ้มเรียนมันก็มากพออยู่แล้ว” ผกาพูดขึ้นเสียงดัง ครั้งนี้เธอคงตามใจลูกสาวคนเล็กไม่ได้จริง ๆ เงินทุกคนรวมกันทั้งบ้านยังมีไม่ถึงหมื่นแล้วจะเอาเงินมาจากไหนมาให้ อีกทั้งเงินที่ยืมคนอื่นมาก็ยังคืนเขาไม่หมด
“อย่ามาเหมารวมยายอุ้ม เงินค่าเทอมอุ้มฉันเป็นคนส่งเสียเองทั้งหมด แกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย” ดรุณีว่าให้ลูกสะใภ้ที่พูดถึงหลานคนโตที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเยาว์
“คุณแม่ก็” ผกาทำหน้างอเมื่อโดนแม่สามีตำหนิ
“แล้วช่วยบอกยายอรด้วยว่าช่วยใช้เงินให้มันประหยัดกว่านี้หน่อย อย่าใช้เงินเกินตัวให้มันมาก รู้ว่าฐานะที่บ้านไม่ค่อยดีก็รู้จักใช้กระป๋าใบละสองสามร้อยบ้าง ที่ซื้อมาก็เห็นใช้แค่ครั้งเดียว บ้านที่ซุกหัวนอนกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเงินอุ้มหามาช่วยไว้ทั้งนั้น”
ดรุณีต่อว่าลูกสะใภ้อีกยาว หลานสาวคนเล็กเพิ่งจะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่สองแต่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ผู้เป็นพ่อหาให้แทบไม่ทัน มารดาก็ชอบให้ท้ายจนต้องไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นตลอด เมื่อไม่กี่เดือนมานี้พวกแก๊งทวงหนี้นอกระบบก็เพิ่งมาขู่ฆ่าอธิปกับผกา เดือดร้อนกันจนต้องลำบากให้หลานสาวคนโตต้องไปหยิบยืมเพื่อนมาเพราะลำพังลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอคงไปยืมเงินใครไม่ได้อีกแล้ว
“คุณย่าก็ว่าอรตลอดแหละไม่เคยเห็นอรเป็นหลานหรอก ทีพี่อุ้มคุณย่าไม่เห็นจะดุด่าแม้แต่ครั้งเดียว” คนถูกกล่าวถึงได้แต่ยืนทำหน้าเอือมระอา ทุกครั้งที่อรวีโดนคุณย่าว่าให้ เธอมักจะดึงอชิรญาเข้าไปเอี่ยวด้วยทุกที ตั้งแต่จำความได้อชิรญาก็รับรู้ได้ว่าตัวเองสนิทกับย่ามากกว่าแม่และน้องสาวของตัวเองเสียอีก
“หึ แล้วอุ้มทำอะไรให้ย่าด่าล่ะ แกมันถูกเลี้ยงมาแบบตามใจจนเคยตัว ยากที่จะกู่กลับแล้ว” อรวีใช้เงินเกินตัวจนเกินจะเยียวยาแม้แต่ดรุณีกล่าวตักเตือนก็ยังโดนหลานสาวคนเล็กสวนกลับเธอจึงไม่อยากจะว่ากล่าวสั่งสอนอะไรอีก พูดไปก็โดนถอนหงอกเปล่า ๆ
“ไปกันเถอะอุ้มย่าจะไปบ้านเพื่อนด้วยเดี๋ยวเราออกไปพร้อมกัน อุ้มไปรอหัตที่ร้านค้าบ้านเพื่อนย่าก็ได้”
“ค่ะคุณย่า” อชิรญาชินเสียแล้วกับการโดนเหน็บและเปรียบเปรย แต่เธอก็หาได้ใส่ใจไม่
“คุณย่า!” อรวีลุกขึ้นยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ ไม่พอใจที่ดรุณีรักหลานไม่เท่ากัน
“คุณแม่ดูคุณย่าสิคะ”
“เออแม่เห็นแล้ว อย่าไปสนใจเลย” ถึงอย่างไรผกาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแม่สามีให้มารักลูกสาวของตนได้มากกว่าอชิรญาอยู่แล้ว
“…”
“อยากได้กระเป๋าแพง ๆ แกก็หาผู้ชายรวย ๆ สักคนซื้อให้สิ จะได้ไม่ต้องมาขอแม่” ผกาแนะลูกสาวเสียงอ่อนลง เพราะก่อนหน้าลูกสาวของเธอก็เคยใช้วิธีนี้เมื่อครั้งที่อยากได้รองเท้าส้นสูงที่ราคาแพง ๆ ซึ่งเธอก็ไม่ขัดกลับเห็นดีเห็นงามไปกับลูกด้วยซ้ำ เพราะลำพังเงินรับจ้างกรีดยางจากเธอและสามีคงไม่มีปัญญาไปซื้อของแพง ๆ ให้ลูกขนาดนั้น
นัยน์ตาอรวีเป็นประกายวาววับ รู้สึกเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ขอบคุณนะคะแม่ที่ช่วยแนะนำ อรไปเรียนก่อนนะคะ”
ว่าจบก็รีบวิ่งออกไปทันที ความจริงอรวีอยู่หอพัก แต่เธอจะกลับบ้านทุกอาทิตย์เช้าวันจันทร์ค่อยนั่งรถตู้เข้าเมืองเพื่อไปเรียนหนังสือ
อชิรญานั่งอยู่ในร้านขายของชำร้านเพื่อนของย่าสักพักรถยนต์คันสีบรอนซ์เทาก็เลี้ยวเข้ามาจอด
“หัตมาแล้วค่ะคุณย่า อุ้มไปก่อนนะคะ”
“ฝากขอบใจหัตด้วยนะ ย่าจะช่วยหาเงินไปคืนหัตอีกทาง”
“อย่าลำบากเลยค่ะคุณย่า ให้อุ้มตอบแทนบุญคุณคุณย่าบ้างเถอะค่ะ”
“เด็กดีของย่า” มือเหี่ยวย่นกุมมือหลานสาวสุดที่รักแล้วบีบเบา ๆ
“หางานให้ได้เร็ว ๆ นะจ๊ะ”
“ค่ะ”
ว่าจบร่างเล็กก็เปิดประตูรถออกแล้วสอดกายเข้าไปนั่งในหน้ารถที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เราไปร้านแถวไหนดี” หัตถาเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
“แถวมอดีกว่า”
ตกลงกันได้หัตถาก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยที่ทั้งสองเพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ