บท
ตั้งค่า

ตอนที่7

“หน้าดำทำไมอีพิม”

ขวับ!! ฉันหันไปหาไอ้เอ็ม “ดำพ่องมึงค่ะ”

“คำก็พ่อ สองคำก็พ่อ อย่าให้มีวันไหนนะ พ่อกูกลายเป็นพ่อมึงก็แล้วกัน”

“พูดไรวะ? แดกปลาเถอะค่ะ จะได้ฉลาด”

โอเคการโต้เถียงพอหอมปากหอมคอก็จบลง ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างกิน แล้วตอนนั้นฉันก็คิดอะไรบางอย่างออกมา เลยเอ่ยถามไปกลางวง

“เมื่อกี้ก่อนฉันจะเดินออกมามีใครได้ยินเสียงอะไรในห้องน้ำไหม” นี่ถามเรื่องตดแบบอ้อมๆแล้วนะ เกรงใจว่ากินข้าวกันอยู่หรอก

“เสียงอะไรวะ?” ไอ้เอ็มและชะนีอีกสองตัวหันมามองหน้าฉัน ต่างพากันเลิกคิ้วสูงฉายแววสงสัย ส่วนคนหล่อกับนั่งกินปกติ ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ นั่นเป็นคำตอบให้ฉันแล้วว่า ไอ้คนที่ได้ยินเสียงตดป๊าดใหญ่ก็คือไอ้พี่เอก

‘โอ๊ย!! อยากจะบ้าตาย เอาหน้ามุดไปไหนได้มั้งเนี่ย?’ ฉันปิดตาปี๋ ขบริมฝีปากล่างแน่น ทำไมเขาต้องมาเห็นเรื่องน่าทุเรศๆของฉันด้วย ให้ตายเหอะ!!

“มีอะไรอีพิม ทำหน้าอย่างกับปวดขี้” ไอ้เอ็มถาม ฉันลืมตาจ้องมันเขม็ง

“แดกไป ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

พวกเรานั่งกินกันต่อเงียบๆ จนกับข้าวหมดเกลี้ยง เหลือไว้ก็แค่ผัก ฉันเป็นคนเก็บจานมาล้าง ส่วนอีกสี่คนทำตัวสบายอย่างเจ้านาย กินเสร็จก็ลุกไปเล่นมือถือต่อ ลองฉันทิ้งจานไว้สิ...รับรองยายกลับมาต้องบ่นไม่หยุดไปทั้งชาติ

คนสวยยืนฮัมเพลงในขณะที่ล้างจานอยู่หน้าซิงค์ ตอนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาในครัว ฉันหันกลับไปดูว่าเป็นใคร ที่แท้ก็ยัยเป็ดน้ำ ก็อีผู้หญิงที่ชื่อหงส์นั่นแหละ จะว่าไปพึ่งเห็นรูปร่างเต็มตัวหล่อนครั้งแรก รวมๆก็ดูจะเตี้ยกว่าฉัน นมเล็กกว่า ตัวผอมแห้ง...จะบอกว่าเป็นไม้เสียบผีก็ได้ โดยเฉพาะตอนปล่อยผมยาวๆ หน้าซีดๆนั่น อื้ม~ถ้าใส่ชุดสีเขียว ฉันคงคิดว่าเป็นผีตานี อร๊าย!! หล่อนก็ไม่ได้สวยเท่าไหร่หรอก ฉันสวยกว่าเยอะ

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะพี่พะพิม”

อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ได้นิสัยแย่ไปซะทีเดียว มีเดินมาถามหางานด้วย

“มาล้าง...”

“ไม่มีสินะ งั้นหงส์กลับไปนั่งหน้าบ้านนะคะ”

อีนี่มันกวนตีน ฉันยังพูดไม่จบ มันตัดจบสรุปซะเอง ขณะที่มันเดินไปสองก้าว คนตัวสูงก็เดินเข้ามาในครัวพอดี

“อ้าวพี่เอก ไปนั่งรอข้างนอกกันดีกว่าค่ะ หงส์ถามพี่พะพิมแล้ว เธอดุใส่บอกว่าไม่มีอะไรให้ช่วย”

หนอย!! ดูมันฟ้องดิ ฉันยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ แบบนี้น่าเอาสก๊อตไบร์ทขัดปากซะจริงๆ เอาล่ะๆ ฉันพอจะเข้าใจอารมณ์นางเอกโดนนางอิจฉาว่าร้ายแล้วมันรู้สึกยังไง? ก็คงโมโหจนควันออกหูเหมือนฉันนี่แหละ แล้วดูสายตาคนหล่อสิ เหลือบมามองฉัน คงเชื่อคำพูดหล่อนสินะ เออ! อยากโง่ก็ตามใจ ฉันไม่อธิบายหรอก

“ซี๊ดส์!! เจ็บตาจัง~พี่เอกดูให้หน่อยสิคะ ลมพัดฝุ่นเข้าตาหงส์” คุณเธอยื่นหน้าเข้าไปหาคนหล่อ แม่งเอ้ย!! มีลมพัดสะที่ไหน ร้อนตับจะแตกอยู่เนี่ย!

“ไหนๆพี่ดูให้”

“ตรงนี้ค่ะ แสบไปหมดแล้ว พี่เอกเอาออกให้หน่อยค่ะ โอ๊ยๆ”

ไอ้ที่แสบน่าจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตามากกว่า ชิ๊! แล้วพวกมันจะมาจู๋จี๋ตรงนี้กันทำไม ขัดตาชะมัดคนจะล้างจาน

“ไม่เห็นมีอะไรนะหงส์”

“มีสิค่ะ พี่เอกก้มมาดูใกล้ๆสิ”

นั่นๆ ไอ้หล่อหลงเชื่อก้มลงไปซะใกล้ด้วยนะ ฉันหันกลับมาหยิบถ้วยใกล้มือรองน้ำจากก๊อกให้เต็ม แล้วเดินไปทางพวกเขา

“น้องหงส์มาสิ เดี๋ยวพี่เอาออกให้”

ว่าแล้วก็เอาน้ำในถ้วยสาดเข้าไปเต็มหน้าหล่อนอย่างจัง “กรี๊ดดดด พี่พะพิมทำอะไรเนี่ย” คนตัวเล็กดิ้นพล่านเหมือนหนอน เป็นภาพที่ดูแล้วน่าพอใจ

“อ้าวก็เห็นฝุ่นไม่ออกสักที พี่เลยช่วย แล้วเป็นไง ฝุ่นออกยัง? หรือต้องโดนน้ำสาดอีกสักรอบ จะได้หาย...” ฉันมองหล่อนหัวจรดเท้า ก่อนจะเอ่ยต่อ “คัน!” ไอ้คำสุดท้ายฉันเน้นเสียงด่ากระแทก

“....” หล่อนไม่ตอบ แต่กลับมองฉันด้วยสายตาค้อน นี่ยังดีนะที่เป็นน้ำเปล่า ถ้าเป็นน้ำร้อนละ! มึงดิ้นเป็นเจ้าเข้าแน่

คุณเธอเชิ่ดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าออกไป ส่วนฉันยืนหัวเราะเบาๆด้วยความสะใจ ในเมื่อหล่อนประกาศสงครามกับฉันแล้ว แน่นอนว่าคนอย่างฉันก็ต้องรับคำท้าจริงไหม? และจะไม่หยุดง่ายๆด้วยจนกว่าหล่อนจะกลับกรุงเทพ ฉายาฉันคือหมาพิทบูลจ้า ทั้งดุทั้งกัด และจะไม่ปล่อยเหยื่อจนกว่ามันจะตาย...

“เล่นเป็นเด็กๆ” เสียงบ่นพึมพำทำให้ฉันหันไปมองคนหล่อ ใบหน้าติดหงุดหงิดนั่นกำลังส่ายหัวเอือมระอา คงเจ็บใจมากมั้งที่ฉันแกล้งแฟนเขา

“เด็กแล้วไง? ไปคุมแฟนตัวเองสิ อย่าให้มาหาเรื่องพิมอีก” ไม่รู้ฉันจะหงุดหงิดใส่เขาทำไม เอ่ยจบก็เชิ่ดหน้าใส่พี่เอก

จังหวะนั้นก็เหมือนกรรมตามสนอง ฉันดันก้าวไปเหยียบน้ำที่ตัวเองเป็นคนสาดไว้โดยไม่ระวัง “ว้าย” เท้าลื่นปรื้ด ทรงตัวไม่อยู่กำลังจะล้มไป ทว่า! หมับ!

มือหนาประคองฉันไว้ทัน หัวใจหล่นวูบไปตาตุ่มด้วยความเสียว คิดว่าตัวเองต้องลื่นหัวฟาดพื้นแล้วซะอีก

“เกือบเจ็บตัวแล้วไง!!” เสียงดุๆดังขึ้น เหมือนจะตำหนิ นั่นทำให้ฉันได้สติ ก้มดูตัวเองที่ตอนนี้แขนกำยำข้างหนึ่งช้อนอยู่ใต้ราวนมดันสองเต้าล้นขึ้นมาจนแทบหายใจไม่ออก ส่วนอีกแขนกำลังโอบตรงท้องน้อยพอดิบพอดี ฉันกลายเป็นตัวเล็กไปเลยเมื่ออยู่ใต้วงแขนของชายหนุ่ม เดี๋ยวสิ!! เขาก็แค่ช่วยไม่ให้ล้มไปก็เท่านั้นเอง

และดูเหมือนคนหล่อจะได้สติเหมือนกัน เขาเลยรีบเอาแขนออก แล้วเดินหันหลังจากไป โดยไม่พูดอะไร อ่ะ!! อะไรยังไง ก็แค่เรื่องบังเอิญเปล่าวะ? แล้วทำไมหัวใจฉันถึงเต้นเร็วขนาดนี้ ดูท่าจะบ้าไปแล้ว...

ตอนเย็น

รถกระบะป้าปุ้ยกลับมาจอดที่เดิม ผู้ใหญ่สี่คนที่หายไปทั้งวัน ตอนนี้กำลังเดินเข้าบ้านมาด้วยความเหนื่อย โดยเฉพาะยายที่กำลังหายใจแรง แน่ล่ะ! อายุปาเข้าไปเจ็ดสิบปลายๆ โดนหิ้วตะลอนตากแดดตากลมนอกบ้านตั้งแต่เช้า ไม่เหนื่อยก็ให้มันรู้ไป

“ข้าวเย็นหากินข้างนอกเอานะ พวกแม่กินมาแล้ว” แม่เอ่ยขึ้นในขณะที่พยุงยายกลับมานั่งที่แคร่

“โหแม่~คิดว่าจะซื้ออะไรมาเผื่อสะอีก อุตส่าห์นั่งรอกิน”

“เอาหน่าๆ ไปซื้อกินก็แล้วกัน พาพวกนั้นไปด้วย”

‘พวกนั้น?’ ที่แม่เอ่ยถึงก็ไม่พ้นอีกสี่ชีวิตที่กำลังนั่งมองตาปริบๆ โดยเฉพาะไอ้เอ็มที่นั่งลูบท้องตัวเอง บอกเป็นนัยว่าหิวจนไส้กิ่ว เออ! มันพึ่งกินข้าวเที่ยงพร้อมฉันไม่ใช่เหรอวะ? อะไรจะแสดงว่าหิวเวอร์วังขนาดนั้น และดูเหมือนยายจะตกหลุมพรางเชื่อมันซะด้วย หันมาตำหนิฉันยกใหญ่ที่ไม่ดูแลแขก ไอ้เราก็เลยจำใจต้องพาพวกมันไปหาอะไรกินข้างนอก

“รอแป๊บจะไปแต่งหน้าแต่งตัวก่อน”

หน้าปลิ้นปล้อนหันมาหยักยิ้มมุมปาก มันคงสะใจที่เห็นฉันทำหน้าบึ้ง และตอนนี้ก็หมดอารมณ์เถียงกับมันด้วย เดินหน้าเซ็งๆกลับมาห้องนอนตัวเอง ที่ตอนนี้โดนยึดไปเป็นห้องนอนป้าปุ้ยกับลุงจอม

ในตอนที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก ไอ้เอ็มก็เดินเข้ามาในห้อง ฉันเหลือบมองมันผ่านกระจก แล้วหันมากรีดอายไลเนอร์ต่อ

“แค่ไปกินข้าว ต้องแต่งขนาดนั้นเชียว” คนปลิ้นปล้อนเอ่ยพร้อมกับเดินไปนอนบนเตียง ทำราวกับเป็นเจ้าของห้องอย่างงั้นแหละ

“อืม อย่างฉันเวลาออกจากบ้านต้องสวยเสมอย่ะ ผู้หญิงทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ เมียนายไม่เป็นหรือไง?”

“เมียที่ไหนก็แค่แฟน”

“....”

“ว่าแต่มีแฟนยัง?”

“ทำไม! จะจีบหรือไง”

“แหวะไม่เอาหรอก ทั้งปากหมาปากจัดแบบนี้ไม่เอาทำพันธุ์แน่”

“ชิ๊!! ถามฉันด้วยค่า ฉันก็ไม่เอานาย”

“เอาดีๆ ตกลงมีแฟนยัง”

“เห๊อะ!! สวยขนาดนี้ต้องโสดดิ โสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น”

“กูว่าไม่มีใครเอามากกว่า ปากอย่างกับนรก” มันบ่นอยู่ด้านหลัง แต่ฉันได้ยินเต็มสองหู

“ไอ้เอ็ม!! ถ้ากูปากนรกแล้วมึงอะไร? กูโสดเพราะไม่มีใครคู่ควรกับดอกฟ้าอย่างกูหรอก ผู้ชายมีให้เลือกเยอะแยะ แต่กูไม่เล่นด้วยต่างหาก” ฉันขึงตาใส่มันผ่านกระจก แต่มันไม่ได้ทำหน้าโกรธเหมือนอย่างเคย กลับนอนยิ้มครื้มอกครื้มใจ

“โสดสินะ อีพิมมึงโสด!!” จู่ๆไอ้บ้านี่ก็ตะโกนแหกปากทำอย่างกับล้อเลียน ท่าทางมันเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย...อยู่บ้านมันคงเก็บกดมั้ง ถึงได้มาแหกปากที่นี่ เฮ้อ~

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel