ตอนที่6
ฉันยืนรอคำตอบอยู่หลายนาที จนในที่สุดก็มีคนคิดจะตอบคำถามของฉัน
“ไปบ้านยายแบม” ไอ้เอ็มเป็นคนตอบ โดยไม่หันมามองสักนิด แต่ผู้หญิงที่นอนกอดมัน กลับหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ส่งยิ้มปากกว้างมาให้
“พี่ชื่ออะไรคะ น้องชื่อกระต่ายนะคะ เป็นแฟนพี่เอ็ม” ไม่รู้คุณเธอจะรายงานตัวทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด แต่อย่างว่าแหละไอ้เราเป็นคนสวยมีมารยาท จึงยิ้มตอบ แล้วพยักหน้ารับ “อื้ม เรียกพี่พะพิมก็ได้”
“พิมดำดีกว่า”
“ดำพ่องมึงคะ แหกตาดูด้วยว่ากูขาวแล้ว มึงต่างหากที่ดำไอ้เอ็ม”
ไอ้เสียงแทรกนี่แหละ ทำให้ฉันมีน้ำโห อดไม่ได้ที่จะโต้เถียงกับมันเสียงดัง ส่วนเจ้าตัวทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา คงสนุกมากที่ได้ทำฉันอารมณ์เสีย
“น้องชื่อหงส์...” ผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างพี่เอกเอ่ยเสนอหน้า หล่อนพูดไม่จบ ฉันก็เอ่ยตัดหน้าซะก่อน “มีแต่สัส!!นะคะ...พี่หมายถึงชื่อพวกน้อง”
“พวกเราเป็นเพื่อน...” หล่อนมีหน้าเอ่ยต่อ แต่ฉันทำเป็นไม่ได้ยิน และในตอนนั้นเอง ตึ๋ง! ตึ๋ง! ข้อความไลน์ขอฉันดังรัวๆ ดังซะจนฉันต้องรีบหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน ให้ตาย! จะเป็นของใครล่ะ ก็กลุ่มทีมนัมเบอร์วันนั่นแหละ
ฉันเดินผ่านโซฟาตัวที่พี่เอกตรงไปยังแคร่ “ลุกดิ๊! เจ้าของบ้านจะนั่ง” เอ่ยพร้อมกับผลักร่างเถื่อนๆของมันไปด้วย มันก็ยอมลุกให้อย่างว่าง่าย ไปนั่งพิงกำแพงแทน
“ถามหน่อยดิ เมื่อคืนกรี๊ดขนาดนั้น ยังกลัวแมลงสาบอีกหรือไง” ไอ้เอ็มเป็นคนถาม ฉันแหงนจากหน้าจอมองเสี้ยวหน้าคนหล่อ
จะว่าไปเมื่อคืนมัวแต่ตกใจ ลืมคิดไปเลยว่าไม่ใช่มีแต่ไอ้เอ็มหรอกที่จำได้ว่าฉันกลัวแมลงสาบ คนตัวสูงก็ยังจำได้ด้วย เขาถึงได้บอกแม่ไปแบบนั้น
“แมลงสาบตัวเล็กนิดเดียว กลัวทำไมวะ” ไอ้เอ็มบ่นต่อ แต่ทว่ากลับมีเสียงหัวเราะมาจากยัยผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างพี่เอก ไม่ชอบหน้าหล่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เสือกมาหัวเราะใส่อีก ใครจะไปทน!
“พ่องมึงเป็นตลกเหรอ? มีอะไรให้หัวเราะนักหนา” น้ำเสียงหาเรื่อง เชิดปากไปทางหล่อน จ้องตาแข็งให้รู้ว่าไม่พอใจ ใช่! ฉันไม่สนใจหรอกว่าอีนั่นจะเป็นแฟนใครเมียใคร เพราะฉันพร้อมจะตบกับมันได้ทุกเมื่อ แล้วดูเหมือนมันจะไม่สู้ นั่งทำหน้าจ๋อยหลุบคอทำตัวเล็ก ‘ชิ๊! ก็คิดว่าจะแน่’
“ยังปากแจ๋วเหมือนเดิม” ไอ้เอ็มนั่งบ่นพึมพำ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าห้ามฉันหรอก เพราะต่างรู้ดีว่าฉันเอาจริง และเรื่องจะไม่จบง่ายๆ อยู่กันไปดีๆอย่ามีเรื่องจะดีกว่า ไม่งั้นแม่ตบไม่เลี้ยงค่ะ
ฉันหันกลับมานั่งอ่านไลน์ต่อ เพราะเพื่อนแต่ละคนต่างส่งรูปเมื่อคืนสภาพเมาแอ๋มาให้ แต่ละรูปตลกชะมัด ทั้งทำหน้าทุเรศๆ เต้นท่าแปลกๆ โดยเฉพาะอีโส ที่ขึ้นไปเต้นบนลำโพงหน้าเวที มาสคาร่าไหลเยิ่มเป็นทาง ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทว่า! กับรู้สึกได้ถึงรังสีเผือกมาจากด้านหลัง ฉันหันควับไปทันที เป็นไอ้เอ็ม...มันกำลังแอบดูมือถือฉันอยู่
“หัวเราะอะไรเหรอ ขอดูบ้างดิ๊”
“ไม่เอาไม่เผือกนะคะไอ้เอ็ม” พูดเพราะก็จริง แต่กำลังจิกตาใส่มันอยู่
“โด่~ขี้เหนียวว่ะ”
“ไม่คุยด้วยแล้วไปกินข้าวดีกว่า” ฉันลุกเดินไปหลังบ้าน มีเสียงตะโกนตามหลังมา “กินด้วยดิ”
สรุปแล้วทั้งห้าชีวิตยังไม่มีใครกินข้าวเที่ยงจ้า เพราะแต่ละคนต่างนั่งรอให้ป้าปุ้ยกลับมาก่อน ฉันจะรอทำไม?ในเมื่อหิว และวันนี้กับข้าวก็มีแกงส้มออดิบปลาจาระเม็ดของโปรดด้วย ว่าแล้วก็ตักกับข้าวไป อีกสี่คนก็มานั่งกินด้วย นั่งกับพื้นล้อมวงกันกินนี่แหละบ้านๆดี
คนที่นั่งข้างฉันฝั่งหนึ่งเป็นไอ้เอ็ม ส่วนอีกฝั่งเป็นพี่เอก ไปๆมาๆมานั่งใกล้กันได้ยังไงก็ไม่รู้ เอาเหอะๆ ไม่ได้คิดอะไรกันอยู่แล้ว...
“กับข้าวน่าอร่อยนะคะ” แฟนไอ้เอ็มเอ่ยขึ้น น่าอร่อยเหรอ? ก็แค่แกงส้ม หมูสามชั้นทอด น้ำบูดูที่ยายปรุงรสใส่มะม่วงเปรี้ยวลงไป แล้วก็ผักต่างๆแกล้ม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนกรุงเทพจะกินของพวกนี้เป็น แล้วดูโน้นแต่ละคนหยิบแต่หมูสามชั้นทอดจ้าอย่างอื่นไม่แตะเลย ฉันคิดผิดสะที่ไหนกัน
“ไอ้เหลืองๆกลมๆนี่คืออะไรเหรอคะพี่เอ็ม” กระต่ายเอ่ยถามพร้อมกับชูเจ้าสิ่งนั้น ไอ้เอ็มเหรอจะรู้จัก! มันหันมาหาฉันเพื่อให้เอ่ยตอบแฟนสาวของมัน
“ลูกเนียง” ใช่! มันคือลูกเนียงที่ถูกปอกเปลือกแล้ว เป็นผักประจำภาคใต้ ไม่แปลกที่คนกรุงเทพจะไม่รู้จัก
“อร่อยไหมคะ รสชาติเป็นยังไง”
“อร่อยสิ ข้างนอกกรอบอย่างในนุ่ม รสชาติออกหวานอร่อยเหมือนโดนัทแค่ไม่มีรูก็เท่านั้นเอง” ว่าแล้วฉันก็หยิบมากินหนึ่งลูก กินโชว์เคี้ยวตุ้ยๆเต็มปาก ทำหน้าสุดแสนจะอร่อย ขณะที่ในปากเต็มไปด้วยรสฝาดและกลิ่นเหม็นฉุน
“พี่พะพิมกินน่าอร่อยนะคะ”
“อร่อยมาก ไม่เชื่อลองกินดูสิ”
“พี่เอ็มลองกินให้ดูหน่อย กระต่ายอยากรู้นะๆ”
ไอ้เอ็มกลับส่ายหัว ทำหน้าแหยงๆ มันป๊อด!! แล้วในตอนที่มันกำลังจะเปิดปาก ฉันฉวยโอกาสหยิบลูกเนียงในจาน ยัดใส่ปากมันทันที กร๊อบ!! แค่มันกัดเท่านั้นแหละ ใบหน้าเข้มๆกลับเหยเกในทันที
“ถุ้ยๆๆ” มันคายออกมาจากปาก เอามือเช็ดลิ้นอย่างสกปรก ทำให้อีกสามคนต่างทำหน้ายี้ ผิดกับฉันที่นั่งหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” สะใจที่หลอกพวกนี้ได้
“เป็นไงล่ะไอ้เอ็มอร่อยใช่ไหม อ่า~” คำสุดท้ายฉันพ่นลมทางปากใส่หน้าไอ้เอ็มไปเต็มๆ
“เชี้ย!! โคตรเหม็นล่ะอีพิม” มันถึงขั้นต้องเอามือปิดจมูกไว้ แน่ล่ะ! ใครกินลูกเนียงไปกลิ่นปากแรงกว่าสะตอซะอีก
“เหม็นตรงไหน หา~” ฉันยังเล่นต่อ ยื่นหน้าไปใกล้มัน พ่นลมหายใจออกไป ถึงแม้มันจะอุดจมูกแล้วนะ กลิ่นปากไม่ได้ปรานีไอ้เอ็มเลย พาลให้แฟนมันที่นั่งใกล้ๆได้กลิ่นไปด้วย ถึงขั้นทำหน้าอยากจะอ้วกด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ คราวนี้ไม่เอ่ยอะไรนอกจากพ่นลมปากใส่ไปอีกหลายครั้ง จนคนหน้าเถื่อนเริ่มทนไม่ไหว
“หนอย!! ไปเล่นกับพี่เอกเลย” ไอ้เอ็มใช้สองมือจับกรอบหน้าฉันบังคับให้หันไปทางพี่เอก จังหวะนั้นหน้าคนหล่อกำลังหันมาพอดี ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน พวกเราใกล้กันมาก...ใกล้ซะจนฉันเห็นขนตายาวเรียงเป็นแพรได้อย่างชัดเจน ฉันเม้มริมฝีปากปิดสนิท ไม่กล้าที่จะเล่นด้วย
เขาพ่นลมหายใจแรงกระทบกับแก้มฉัน แล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ทำราวกับจะเข้ามาจูบ หัวใจดวงน้อยก็เต้นเร็วขึ้นทันควัน แต่เปล่าเลย...มือหนายื่นไปทางด้านหลังยันหน้าไอ้เอ็มไว้ “พอแล้วไอ้เอ็ม เล่นอะไรเป็นเด็กอยู่ได้”
“โห่~พี่เอก ก็แค่แกล้งอีพิมกลับเอง” มันยอมเอามือออกจากหน้าฉัน กลับไปนั่งเสียอารมณ์ ส่วนคนหล่อเอ่ยจบก็ขยับกลับมานั่งปกติ หันไปทางอื่นโดยไม่สนใจฉันที่นั่งตัวแข็งทื่อ
“พี่เอกคะ กินปลาดีกว่า ปล่อยพวกเล่นไม่รู้จักโตไปเถอะค่ะ” ยัยผู้หญิงข้างเขาเอ่ยพร้อมกับมองฉันด้วยหางตา ถึงหล่อนไม่ได้เอ่ยชื่อตรงๆ ก็พอรู้ว่ามันหมายถึงฉันแน่นอน แถมยังตักชิ้นใหญ่ในแกงส้มใส่จานให้พี่เอกด้วย ตาบ้านี่ไม่ปฏิเสธและยังกำลังตักเนื้อปลาเข้าปาก รู้สึกหมั่นไส้ยังไงก็ไม่รู้!! ในตอนนั้นเอง ฉันคว้ามือเขามา แล้วอ้าปากงั่มช้อน เป็นคนกินเนื้อปลาสะเอง แล้วขึงตาใส่ยัยผู้หญิงคนนั้นราวกับผู้ชนะ
“อีพิมทำอะไรวะ! กินร่วมช้อนกับพี่เอกได้ไง เดี๋ยวพี่เองก็ติดโรคบ้าจากมึงหรอก” ไอ้เอ็มโวยวายเสียงดัง
ช้อนเหรอ? ฉันมองหน้าพี่เอกสลับกับช้อนในมือเขา เมื่อกี้ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ! แต่พอไอ้เอ็มพูดขึ้น แบบนี้ก็เท่ากับว่าฉันกับพี่เอกกินช้อนเดียวกัน...เป็นจูบทางอ้อมล่ะสิ โอ้ว~พระเจ้า!! ฉันทำอะไรลงไป
