บทที่ 4
“วันนี้หมอกลับไวจังค่ะ”
เสียงนางพยาบาลทัก เมื่อเห็นเขาเดินสวนมา เขายิ้มนิดหนึ่งให้ แล้วไม่ตอบด้วยซ้ำก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าไปยังรถที่จอดไว้ อาการรีบร้อนทำให้นางพยาบาลคนนั้นนึกสงสัย ว่าเหตุใดจึงเร่งรีบถึงขนาดไม่ทักหล่อนตอบ ผิดวิสัยหมอปัญที่มักจะอารมณ์ดี และทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส
“รีบไปไหนของเขานะ”
เขามองนาฬิกาข้อมือ แล้วเม้มปาก หัวร้อนไปหมดเมื่อเห็นว่าตัวเองสายแล้ว แอบถามยัยน้องว่าจะเรียนพิเศษกี่โมง จะยังไงเขาก็ต้องสกรีนก่อนล่ะ ว่าไอ้ครูสอนพิเศษคนนี้ เป็นยังไงเหมาะสมไหมที่จะมาสอนเด็กของเขา
ใช่...
เด็กของเขา
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนมีไฟสุมหัวขนาดนี้นะ หมอปัญผู้เฉื่อยนิดๆ ด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ใช่คนเร่งร้อนรีบเร่ง วันนี้แค่รถติดไฟแดง เขาก็แทบอยากจะแบกรถวิ่ง...ฝ่าการจราจรไปถึงบ้านไวๆ
ต้นเหตุของการหัวร้อน
ก็หึงนั่นแหละ
ถ้าไอ้หมีรู้ว่าเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนคนบ้าแบบนี้คงจะขำ แล้วก็คงจะบอกว่า กูบอกแล้วให้มึงรีบๆ สารภาพกับเด็กมันไปซะ
เขาเหยียบคันเร่งรถเร็วขึ้นอีกนิดเมื่อพ้นการจราจรที่แออัด ใจร้อนไปเกาะรั้วต้นข่อยชะเง้อมองไปบ้านน้องก่อนตัวล่ะตอนนี้ หัวก็คิดไปด้วยว่าจะหาวิธีไปสอดส่องน้องยังไงดีนะให้เนียนๆ ไม่น่าเกลียด
เมื่อใกล้ถึงบ้านตาก็ตวัดมองเห็นรถเฟอร์รารี่สีแดง อื้อหือ ครูสอนพิเศษของยัยน้อง อลังการไปนะ เฟอร์รารี่เชียวนะ! คันล่ะสิบล้านอัพ ส่วนเขาขับแค่มาสด้า cx5 ราคาคนล่ะเรื่องกันเลยทีเดียว เมื่อคืนตามเฟซของเพื่อนวาริสาเข้าไปในเฟซของผู้ชายที่เป็นครูสอนพิเศษของยัยน้อง ก็ยิ่งให้ร้อนวูบๆ หมอนั่นหล่อมาก มาดเพลย์บอย แถมด้วยรวยโคตร ยังโสด...อันนี้คือที่น่าระแวงหนักมาก!
แฟนคนก่อนๆ ของหมอนั่นก็อายุน้อยๆ ทั้งนั้น เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น สองเดือนเปลี่ยนคน ไม่ซ้ำหน้าเลยที่มาอยู่หน้าฟีด เขาทำตัวเป็นคนชอบเสือก เสือกไปจนถึงวันที่หมอนั่นเล่นเฟซบุ๊คหนแรกโน่น เรียกว่านอนตีสามเพื่อเสือกเรื่องนายคนเดียว...
เป็นเอามาก
ระแวงหนักสุด
หึงมากเวอร์
เขาเปิดประตูรั้ว แล้วเอารถเข้าไปจอด พร้อมกับเดินดุ่มตรงเข้าไปในห้องครัว...เปิดตู้เย็นผ่าง เผื่อจะมีของกินอะไรไปกลบเกลื่อนว่าเอามาฝากน้อง ห่าเอ๊ย! มัวแต่หัวร้อนมาสามสี่วัน เพราะใกล้วันน้องจะต้องเรียน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ...ในตู้ของเขาจึงมีแค่ของสดไม่กี่อย่าง แล้วเอาอะไรไปอ้างดีวะไอ้หมอปัญ เมื่อกี้ผ่านร้านผลไม้ก็ไม่ยักกะแวะซื้อ จะได้หิ้วไปทำท่าว่าฝากน้อง มองดูหน้าตาไอ้นั่นเสียหน่อย ว่ามันตรงปกหล่อลากกระชากปอดเหมือนในเฟซบุ๊คไหม หรือแอพแต่งเอา
อืม...
เดินเข้าเดินออก วิ่งขึ้นวิ่งลงในบ้านตัวเองนั่นแหละ เพื่อหาของจะไปอ้าง...มาหาน้องเวลานี้ ปรกติแล้วเขาไปแวะเวียนบ้านนั้นเป็นประจำ ยัยน้องก็เช่นกันที่มักจะแวบมาหาเขาเหมือนกับบ้านตัวเอง แต่หลังๆ แล้วหมอปัญเลือกที่จะอยู่บ้านเขาให้ยัยน้องมาหาบ่อยกว่าเขาไปบ้านยัยน้อง ก็เพราะคำเปรยลอยมาของคุณญาณีมารดาของวาริสาทำให้เขาสะดุ้ง เพราะเขาคิดกับลูกท่านแบบนั้นจริงๆ
‘หมอปัญรักเอ็นดูน้องดี ป้าก็ดีใจนะ เหมือนยัยหนูได้มีพี่ชาย หึๆ เนี่ย...ป้าคิดว่าหมอคงจะคิดกับน้องเป็นน้อง เอ็นดูน้องแบบน้องสาวนะจ๊ะ’
สายตาท่านเอย แถมอาการยิ้มแบบนั้น เน้นจริงจังว่าน้องสาว ย้ำบ่อยๆ ว่าน้องสาว ก็แปลบใจล่ะว่าเขาคิดกับลูกท่านเกินน้อง เฮ้อ...
เขากับน้องห่างกันรอบหนึ่ง
แถมน้องยังอายุยังน้อย
ไม่แปลกหรอกที่คุณญาณีจะระวังระแวง เขาได้ยินด้วยซ้ำว่าท่านบอกให้ยัยน้องของเขาอย่ามากวนเขาบ่อยนัก เขาจะรำคาญเอา บางทีก็บอกย้ำๆ ว่าเป็นผู้หญิงสาวโตแล้ว อย่าไปบ้านพี่หมอบ่อย เดี๋ยวคนอื่นจะว่าพี่หมอเอา
เขาเลยจำต้องกล้ำกลืนไว้ คิดจะสารภาพกับน้องเมื่อน้องโตอีกนิด แต่ตอนนี้เขาเหมือนจะขาดสติไปแป๊บหนึ่งลืมตัววูบเมื่อมีคู่แข่งกระทันหัน ที่ดูจะโดนอกโดนใจคนวัยยัยน้องอย่างจังเสียด้วยสิ
โอ...
เอาอย่าไงดีนะไอ้หมอ
โผล่ไปบอกว่าพี่มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากให้น้องเรียนกับผู้ชายสองต่อสอง มันก็คงจะไม่ใช่ล่ะ...เขามันพี่ชายข้างบ้าน ไม่ใช่พี่ชายจริงๆ ที่จะไปนั่งคุมแบบนั้นได้
แล้วต้องทำยังไงดีนะ
อืม...
ตาของเขามองตวัดไปยังหนังสือการ์ตูน ก็พอจะคิดอะไรออก เขาจึงถือหนังสือเล่มนั้น เดินราวติดปีกไปยังรั้วต้นข่อยที่กั้นบ้านเขาและบ้านหล่อนไว้อย่างรวดเร็ว
..........................................................................................................................................................
“เข้าใจไหมเอ่ย? ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามพี่ได้เลยนะ”
ตาคมกริบแฝงแววขี้เล่นแทบจะไม่คลาดจากหน้าใสๆ ของคนตรงหน้า น่ารักโดนใจเหลือเกินสิน่ะ เขาเห็นหล่อนมาพักหนึ่งแล้วในเฟซของลูกพี่ลูกน้องสาว และขอให้ยัยบุ้งช่วยจัดแจงเป็นแม่สื่อให้ แม่น้องสาวก็ยึกยักในตอนแรก บอกไว้ว่ายัยมิ้มคืองานยาก เพราะยัยมิ้มไม่เคยสนใจใครสักที เมินเฉยต่อผู้ชายทุกนามด้วยสิ ขนาดดาวโรงเรียนมาจีบ ยัยมิ้มยังหัวเราะใส่เลย...แล้วบอกว่าไม่ผ่านมาตรฐาน
มาตรฐานของเธอเป็นยังไงกันนะ?
มาตรฐานของยัยมิ้มที่น้องสาวของเขาบอกว่าคงจะเลิศเลอยิ่งกว่าเทวดาแน่ๆ เพราะไม่เคยเห็นยัยมิ้มกรี๊ดดารานักร้องคนไหนนัก แถมชอบแต่ดาราสาวๆ มากกว่าดาราชาย น้องสาวบอกด้วยซ้ำว่ายัยมิ้มอาจจะเป็นเลสเบี้ยน เพราะเมินเฉยผู้ชายเสียขนาดนั้น
เขายิ้มที่มุมปาก
เขานี่ล่ะจะเป็นมาตรฐานของหล่อนเอง
โดยใช้โอกาสอาทิตย์หนึ่งนี่ล่ะ ได้จัดการทลายกำแพงใจแม่สาวน้อยแสนสวยนี่ คนอย่างพิสุทธิ์อยากได้ไม่เคยมีว่าไม่ได้แน่นอน
เขาถนัดนักล่ะยิ่งเป็นสาววัยนี้ วัยกำลังอ่อนใส วัยกำลังคล้อยตามง่าย แค่พาไปเที่ยวหรูๆ กินดีๆ ปรนเปรอด้วยของแบรนด์ ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง ฟุ้งฝันในโลกของเขา ก็เสร็จ...โจร
“ก็ยังงงๆ นิดๆ น่ะค่ะ หนูไม่เก่งเลข”
เจ้าหล่อนตอบ ย่นจมูกน้อยๆ อย่างน่ารัก คนอะไรสวยหวานละมุนตา ยิ่งมองยิ่งเพลิน นี่ขนาดไม่ได้เสริมเติมแต่งอะไรเลยนะ หล่อนไม่ได้ใช้เครื่องสำอางแม้แต่ชิ้นเดียวบนหน้า เครื่องหน้าแบบพระเจ้ารัก...ต้องเรียกว่าแบบนั้น ขนาดอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น มันกลับไม่ดูธรรมดาเมื่ออยู่บนตัวหล่อน มันเหมือนกับว่าเป็นแฟชั่นที่น่าสวมตาม เป็นคนที่ใส่อะไรก็ดูดีน่าใช้ไปเสียหมดสิน่า
“ถ้าอย่างนั้นลองมาไขโจทย์ข้อนี้กัน ถ้าน้องมิ้มไขได้ มีพี่รางวัลพิเศษให้”
คำว่ารางวัลทำให้หล่อนตาโตขึ้นมานิดหนึ่ง ดูน่ารัก น่าจับมาจูบสักที แต่จะผลีผลามก็คงไม่ได้...หล่อนดูท่าทางปรกติเมื่อเห็นเขา ไม่ได้ดูเหมือนสาวๆ คนอื่น ที่มีอาการ ว้าว...ยามเห็นเขาตัวจริง แถมลงมาจากรถยนต์ระดับนั้นด้วย แม่ของหล่อนเสียอีก ที่มองเขาอย่างตื่นเต้น และดูจะว้าว กับโปรไฟล์ของเขาเสียยิ่งกว่าลูกสาวเสียอีก
สาบานได้ว่าท่านดูจะชอบเขาอย่างออกนอกหน้า นี่ก็น่าจะผ่านด่านหนึ่งล่ะ เขาเข้าบ้านนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มาแนะนำตัวว่ามาสอนพิเศษให้กับลูกสาวท่าน มาพร้อมกับยัยบุ้งที่ดูจะคุ้นชินกับบ้านนี้ เข้านอกออกในได้ราวกับบ้านตัวเอง เพราะวิ่งขึ้นไปเรียกเพื่อนรักถึงชั้นบนด้วยตัวเอง เมื่อเปิดตัวจริงของหล่อนต่อหน้าเขาแล้ว พิสุทธิ์ก็บอกกับตัวเองได้เลยว่า คนนี้ล่ะ! เป้าหมายที่พร้อมทุ่มเท
“รางวัลอะไรคะ”
หล่อนเอียงคอ มองหน้าเขา ท่าทางนั้นรู้ไหมว่าช่างน่ารักจับใจได้อย่างไร้เดียงสา เขารู้หรอกว่าใครแกล้งทำแบ๊วน่ารัก ส่วนใครทำตามธรรมชาติ และแน่นอนสำหรับวาริสา มันคืออาการตามธรรมชาติที่ไม่เสแสร้งให้น่ารัก แต่หล่อนน่ารักจริงๆ
“ไอศกรีม...”
เขาบอกชื่อยี่ห้อไป สืบมาแล้วว่าหล่อนชอบ เพราะไปเช็คอินบ่อยๆ ที่ร้านนั้น วาริสายิ้มจนตาหยี แล้วพยักหน้า
“มาเลยค่ะ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะไขโจทย์ เพื่อไอศกรีม”
“ยัยน้อง อยู่ไหนครับ เฮ้! พี่มีอะไรมาฝาก”
เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น ทำให้วาริสาละปากกาในมือ แล้วผุดลุกขึ้นยืน ทำท่าจะวิ่งไปทางต้นเสียง แต่เหมือนจะนึกได้ว่ากำลังนั่งเรียนกับเขา ก็หันมาบอกขออนุญาต ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นที่เขากับหล่อนใช้เป็นที่เรียน
เสียงผู้ชายนี่หว่า?
ใครกันทำให้เป้าหมายของเขาตื่นเต้นได้ขนาดนี้
พิสุทธิ์ขมวดคิ้วน้อยๆ เขาเอาโจทย์มาตั้งให้หล่อนแล้วนั่งรอ นับถอยหลังไปพลางๆ นักเรียนของเขาไม่น่าจะกลับมาเกินสิบนาที เขาหวังว่าแบบนั้น