บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

"อื้อหือ...อะไรวะนี่ นั่นทาง สาบานได้ไหมว่าทาง"

เสียงบ่นของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสียงของมันน่าจะเข้าไปในกล้องที่ถ่ายและอัดไว้ด้วย นี่คืองานของมิลินท์ งานยูทูปเบอร์ของเขา วันนี้เขาตั้งใจจะถ่ายทริปเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวเขา ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่ฮอตในการทำคอนเทนต์ เขาก็ไม่อยากตกเทรน จึงปักหมุดแล้วขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเขาดุ่มๆ เข้ามาแวะนี่บ้าง แวะนั่นบ้าง สุดท้ายก็...พบปัญหาเมื่อสัญญาณเน็ตขาดหายไปดื้อๆ ในยุคนี้เน็ตหาย...อา...มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว

ค่ำลงทุกที จีพีเอสก็หมุนติ้วๆ เขาบันทึกไว้ทุกรายละเอียด ตื่นเต้นฉิบหาย และคิดว่าทุกคนจะต้องตื่นเต้นไปกับเขาด้วยล่ะ ถ้าลงคลิปนี้

"เอาแล้ว ถ้าหาบ้านคนไม่ได้ พี่หมีต้องนอนป่าแน่ๆ หาหมู่บ้านไม่เจอคร้าบไอ้ที่จองไว้คืนนี้ก็เสียเงินฟรี ขณะที่ถ่ายทำนี้เน็ตหายจ้า ขอบอกว่าเน็ตหาย เอ้า...พี่คร้าบมาเช็คสัญญาณบ้างนะคร้าบ พี่หมีขอตัดแค่นี้นะ ถ้าสามวันไม่ลงคลิป ฝากน้องๆ มาตามหาพี่ด้วย"

เขาแวะจอดรถพักสูบบุหรี่ แล้วก็ชั่งใจว่าจะเอายังไงดี ก่อนจะเม้มปากแน่น ทางมันทอดเข้าไปในป่า...ที่มีต้นไม้ครึ้มเชียว ทางก็เป็นทางเกวียน...เขาควรจะทำยังไงดีหว่า ไม่น่าเลี้ยวมาทางนี้เลย หรือว่าจะไปก็ต้องไปให้สุด เลือดนักผจญภัยของไอ้หมีมีท่วมท้นอยู่แล้ว แค่นี้ไม่มีกลัว คิดแล้วก็คร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด เขาพอจะมีเสบียงและพกเต้นท์มาด้วย กลัวอะไรแค่นอนในป่า หรือจะหลงป่า เอ้า ถ้าหลงก็กลับทางเดิม ไปตามทางก็แล้ว ตามทางไปยังไงก็ต้องเจอคน...

คิดแล้วก็ขี่รถตามทางไปเรื่อยๆ ใจชื้นเมื่อเห็นป้ายหมู่บ้าน แล้วมองเห็นแสงไฟลิบๆ มองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบทุ่ม เอาเหอะ จะยังไงก็มีบ้านคนล่ะวะไอ้หมี ไม่อดตาย ไม่หลงป่า แน่ล่ะกู...

เสียงรถของเขากระหึ่มดังลั่นเพราะดูเหมือนจะเป็นรถคันเดียวที่ยังสัญจรอยู่ตอนนี้ มิลินท์เลี้ยวรถเข้าไปในบ้านหลังแรกที่เห็น ดีใจที่สัญญาณโทรศัพท์มีตั้งสองขีด! อย่างน้อยยังโทรศัพท์หรือพอจะเล่นเน็ตได้บ้างล่ะแบบนี้

เสียงรถของเขาทำให้เจ้าของบ้านที่กำลังล้อมวงนั่งคุยกันพร้อมกับน้ำใสๆ กลิ่นไม่ใช่น้ำเปล่าและมะขามอ่อน อยู่ตกใจ แล้วหันขวับมามอง แขกแปลกหน้า...

รถก็เด่น คนก็ยิ่งเด่น เพราะรูปร่างสูงใหญ่ และเมื่อถอดหมวกกันน็อคของตนออก ใบหน้านั้นก็ทำให้คนที่กำลังอ้าปากหวออยู่ ส่งภาษามาในทันที

"เอ้อ ฝรั่งมา เอ้าสงสัยจะหลงมา ญาติไผ ผัวไผนี่ เฮาจะอู้จะไดดีนี่"

"กุ๊ดดดดดดด มอนิ่งงงงง ตี้นี่ (ที่นี่) มายโฮมส์ จะได...วู เป็นไผ กุ๊ดดดดดดบาย ลาก่อน"

คำผันโบกมือทักทายแขกหลง ที่ตอนนี้ กลั้นยิ้มกับภาษาอังกฤษที่เขาพยายามส่งให้ เขาพนมมือไหว้คนทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นภาษาไทยชัดแจ๋ว

"ขอโทษครับ พอดีผมหลงทางมา เอ่อ...แถวนี้พอจะมีที่พักไหมครับ"

"จะไปไหนล่ะพ่อ ถึงได้หลงมาที่นี่ นี่มันบ่ใช่ที่ควรจะหลงมานะ เฮาอู้เมืองสูนกลางจะอี้ (พูดเหนือผสมภาษากลาง) เปิ้นจะฟังออกก่อนะ"

จันว่าก่อนจะเกาหัว แล้วก็กวักมือให้มิลินท์มานั่ง อย่างไม่มีพิธีรีตรอง แถมยังส่งแก้วเป๊กบรรจุน้ำใสแจ๋วเหมือนตาตั๊กแตนให้เสียด้วย

"เอ้าๆ แขกแก้วมาเยือน ก็สักแก้วก่อนละกัน"

"เอ่อ...อะไรหรือครับ"

มิลินท์ถาม ก่อนจะทำหน้าเบ้ เมื่อดมน้ำใสนั่นเข้าไป ทางนั้นหัวเราะ แล้วยักคิ้ว พร้อมกับยกนิ้วโป้ง

"โอเคนัมเบอร์วันนะอันนี้ เหล้าข้าวโพด"

"อ๊าาาาาา"

หมดเป๊กหนึ่ง ก็มาต่ออีกเป๊กหนึ่ง สองหนุ่มขี้เหล้าประจำหมู่บ้าน และแขกหลง...ก็ร่ำวงสุรากันสนุกสนาน แขกหลงเองลืมความกังวลไปสิ้น แถมสนุกอีกต่างหาก เขาไลฟ์สดทางเฟซบุ๊คพาสองหนุ่มจ้อกันอย่างเมามัน เมาเหล้าข้าวโพดจนสติปลิว...

คืนนั้นเขาก็นอนเอามันดื้อๆ ตรงแคร่กับสองหนุ่ม นอนกอดกันปานรู้จักกันมาหลายสิบปี...

เหล้าพามิตรภาพจริงๆ งานนี้

สรุปยูทูปเบอร์หนุ่มเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนคอนเทนต์เป็นเขากับหมู่บ้านที่ดันหลงมานี่ก็แล้วกัน

...

"เฮลโหล สวัสดีชาวหมีทั้งหลาย เนื่องจากหมีใหญ่หลงทางเว้ย...แบบจะไปที่หนึ่งเสือกมาโผล่อีกที่หนึ่ง แต่ที่นี่มันคือดีมาก หมีใหญ่จะเก็บวิถีชีวิตชาวบ้านมาฝากนะ ไม่ต้องไปเที่ยวชาวดอยกันล่ะ เที่ยววิถีชาวตีนดอย กับหมู่บ้านที่หมีหลง"

เขาบ้ายบายให้กล้อง หลังจากที่เก็บบรรยากาศในหมู่บ้านคร่าวๆ พอสมควรแล้ว จากหมู่บ้านที่ดันหลงมา กลายเป็นหมู่บ้านที่น่าสนใจไปล่ะสำหรับมิลินท์ เพราะวิถีชีวิตผู้คนที่สัมผัสมาล่ะสองวันเต็มๆ ว่าในความเรียบง่ายมีความเชื่อแปลกๆ แฝงอยู่ จะเรียกได้ว่าหมู่บ้านลับแลไหมนะ ก็น่าจะเรียกได้สำหรับในยุคห้าจีแบบนี้

สัญญาณโทรศัพท์มีสองขีด สัญญาณเน็ตแรงกว่าเล็กน้อย แต่คงต้องไปอัพคลิปที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่ ถ้าจะให้ดีต้องปีนขึ้นไปบนต้นมะขามเก่าแก่ ที่ดันไปตั้งอยู่ใกล้กับศาลตายายของหมู่บ้าน...สัญญาณโทรศัพท์ถึงจะดี ใครจะปีนวะ...เขาไม่ปีนคนหนึ่งล่ะจันหนุ่มขี้เมาประจำหมู่บ้านที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ติดตามพาถ่ายคลิปของมิลินท์ เล่าว่าถ้าจะติดต่อราชการข้างนอกที ผู้ใหญ่บ้านก็ปีนที...ใครจะติดต่อลูก ติดต่อญาตินอกหมู่บ้านที ก็ปีนที โอ๊ย...น่ะ มันมีอยู่จริงสินะ อะไรแบบนี้ในประเทศกำลังพัฒนาแบบนี้

โทรศัพท์มือถือมีเพียงสามเครื่อง คนที่ต้องเรียกได้ว่าเป็นเซเลบของหมู่บ้านถึงมี คือรวยที่สุดในหมู่บ้านนี้ล่ะ เพราะจะเติมเงินทีก็กระเตงกันเข้าไปในเมือง ที่ห่างจากหมู่บ้านถึงสามสิบกิโลเมตร ไม่มีใครมีแอพโอนเงิน ไม่มีใครมีอินเตอร์เน็ต ยิ่งฟังยิ่งต้องร้องคุณพระ ความบันเทิงคือโทรทัศน์ อันนี้ดีหน่อยที่มีหลายบ้าน

หมู่บ้านมีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน ไฟฟ้ายังต้องปั่นใช้กันเอง โอย...มิลินท์ถอนใจกับสภาพของชาวบ้านจริงๆ ปรกติเขาจะใช้เงินปรนเปรอความสุขให้คนที่รักและตัวเอง หนนี้มิลินท์คิดจะตอบแทนหมู่บ้านนี้ที่ให้คอนเทนต์เขา ถึงจะคนดูไม่เยอะ รายได้ไม่แยะ แต่มิลินท์สายเปย์ ก็เริ่มใช้พลังเงินของตัวเอง

ใช้แบบไม่ถ่ายลงเรียกยอดวิว ขี้เกียจโดนเรียกจากหน่วยงานราชการ น่ะ สมัยนี้ทำดีตัดหน้าหน่วยงาน มันจะต้องโดนนี่โดนนั่น บางทีคนอยากทำดีก็รำคาญ เอาแม่งแบบเงียบๆ นี่แหละ ว่าจะไม่ปีนต้นมะขามร้อยปี แต่ก็ต้องปีนล่ะกู สัญญาณมีสองขีดนี่คงไม่พอโทรศัพท์หาเลขาส่วนตัวแน่ๆ

เย็นวันนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนต้นมะขามอย่างทุลักทุเล แสนอัศจรรย์ว่าจากสองขีดขึ้นเป็นสี่ขีด สั่งๆ ไปกับเลขาแล้วก็ลงมาแบบขาสั่น นายจันกับนายคำเอ้ยยืนลุ้นเขาอยู่ด้านล่างพากันปรบมือ

"เย้! พ่อเลี้ยงลงมาได้ละกา"

"เฮากั๋วว่าพ่อเลี้ยงจะตกลงมา ตะกี้เห็นลื่นกิ่งมะขาม"

"เกือบไปแล้วพี่ชาย" มิลินท์ว่าแล้วอมยิ้ม

"อย่าเรียกพ่อเลี้ยงได้ปะ มันฟังแปลกๆ เรียกผมว่าหมีดีกว่าพี่ๆ"

"มันเป็นการหื้อเกียรตินะ เรียกว่าพ่อเลี้ยงนี่" จันว่า คำเอ้ยก็รับคำ

"แม่นล่ะ เฮาสองคนหื้อเกียรติ ขอหื้อเรียกว่าพ่อเลี้ยงเต๊อะ มันสบายใจดี พ่อเลี้ยงจะนำพาแสงสว่างมาหื้อหมู่เฮา แบบไม่ต้องปั่นไฟใช้เอง แล้วก็น้ำประปาหมู่บ้านโตย โอ๊ย! ดีกว่า สส. ไปอีก เรียกพ่อเลี้ยงล่ะดีแล้ว"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel