บทที่ 3
วาริสาเดินกัดขนมกินไปพลาง ฝีมือของพี่หมอยังไม่ตก อยากกินอะไรเป็นอันต้องได้กินทุกหน...แม้ระยะหลังนี้บางหนจะห่างกันเพราะเขาทำงานหนัก ตัวเธอเองก็เรียนปีสุดท้ายก็เรียกได้ว่าหนักพอสมควร แต่วันหยุดของเขานั้นเธอมักจะมาขลุกอยู่ด้วย เหมือนชดเชยเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเขา เพราะว่าตอนนี้เธอปิดอ่านหนังสือก่อนเข้าสนามสอบ
เธอรู้สึกวูบวาบน้อยๆ ยามที่เขาแตะต้องแบบนี้ ตอนนี้พี่หมอปัญโอบเธอไว้แล้วพาเธอเดินไปที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ความรู้สึกเหมือนไฟช็อตนิดๆ นี่คืออะไรกันนะ ไหนจะกลิ่นกายของเขาที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัว พี่หมอปัญใช้แต่น้ำหอมกลิ่นนี้ มันก็ตั้งแต่ที่เธอเลือกให้เขาในวันเกิดอายุครบ 25 ปีแล้วกระมัง เขาก็ใช้มันมาตลอด จนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัว
น้ำหอมกลิ่นเหมือนขนม อาจจะหวานไปด้วยซ้ำสำหรับผู้ชาย แต่หมอหนุ่มก็ใช้มันมาตลอด กลิ่นเด่นคือวานิลากับซีตรัส ผสมกับกลิ่นเปรี้ยวนิดๆ ของผลไม้ตระกูลเบอรี่ มันทำให้เขากลายเป็นผู้ชายน่ากิน...กลิ่นหอมสะอาด ไม่แรงมาก หอมหวานเหมือนขนม มันทำให้คนได้กลิ่นสดชื่น...ปนหิวนิดๆ ก็คนใช้น่ะน่ากินเสียขนาดนั้น
ใบหน้าเรียวได้รูป คิ้วของเขาเข้มได้รูปสวย จมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อย นัยน์ตาเรียวคมกริบ ตาของเขาเป็นชั้นเดียว ตามเชื้อชาติทางมารดา ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเรื่อจนผู้หญิงยังอาย เขาทั้งหล่อและสวยในเวลาเดียวกัน
รูปร่างสูงเพรียวถึง 183 เซนติเมตร ทำให้เขาดูโดดเด่น รูปร่างไม่หนาแต่เพรียวได้ส่วน เขามีกล้ามเนื้อแต่พอดี เพราะออกกำลังสม่ำเสมอ ไม่ได้เน้นหนักหักโหมสร้างเพาะกล้ามเนื้อซิคแพคแบบเพื่อนสนิท แต่ก็แน่นไปทั้งตัวด้วยกล้ามเนื้อ เขาออกกำลังเพราะรักสุขภาพ เนื่องจากอาชีพที่ทำนั่นแหละ ทำให้เขาเห็นความเป็นความตายบ่อย เห็นสุขภาพว่าสำคัญ จึงเจียดเวลามาออกกำลังให้ได้เท่าที่จำเป็น มันทำให้เขารูปร่างดี บวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับภาพวาดนั่นอีก มันจึงทำให้หมอปัญเนื้อหอมมาก ทว่า...เขาไร้คนข้างๆ มาสามปีแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าหมอปัญกันตำแหน่งไว้ให้ใคร
มีแต่คนลุ้นอยากจะเป็นคนนั้น
วาริสาช้อนตามองพี่ปัญของเธอ พร้อมกับกัดกินขนมแสนอร่อยไปด้วย ตอนนี้เขากำลังกดช่องทีวีดิจิตอล เพื่อเลือกให้เธอดูซีรีส์เรื่องโปรด โทรทัศน์บ้านเขาจอขนาดหกสิบสองนิ้ว พร้อมกับเครื่องเสียงอย่างดี เป็นข้ออ้างของเธอที่บอกกับมารดาว่าจะมาดูทีวีบ้านพี่หมอปัญ เพราะดูที่บ้านจอเล็กไม่สะใจ หลังๆ มานี้ท่านเหมือนจะเปรยเอ่ยเตือนลอยๆ ยามเธอมาขลุกกับพี่ชายข้างบ้านแบบดึกๆ ดื่นๆ ว่าเธอโตแล้ว เลิกเกาะติดพี่หมอได้แล้ว เพราะพี่เค้าจะรำคาญเอา
พี่ปัญรำคาญเธอหรือเปล่านะ?
ตากลมโตมองเขา เขาไม่เคยแสดงทีท่ารำคาญเธอ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขาดูมีความสุขออกยามอยู่กับเธอ วาริสาเองก็เช่นกัน พี่ชายข้างบ้านที่เหมือนกับเจ้าชายของเธอ เขาทำให้เธอมีความสุขเมื่อถูกปกป้อง ตามใจ
เขาน่ารักกับเธอจนวาริสาไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอมีความสุขได้มากเท่านี้อีกแล้ว
‘พี่หมอของแกอะ หล่อกรี๊ดมาก ยัยมิ้ม มีแฟนหรือยังนะ?’
เพื่อนจอมแก่นของเธอ ถามทักถึงเขาเกือบทุกวัน ล่าสุดก็ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องสถานะของพี่ชายข้างบ้าน วาริสาย่นจมูกน้อยๆ แฟนอย่างนั้นหรือ? พี่หมอเคยมีแฟนเหมือนกันนะ แต่ก็นานแล้ว เธอตอบตามตรง
‘มีแต่เลิกไปแล้วนะ ตอนนี้คงโสดล่ะถามทำไมหรือ’
‘พี่หมอของแกโสดแล้ว กรี๊ด ฉันอยากได้ ขอได้ไหมยัยมิ้ม’
เพื่อนเล่นขอแบบนั้น ก็เล่นเอาวาริสาทำตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มแหย
‘พี่หมอไม่ใช่ของฉันสักหน่อย แกมีปัญญาก็จัดการเองนะยะ แต่พี่หมอจะมาสนเด็กๆ อย่างเราเหรอหะ ยัยบุ้ง แกอย่าแก่แดด’
‘แหม...ไม่เด็กแล้วนะยะพวกเราอะ สิบแปดแล้ว โถว ยัยมิ้ม มีแต่หล่อนล่ะที่คิดว่าตัวเองเป็นเด็ก ยังไม่ควรอะไรเรื่องแบบนี้คนอื่นเค้าไปถึงดาวอังคารกันล่ะ ตกลงว่าแกไม่หวงพี่นอกไส้ของแกนะ ฉันขอล่ะ ตกลงตามนี้’
‘แกชอบคนแก่กว่าเป็นรอบแบบนั้นหรือยัยบุ้ง’
‘ความชอบไม่สำคัญกับรอบอายุย่ะ อีกอย่างอะ คนแก่กว่ามีประสบการณ์เยอะ อิอิ ยัยมิ้ม แกต้องหัดมีแฟนจะได้รู้ว่าคนอายุไล่ๆ กับเรา รุ่นพี่ แล้วก็รุ่นแบบว่าเหนือรุ่นพี่ มันต่างกันขนาดไหน’
ว่าแล้วก็โดนยัยตัวดีจิ้มหน้าผากเอาเบาๆ จนหน้าหงาย
ทางนั้นดูเหมือนจะรุกจริงจัง ด้วยการแอดพี่หมอปัญไป แล้วก็เคี่ยวเข็ญบอกย้ำ ให้เธอบอกให้พี่หมอให้ด้วย ว่ารับเธอเป็นเพื่อนที จะได้ลงมือ
ยัยบุ้งเอาจริงแหะ
ทำไมเธอรู้สึกไม่ชอบเลย...
เธอหวง...
วาริสารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอไม่ชอบใจเลยที่มีคนมาชอบพี่ปัญ ก็เลยทำหูทวนลมมาเกือบเดือน แต่วันนี้คงจะต้องบอกให้กับยัยบุ้งแล้วล่ะ เพราะว่าทางนั้นจี้มาถี่ๆ แถมบอกว่าถ้าเธอไม่ยอมบอกให้พี่หมอรับเพื่อนล่ะก็ จะไม่ยอมติดต่อครูสอนพิเศษมาให้ โอ๊ย...ขู่กันแบบนี้ก็ต้องยอม เพราะเธออ่อนวิชานั้นจริงๆ แล้วไม่ถึงสองอาทิตย์จะต้องสอบแล้วด้วย
เธอนั่งขัดสมาธิบนเบาะสีแดงสดรูปสตรอว์เบอร์รี่ใบที่เธอใช้ประจำยามมาบ้านเขา เอาหมอนอิงมากอดไว้ ตาของเธอยังคงแอบมองพี่ปัญ ยิ่งดูเขาก็ยิ่ง...น่าหลงใหลจริงๆ นั่นแหละ เฮ้อ...เธออะมองผู้ชายอื่นไม่เคยเห็นว่าหล่อในสายตา เพราะอยู่ใกล้กับพี่หมอสินะ เขาทำให้คนอื่นๆ ด้อยไปเลย
แถมทำให้เธอรู้สึกดี จนรู้สึกเฉยชากับผู้ชายคนไหนๆ ที่เข้ามาขายขนมจีบ ใจของเธอตั้งธงไว้เลยว่า ต้องหล่อให้เท่าพี่หมอ ดีให้เท่าพี่หมอก่อนเถอะ เธอถึงจะใจอ่อนด้วย
สาวน้อยท้าวคาง มองดูคนที่กำลังนั่งจัดแจงเปิดซีรีส์ให้เธอดู เขาขยับมานั่งข้างๆ เธอ เหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังถูกจ้อง เลยหันมายิ้มนิดๆ ให้ แล้วเอื้อมมือโคลงศีรษะเธอเล่น
“มองอะไรหืม? ยัยน้อง”
“มองพี่ปัญ”
ตอบมาเสียงตรง ก็เล่นเอาคนที่กำลังลูบผมน้องเพลินๆ ชะงัก แก้มแต้มสีเรื่อขึ้นมาเพราะความที่เขาขาว คนมองอยู่ก็เลยเห็นหน้าของเขาแดงขึ้น เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แม่ตัวเล็กหัวเราะเบาๆ กับหน้าตาแบบนั้นของพี่ชาย
“เขินอะไรอะ พี่ปัญ หน้าแดงเลยแหะ”
“เอ้า...ก็จู่ๆ เรามาจ้องพี่แบบนั้น มันก็...”
ลูบผมแก้อาการเขิน เปลี่ยนเป็นจิ้มหน้าผากน้องเล่นแทน จนหน้าน้องหงาย
“พี่ปัญอะ อะไรเขินแล้วมารังแกน้อง น้องก็แค่มองเฉยๆ มองดูดีๆ ว่าพี่ปัญทำไมถึงฮอตจังแหะ”
“ยังไง? พี่น่ะหรือฮอต”
เลิกคิ้ว ตาคมมองจ้องน้อง รู้สึกใจเต้นขึ้นแปลกๆ เมื่อน้องว่าแบบนั้น หรือว่าน้องจะคิดอะไรกับเขาแล้วบ้างนะ...ถึงได้มองเขาตาวาวๆ แบบนั้น
“ฮอตสิคะ ทำเอาใจเต้นเลย”
ว่าแล้วก็ยิ้มตาหยี คนฟังกะพริบตาปริบๆ หน้าเขาแดงขึ้นกว่าเดิม หัวใจด้วย มันเต้นแรง...อา...ภาวะแบบนี้ เขาเรียกว่าอะไรนะ ฮอร์โมนออกซิโตซินกำลังหลั่ง...มันแล่นไปทั้งกายแล้วหนอ
“มิ้มน่ะหรือใจเต้น”
ถามออกไปแล้วก็แสร้งทำหน้าเคร่ง...แก้เขินนั่นหละ หูก็ตั้งใจฟังคำตอบ ว่าถ้าน้องตอบว่าค่ะ แน่นอนว่าเขาจะต้อง...พุ่งจู่โจมน้องแน่ๆ
นั่งกันก็ใกล้แค่นี้ แค่มือแตะถึง
แค่ให้น้องเปิดทางนิดเดียว
คนคลั่งรักพุ่งโจมตีไม่คิดชีวิตเลยล่ะ
“เปล่าค่ะ ยัยบุ้งต่างหาก”
คำตอบเล่นเอาใจหดห่อลงในทันที หมอหนุ่มถอนใจ แล้วเอามือขยี้ผมน้อง พร้อมกับทำหน้าดุใส่
“หึ! ยังเด็กยังเล็ก ยังไม่ถึงวัยจะมาใจเต้น ยิ่งกับพี่เนี่ยนะ อย่าเลย มิ้มไปบอกเพื่อนมิ้มก็แล้วกัน ว่าพี่ว่ามาแบบนี้”
“โหย...พี่ปัญใจร้ายจัง ยัยบุ้งน่ารักนะคะ แล้วบุ้งก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ พี่ปัญต้องเห็นก่อนตัดสินใจนะเออ”
หล่อนว่าแจ้วๆ ไม่สนกับหน้าดุๆ ของเขา
“เด็ก เด็กเหมือนเรานั่นแหละ ยัยมิ้ม”
“มิ้มก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ”
หล่อนว่าแจ้วๆ คำว่าไม่ได้เด็กยิ่งทำให้เขานึกโมโหหน่อยๆ อ้อ...นี่ไม่ได้มองตัวเองว่าเด็ก คิดว่าตัวเองโตเป็นสาวแล้วสิ แบบนี้...
หวงน้องนั่นแหละ...
“ไม่ได้เด็กเป็นสาวแล้วงั้นสิ มีคนมาจีบแล้วหรือเราน่ะ”
“แหม...น้องสาวพี่ปัญน่ารักขนาดนี้ ก็ต้องมีเป็นธรรมดาค่ะ”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้พี่หมอของเธอหน้าตึงกว่าเดิม เสียงที่คุยกับน้องเลยห้วนดุขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ใคร? มิ้มมีแฟนแล้วสิ ไม่เห็นพามาให้พี่รู้จักบ้างเลย”
“โอ๊ย ยังไม่มีหรอกค่ะ มิ้มมีมาตรฐานในใจ ไม่มีใครผ่านสักคน”
ยัยตัวแสบว่า แล้วหัวเราะคิกคัก ทำเอาเขาถึงกับถอนใจเฮือกออกมาอย่างลืมตัว ดีนะที่น้องไม่เห็นพิรุธ เพราะมัวแต่ดูทีวี ปากก็กินขนมไปด้วย คิดได้ทีก็หันมาเกลี้ยกล่อมเขาที ให้รับสัมพันธ์กับเพื่อนของหล่อน ไว้พิจารณาในฐานะน้องสาวก็ได้
สงสัยว่าอยากจะมาทำหน้าที่แม่สื่ออะไรนักหนานะยัยน้อง
ตื๊อเขาจนเขาต้องยอมรับแอดเพื่อนจากเด็กคนนั้น หน้าตาก็น่ารักดีนั่นแหละ แถมบางส่วนบางแห่งก็ล้น...เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ภาพในโปรไฟล์อวดโชว์สรีระเสียจนเกินงาม เขามองยัยน้องของเขาที่สวมเสื้อโอเวอร์ไซซ์ตัวโคร่งสีดำสกรีนลายการ์ตูนโปรด กับกางเกงห้าส่วนลายทหาร หล่อนรวบผมเป็นหางม้า หน้าตาไม่มีเครื่องสำอาง ไม่เหมือนเพื่อนของหล่อนที่ดูจะโตเกินวัย นึกดีใจที่ยัยน้องยังคงใส...น่ารักแบบนี้ ยังไม่ทำตัวเป็นสาวจนเกินวัย ให้คนเฝ้าแฝงเป็นมดแดงเฝ้ามะม่วงต้องใจสั่นเพราะความหวง ความหึง
แบบนี้น่าจะต้องแนะนำให้ไอ้หมี
ขานั้นไม่ปฏิเสธหรอก ถ้าเด็กนี่เจอไอ้หมีเข้าก็อาจจะเปลี่ยนใจจากเขาแน่ๆ
คิดอย่างครึ้มๆ ตามใจน้องไปก่อน แล้วค่อยโอนภาระให้ตกเป็นของเพื่อนสนิท ที่ต่างจากเขาจนสุดขั้ว หมอนั่นไม่เคยปฏิเสธสาว
“ขอบคุณนะคะพี่ปัญ แบบนี้...มิ้มก็ได้คนสอนพิเศษแล้ว”
“คนสอนพิเศษ?”
เขาทวนคำ ยัยน้องของเขายิ้มจนตาหยี หน้าตาแบบนั้นทำให้เขารู้แล้วล่ะ ว่าทำไมหล่อนถึงได้ตื๊อให้เขารู้จักกับเพื่อนของหล่อนนัก
“เอาเฟซพี่ไปแลกกับครูสอนพิเศษหรือเราน่ะ”
“แหม...ไม่มีใครเสียนี่คะพี่ปัญ งานนี้มีแต่ได้ พี่ปัญอยากหล่อจนเพื่อนมิ้มทนไม่ไหวทำไมกัน แถมยัยบุ้งก็มีพี่ชายที่สอนวิชาที่มิ้มกำลังตันได้ ดีตรงสอนฟรีด้วยสิ วิน วินทั้งหมดเลยค่ะ”
“ตัวแสบ”
อดยิ้มกับความเจ้าเล่ห์นั้นไม่ได้ แล้วก็ย่นคิ้วนิดๆ เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหมว่าพี่ชายของเพื่อนหล่อน จะมาสอนพิเศษให้หล่อน
พี่ชาย = ผู้ชาย
“สอนวิชาอะไร” เกริ่นถามเผื่อจะเสนอตัวแทน น้องบอกเสียงแจ้ว
“คอมพิวเตอร์ค่ะ เรื่องเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม”
จบกัน...
หมอหนุ่มครวญในใจ เขาจะต้องเฝ้ามองสักหน่อยแล้ว มีผู้ชายมาป้วนเปี้ยนกับของหวงของเขาแบบนี้