บทที่ 4
ได้แต่ยิ้มรับแบบเพลียๆ เอาวะ พ่อเลี้ยงก็พ่อเลี้ยง
เขาคุยตกลงกับผู้ใหญ่บ้าน ว่าทางนี้ขาดตกบกพร่องอะไรให้บอก ตอนแรกผู้ใหญ่บ้านนึกว่าเขาจะลงสมัครสส. สมัยหน้า ถึงกับถามว่าพรรคอะไร แล้วแอบกระซิบมาว่าค่าหัวพรรคนั้นเท่านี้ๆ นะ สู้ไหม อา...ประเทศไทยไม่มีเนาะซื้อเสียง แม๊ะในป่าแบบนี้มันยังดั้นด้นมาซื้อ ทีสวัสดิการแม่งให้ลงทะเบียนสารพัดนี่นั่นกว่าจะได้แย่งกันยิ่งกว่าประเพณีชิงเปรต แต่พอแบบนี้ดั้นด้นพยายามสุดๆ มิลินท์แอบถอนใจแล้วก็บอกว่าเขาไม่ใช่นักการเมือง ไม่ได้เล่นการเมือง หลงทางมาเฉยๆ อยากจะช่วยให้หมู่บ้านนี้เจริญเฉยๆ ในฐานะประชาชนคนไทย คนหนึ่งที่ฟังคำว่าประเทศกำลังพัฒนามาเกือบตลอดชีวิตของเขาล่ะ มันก็ยังไม่พัฒนาสักกะที ก็เลยอยากจะช่วยๆ อะไรบ้าง
ผู้ใหญ่บ้านตอนแรกก็ลังเล พอเขาบอกว่าเอ้าให้ค่าช่วยดำเนินการแสนหนึ่ง ตามนั้น ทางสะดวก โลดฉลุย...
แถมยังอำนวยช่วยงานเขาอย่างดีสุดๆ
เรื่องติดต่อประสานงาน เขายกให้เลขาสารพัดประโยชน์ของเขาอย่างอาณัติเอาไปทำ หมอนั่นเป็นเลขาทรงประสิทธิภาพ ทำได้ทุกอย่างทุกสิ่ง เขาแค่โอนเงิน เรื่องนี้ก็เช่นกัน แค่รู้เห็นแค่นี้ยังโมโห ถ้ารู้เห็นตามลำดับว่าอะไรมากกว่านี้คงจะยิ่งกว่าโมโห คอยฟังข่าวตอนสำเร็จเสร็จอย่างเดียวก็แล้วกันฟะ
เขาลงทุนติดสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้คนในหมู่บ้าน ทำศูนย์กลางเรียนรู้ไว้ให้ ติดโทรทัศน์ มีคอมพิวเตอร์ให้ ก็ให้ผู้ใหญ่นั่นแหละช่วยดูแล และกะว่าถ้าทุกอย่างเสร็จแล้วจะขึ้นมาดูผลงานอีกที ให้จันกับคำเอ้ยนี่แหละช่วยตรวจสอบผู้ใหญ่บ้านให้อีกทีว่าทำงานดีสมกับที่จ่ายเงินไหม
สองวันล่ะที่ถ่ายทำบ้าง วุ่นวายกับการคิดช่วยชาวบ้านบ้าง มันเหมือนถูกตัดขาดจากความเจริญ ความเคลื่อนไหวทั้งหลาย ก็เพลินๆ ดีแหะ เมื่อกี้ตอนปีนต้นมะขามคุยงานกับเลขา เขาก็โทรคุยกับเพื่อนรักอย่างไอ้หมอปัญ ถามไถ่ถึงหลานในท้องว่าสบายดีไหม จนไอ้หมอปัญขำเอา ว่าเขาช่างเห่อหลานจัด แล้วก็ไล่ให้เขาหาสาวพาทำลูกซะจะได้เลิกห่วงลูกคนอื่นแบบนี้
ถ้าเขามีลูกเองจะยังไงหว่า?
เอาแค่มีเมียก่อนเหอะ
คิดแล้วก็ส่ายหน้า ยากตั้งแต่ข้อหาเมีย...เพราะหมียังไม่อยากมีเมีย
"เฮาจะพาพ่อเลี้ยงไปงานแต่งกันนะวันนี้ มีคนแต่งงาน"
"เอาสิ ท่าทางจะสนุก"
มิลินท์เดินกอดคอไปกับสองหนุ่ม ที่กลายเป็นซี้ชั่วคราวไปแล้ว
...
เสียงเพลงลูกทุ่งดังลั่นไปทั้งหมู่บ้าน เมื่อมีงานรื่นเริง หมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ก็เรียกได้ว่าปิดบ้านปิดช่องมาออกันอยู่ที่บ้านงาน ไม่มีพลาด นานๆ จะมีงานเลี้ยงที พากันมาช่วยงานและร่วมยินดีกันอย่างคับคั่ง
ยิ่งเป็นงานแต่งที่มีคนหมู่บ้านอื่นมาสมทบด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งสนุกสนาน เพราะจะได้เจอคนอื่นบ้างนอกจากคนในหมู่บ้านของตัวเอง การดองกันของคนสองหมู่บ้าน เป็นเหมือนมหรสพความบันเทิงย่อมๆ เลยก็ว่าได้
มิลินท์ถ่ายเก็บบรรยากาศ สัมภาษณ์คนนี้คนนั้นอย่างเพลิดเพลิน โดยมีสองหนุ่มตามประกบ ตามเป็นบอดี้การ์ด ไกด์ และหน่วยประชาสัมพันธ์พี่หมีไปด้วยในตัว บางคนรู้จักเขาจากช่องยูทูป เพราะหมู่บ้านของเจ้าบ่าว เจริญกว่าหมู่บ้านของเจ้าสาวที่เขาหลงทางมาอยู่อาศัยและทำคอนเทนต์
มิลินท์เลยกลายเป็นที่ฮือฮา และเป็นศูนย์รวมให้ถ่ายรูป ให้ความสนใจรัวๆ ยิ่งกว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสียอีก คนดังเลยนะนั่น แถมสองประชาสัมพันธ์บอกว่ามิลินท์มามอบไฟฟ้าประปาให้อีก ก็ยิ่งได้รับความสนใจและชื่นชม คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งดัง...
สาวๆ ในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้านที่มางานแต่งก็แอบทิ้งสายตา มองเขาตาเยิ้ม บางคนโดนผัวไล่กลับบ้าน หลังจากมองมิลินท์นานไปหน่อย แล้วหนุ่มบางคนก็เริ่มมองเขาอย่างไม่ถูกชะตาข้อหาเป็นที่สนใจเกินไป ธรรมดามนุษย์ที่เหล้าเข้าปากสติก็เริ่มไม่มี บางคนเมาสนุก บางคนเมาเรื้อน บางคนเมาอยากได้เรื่อง และมิลินท์กำลังกลายเป็นที่จ้องของคนเมาแล้วอยากได้เรื่อง
ผู้ใหญ่บ้านเหมือนจะรู้สันดานของพวกเมาแล้วอยากได้เรื่อง ก็กระแอม พลางประกาศออกไมโครโฟน ว่าถ้าวันนี้ใครมาตีกันในงานแต่ง กูจะปรับให้หนำ หมูตัวหนึ่ง กับเงินห้าพัน...ก็เล่นเอาคนเมาแล้วอยากได้เรื่อง โดนเมียจิกกลับบ้าน เพราะกลัวเสียหมูเสียเงิน
เหมือนทุกคนจะมีคู่กันเกือบหมด ยกเว้นเด็กสาวๆ ที่เรียกได้ว่ามองแล้วอายุไม่น่าเกินสิบสี่สิบห้า ขนาดเจ้าสาวยังอายุสิบห้า...นี่เค้ารู้กฎหมายพรากผู้เยาว์หรือเปล่านะ มิลินท์แอบกระซิบถามสองหนุ่มคู่หู เกี่ยวกับเรื่องนี้
"ดูเหมือนว่าสาวๆ หมู่บ้านนี้จะแต่งงานเร็วนะครับ"
"เร็ว...ก็บ่เร็วนะครับ อันนี้ปรกติเน้อ" จันว่า
"เหรอครับ"
"ครับ ก็แต่งงานกันประมาณนี้แหละ เรียนจบตามกฎแล้วก็แต่งงานได้ เฮาสองคนก็เกย(เคย)มีเมียนะ..." คำเอ้ยตอบ เขาอายุประมาณยี่สิบกว่าปี มิลินท์ขมวดคิ้ว อยากจะถามว่าเมียของสองหนุ่มไปไหนแล้ว เพราะระหว่างที่คลุกคลีอยู่ด้วยกัน ไม่ยักกะเห็นเมียของใครเลย
"ตอนนี้สักพักก็คงต้องหาเมียใหม่ก่อ(ไหม) เพื่อน"
จันที่กรึ่มๆ แล้วว่า พร้อมกับถอนใจเฮือก ตาของเขามองกวาดแขกที่มาร่วมงาน สายตาสะดุดที่สาวเสื้อสีน้ำเงิน...ที่กำลังนั่งอยู่ใกล้กับหนุ่มท่าทางตุ้งติ้ง หน้าตาของสาวเจ้าดูอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็สวยน่ารักมาก แน่ล่ะ จันเคยไปจีบเลียบๆ เคียงๆ หล่อนก่อนที่จะแต่งเมีย ที่ตอนนี้เมียเขาหายไปไหน...ก็ไม่รู้ หายไปพร้อมๆ กับเมียคำเอ้ยนั่นแหละ
ก็มัวแต่เมาด้วยกัน อยู่คู่กันยิ่งกว่าอยู่กะเมีย ไอ้หนุ่มขี้เหล้าประจำหมู่บ้าน เลยเสียเมียไปพร้อมๆ กันซะงั้น พากันเมียหาย ก็เมาปรับทุกข์กัน แต่ไม่ไปตามหาเพราะมัวแต่เมา เอากะพ่อสิ
"น้องผักบุ้งของเฮา ก็ยังบ่มีไผนะ"
"สาวเทื้อ สาวเฒ่า สูจะเอากะ"
คำเอ้ยเบ้ปาก แน่ล่ะเขาก็เคยจีบหล่อนตั้งแต่หล่อนเป็นสาวรุ่น แต่โดนเมิน ไม่ใช่เขาคนเดียวในหมู่บ้านหรอกที่พยายามจีบหล่อน แต่ทุกคนตอนนี้เลิกพยายามไปล่ะเพราะหล่อนไม่สนใจใครเลย ข่าวว่ามีพ่อเลี้ยงจะมาขอหล่อนไปเป็นเมียน้อย แม่หล่อนยกให้ไปแล้วด้วย ไม่กี่วันนี้ก็จะจัดงานแต่ง...ก็ดีใจด้วยที่ได้ผัวไปเสียที ไม่อย่างนั้นก็เป็นองุ่นเปรี้ยว ล่อตาล่อใจผู้ชายให้น้ำลายสออยู่นี่
หล่อนคือองุ่นเปรี้ยว
ที่พวกเขาทำเป็นไม่สนใจแต่ก็อดแอบมองไม่ได้
ก็สวยน่ารักขาวอวบขนาดนั้น แต่ก็หน้าบึ้ง หน้าทุกข์...นานหนหรอกจะเห็นผักบุ้งสาวเทื้อที่สวยที่สุดของหมู่บ้านยิ้มสักที
มีแม่มีพ่อแบบนั้น...ใครจะไปยิ้มออก
"ถ้าเปิ้นหื้อฮาก็เอากะ เสียดายที่สาวเฒ่าของหมู่บ้านเฮาจะไปเสียแล้ว"
สองหนุ่มพูดกันแล้วพยักเพยิดให้แก่กัน มิลินท์ได้ยินเข้าพอดี ก็มองตามสายตาสองหนุ่มไปสะดุดที่ผู้หญิงตัวบางในเสื้อสีน้ำเงิน เขาขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อมองไปยังหล่อน
สาวเทื้อ
ดูยังไงไม่น่าเกินสิบแปด
สิบแปดนี่เทื้อแล้วหรือ?
หน้าตาก็น่ารักดีนะ...แต่ทำไมดูหมองหม่นขนาดนั้นกันหนอ
มิลินท์ให้ความสนใจหล่อนแค่นั้น ก่อนจะหันไปสนใจคนข้างๆ ที่เอาเหล้าป่ามาให้เขาชนแก้วด้วย