ตอนที่8
ยี่สิบนาที...
ฉันแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย เดินไปหยิบชุดออกมาจากตู้ แล้วหันไปหาไอ้เอ็มที่ยังนอนที่เดิม
“ออกไปดิ๊ คนจะเปลี่ยนชุด”
“เปลี่ยนไปดิ กูไม่ถือ”
“ถือพ่องมึงดิ”
ฉันด่ามันเสร็จ ก็เป็นฝ่ายเดินออกมาจากห้องเอง ตรงไปห้องน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ พอเปิดประตูออกมาเท่านั้นแหละ
“เชี้ย!!” ฉันอุทานเสียงหลง เพราะคนตัวสูงยืนอยู่หน้าประตูโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง แถมเขายังมองฉันหัวจรดเท้า
“มองอะไร?”
“จะไปทำงานหรือไง”
“งานอะไร?”
“ไม่ใช่ไปขายตัวเหรอ เห็นแต่งตัวสะขนาดนี้” ไอ้คนหล่อพูดจบก็เดินหน้าตีมึนออกไป ส่วนฉันก็ต้องก้มมองชุดตัวเอง ก็แค่ใส่เสื้อกล้ามสีดำ คอกว้างโชว์ร่องอกกับกางเกงยีนส์ขายาวรัดรูปก็เท่านั้นเอง มันดูเหมือนคนทำงานขายบริการขนาดนั้นเชียว?
ใครๆก็แต่งแบบนี้ทั้งนั้นแหละ! ปากปีจอขนาดนี้น่าจะแดกกระดูกมากกว่าข้าวนะ ไม่พาไปก็ดีหรอก...
ทั้งสี่คนกำลังรออยู่หน้าบ้าน ส่วนฉันเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบเสื้อคลุมแขนยาวมาใส่ทับ ไม่ใช่ว่าอายที่ไอ้พี่เอกทัก ก็แค่หนาว...เข้าใจใช่ไหมว่าหนาวเฉยๆเลยเอาเสื้อไปด้วย
“อีพิมช้าจังวะ” ไอ้เอ็มยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างรถฝั่งคนขับ หน้าบอกบุญไม่รับ เพราะฉันแต่งตัวแต่งหน้านานจริงๆนั่นแหละ
“เสือก! ถอยไปค่า” ฉันแทรกตัวผลักไอ้เอ็มออกจากประตูหน้ารถ
“เอากุญแจรถมากูขับเอง”
“โนเวย์! นี่ซินดี้ลูกสาวฉันค่า ฉันไม่มีทางให้ใครแตะเธอ” ใช่! ลูกสาวสุดหวงที่ฉันไม่เคยให้ใครขับมาก่อน คันนี้ผ่อนเองจ่ายเองเรื่องอะไรให้มือชายมาแตะลูกสาวฉันล่ะ ว่าแล้วก็รีบเข้าไปในรถ พึ่บพั่บ! แต่ละคนก็รีบขึ้นตามมา คงกลัวไม่ได้ไปมั้ง หรือไม่ก็หิวจัด
และคนที่นั่งข้างคนขับก็คือพี่เอก ฉันหันมองเขาที่กำลังคาดเบลท์ แล้วหันไปมองด้านหลังที่กำลังนั่งอัดเป็นปลากระป๋อง ไอ้เอ็มมันนั่งตรงกลางซะด้วย มีชะนีขนาบข้าง คงพอใจเขาแหละ...
“อีพิมใส่เสื้อคลุมทำไม? หนาวมากขนาดนั้นเชียว” จะเป็นเสียงใครถ้าไม่ใช่ไอ้เอ็มตัวเผือก ในวินาทีนั้นฉันเหลือบมองเสี้ยวหน้าคนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “เออ!”
แล้วก็เปิดเพลงเสียงดังลั่นรถ เพลงที่เปิดก็เป็นแนวร็อคที่ฉันชอบมีทั้งของไทยและฝรั่ง และคนที่ดูเหมือนจะถูกใจด้วยก็คือไอ้เอ็ม ส่วนอีกสามคนที่เหลือทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ แต่ใครจะสน! นี่มันรถฉันจ้า จะเปิดเพลงจะทำอะไรก็ได้ ลองพูดอะไรขัดหูสิ รับรองได้เดินกลับบ้านแน่ อย่าหาว่าแม่ไม่เตือน!
ไอ้เอ็มนั่งฮัมเพลงบ้าง ร้องตามบ้าง ยิ่งเพลงไหนถูกใจก็พากันแหกปากดังลั่นรถ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย มีบางจังหวะที่ฉันมองคนด้านหลังผ่านทางกระจก แฟนไอ้เอ็มนั่งกอดอกเบ้ปากใส่ฉันค่า คงไม่พอใจที่ไอ้เอ็มโน้มตัวมาข้างหน้าแทรกช่วงว่างกลางเบาะ เอาแต่ร้องเพลงโดยไม่สนใจเจ้าตัว สมน้ำหน้า!
ร้านน้ำชา...
ฉันขับลูกรักมาจอดข้างถนนตรงหน้าร้าน ฟ้ายังไม่มืด ลูกค้าเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่ พื้นที่ด้านในโดยรอบจัดโล่งกลางแจ้ง มีโต๊ะกลมเล็กๆนับด้วยตาเปล่าก็น่าจะเกือบยี่สิบโต๊ะได้มั้ง ฉันลงจากรถกำลังเดินนำพวกเขาเข้ามา ในตอนนั้นไอ้เอ็มก็รีบก้าวมากอดคอด้านหลัง
“เฮ้ย!! ไหนว่าพาไปกินข้าว มาร้านเล็กๆทำไมวะ?”
“ที่นี่คงมีข้าวให้กินด้วยมั้ง”
“มั้ง?”
ไอ้ที่ฉันใช่คำว่า ‘มั้ง’ ก็เพราะไม่เคยมากินล่ะสิ แต่ที่เลือกพามาที่นี่ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่านักศึกษาชอบมากิน ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีดีอะไร?
การสนทนาถูกขัดจังหวะจากเสียงแหลมจากด้านหลัง “พี่เอ็มช่วยประคองต่ายหน่อยสิ หินแบบนี้ต่ายเดินยาก”
จะเป็นใครล่ะ? ก็ยัยคุณแฟนของไอ้เอ็มนั่นแหละ หล่อนเข้ามาดึงมือไอ้เอ็มออกจากคอฉัน แล้วควงแนบชิดเอานมสองเต้าเบียดเสียดสีไปมากับแขนกำยำ พลางทำหน้าออดอ้อน จนไอ้เอ็มหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ฉัน ที่หล่อนบอกว่าเดินยากก็สมควรอยู่หรอก เพราะคุณเธอดันใส่รองเท้าส้นแหลมมาเดินบนหินเกล็ดที่ทางร้านโรยไว้เต็มพื้น เพื่อให้ลูกค้าเดินได้ถนัด ก็มีส่วนน้อยแหละที่จะเดินลำบากเหมือนหล่อน
ฉันเดินนำเข้ามาเลือกนั่งโต๊ะกลมใหญ่ที่นั่งกันได้ห้าคน ส่วนชะนีอีกสองตัวต่างรุดมาอย่างไว เลือกนั่งข้างๆประกบฉันไว้ ไม่ปล่อยให้ไอ้เอ็มกับพี่เอกมานั่งติดกับฉัน เข้าใจอยู่นะ...ว่าคนมันสวย นังพวกนี้คงหึง
“ที่นี่มีอะไรอร่อยวะอีพิม”
“กูจะรู้ไหมล่ะ? ดูเมนูสิ”
“อ้าว ก็มึงพามา กูก็คิดว่ามาบ่อย”
“รู้ไว้ด้วยว่าครั้งแรกค่า”
เด็กเสิร์ฟเอาเมนูมาให้ มีทั้งรายการอาหารจานเดียว เป็นกับข้าว รวมไปถึงโรตีแบบต่างๆให้เลือกมากมาย และชาชักน้ำยอดฮิตที่ขาดไม่ได้
“พี่เอกชอบโรตีกล้วยหอมไม่ใช่เหรอ งั้นเอ็มสั่งให้เลยนะ” ไอ้เอ็มหันไปเอ่ยกับพี่เอก มันก็พูดเพราะเป็นเหมือนกัน และในจังหวะนั้นพี่เอกหันมาสบตากับฉันพอดี
“วันนี้ไม่อยากกิน รู้สึกแหยงๆมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“แค่กๆๆ” ฉันถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ก็ถ้าพูดเรื่องแหยงๆเมื่อคืน นั่นก็หมายถึงเรื่องที่ฉันอ้วกใส่เขาไป อย่าว่าแต่เขาเลย ฉันเองยังรู้สึกแหยงๆโรตีเหมือนกัน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
ทั้งอาหารทั้งขนมเสิร์ฟมาเต็มโต๊ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ไอ้เอ็มสั่งนั่นแหละ ส่วนฉันสั่งแค่ชาเย็นกับซาลาเปาหมูแดงทอดเท่านั้น เย็นแล้วไม่อยากกินเยอะ เดี๋ยวไม่ย่อย
ตอนนี้ปาไปเกือบสามทุ่ม ลูกค้าในร้านนั่งเต็มทุกโต๊ะ ฉันกวาดสายตามองรอบๆ อื้ม~วัยรุ่นเต็มร้าน ส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้ชายวัยนักศึกษาทั้งนั้น แถมหน้าตาดี ขาวตี๋ซะด้วย เลือกไม่ถูกหรอกว่าคนไหนคือสเปค เอาเป็นว่ามัดรวมมาเลยได้ไหม? เห็นแล้วเจริญตาเจริญใจ...นี่ถ้ายัยมะนาวมาด้วยรับรองมันวิ่งตามไล่ขอเบอร์ทีละโต๊ะแน่ๆ รู้งี้นัดมันมาก็ดีหรอก
และตรงมุมด้านหน้ามีเวทีเล็กๆ ที่นักร้องผู้ชายกำลังดีดกีต้าร์ร้องเพลงสดอยู่ ดนตรีคลอเบาๆ บวกกับได้นั่งดูอาหารตาไปด้วย อื้ม~รสชาติอาหารดีขึ้นเยอะ
“อ่า~คืนนี้ร้อนจังเลยเนอะ” ฉันแกล้งเอามือพัดหน้าตัวเอง แล้วถอดเสื้อคลุมออก โชว์เสื้อกล้ามที่ใส่มา ยั่วๆเผื่อมีใครมาติดเหยื่อ
“พี่พะพิมเซ็กซี่ไปเลยค่ะ” ต่ายเอ่ย ฉันหันไปส่งยิ้มให้เธอตามมารยาท
และในวินาทีนั้นเด็กเสิร์ฟคนเดิมถือน้ำส้มมาวางไว้ตรงหน้าฉัน พร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่เขียนเบอร์โทรไว้ ฉันแหงนมองเด็กเสิร์ฟที่กำลังส่งยิ้มแก้มปริให้
“อะไร? ฉันไม่ได้สั่งน้ำส้ม”
“โต๊ะโน้นฝากมาให้ครับ” เขาเอ่ยตอบพร้อมกับผายมือไปด้านหลัง ฉันหันกลับไปมอง เป็นกลุ่มผู้ชายวัยทำงานแต่งตัวภูมิฐานนั่งกันอยู่สามคน และมีคนหนึ่งที่ยกแก้วน้ำชูขึ้นราวกับขอชนแก้วกับฉัน
“แหม๋~พี่พะพิมมีเสน่ห์กับวัยผู้ใหญ่นะคะ เอาน้ำส้มมาให้กินด้วย”
คำแซวเหมือนจะดีนะ ถ้าฉันไม่หันไปเห็นสีหน้ายัยหงส์ที่กำลังเบ้ปากให้
“กินแทนหน่อยสิ ฉันไม่ชอบน้ำส้ม” เอ่ยพร้อมกับเลื่อนแก้วไปให้หล่อน
ฉันไม่ชอบผู้ชายทรงแบบนั้นสักเท่าไหร่ ของฉันต้องขาว หล่อ หุ่นดี คิ้วหนา ปากเป็นกระจับ โดยเฉพาะขนตางอน...ไปๆมาๆ สายตาฉันก็กำลังจับจ้องพี่เอกอยู่ และในจังหวะนั้นพี่เอกก็หันมาสบตากับฉันเข้าพอดี ‘เชี้ย!!’ ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบหันหลบเขาโดยอัตโนมัติ ‘จะหลบทำไมวะ? ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย’
“พี่พะพิมกินเองดิ ไม่รู้ในน้ำส้มใส่ยาอะไรไว้หรือเปล่า” ยัยหงส์เลื่อนแก้วน้ำส้มกลับมา
“งั้นเธอกินสิน้องต่าย” ฉันเลื่อนต่อมาให้น้องต่ายที่นั่งติดกันอีกฝั่ง
“ไม่เอาหรอกค่ะ ต่ายไม่ชอบน้ำส้ม” คุณเธอก็เลื่อนกลับมาให้ฉันอีก และในตอนนั้นไอ้เอ็มก็ลุกเอื้อมมือมาคว้าน้ำส้มแก้วนั่นไป
“กูกินเอง!!” เจ้าตัวไม่ได้พูดเล่น แต่กลับดูดจริงๆค่ะ ดูดหลายอึกด้วย ทำเอากลุ่มผู้ชายเจ้าของน้ำส้มหน้าเหวอกันไปเลย มันดูดจนเกือบหมดแล้ว พอใจก็วางแก้วกระแทกใส่โต๊ะ หันไปชูนิ้วกลางให้กับกลุ่มพวกนั้น ซวยแล้วไง!! ไอ้เอ็มดันไปหาเรื่อง และดูเหมือนกลุ่มนั้นจะไม่พอใจด้วย กำลังลุกมาทางนี้ พระเจ้า!! ต้องมีเรื่องกันแน่ๆ
“น้อง!! เช็คบิลเลย!!” เสียงสูงเอ่ยขึ้นราวกับโมโห ฉันหันไปมองคนหล่อที่กำลังขึงตาใส่ฉันราวกับเป็นคนผิด ‘อะไร! ฉันไม่ใช่คนก่อเรื่อง น้องชายเขาต่างหาก’
เด็กเสิร์ฟยังไม่ทันเอ่ยอะไร ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง “มึงน่ะ!! ชูนิ้วกลางด่าพวกกูใช่ไหม!!”
