บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 จดจำเหยื่อ

ตอนที่ 2 จดจำเหยื่อ

พลอยใสเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่ในกระเป๋าที่ธาราเป็นคนเตรียมมาให้เพราะพรุ่งนี้รถที่บ้านฮาร์เปอร์จะมารับตอนเก้าโมงเช้า

“พรุ่งนี้เราจะต้องย้ายบ้านกันแล้วนะเจ้าหมี”

เด็กสาวพูดกับตุ๊กตาตัวโปรดที่นอนกอดทุกคืน โดยไม่ลืมที่จะเก็บใส่กระเป๋าไปด้วยพร้อมกับรูปแผ่นเล็กที่เธอขอแม่แก้วมาเมื่อสองปีก่อน เป็นรูปของชายหนุ่มเมื่อครั้งที่นำเงินและของเล่นมาบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นรูปของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักแต่รู้ว่าเขาคือผู้มีพระคุณ แม้จะเป็นรูปที่มองเห็นแค่ด้านข้างแต่ก็พอมองออกว่าคนในรูปนั้นรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเพียงใด และหวังว่าสักวันเธอจะมีโอกาสได้เจอตัวจริงและขอบคุณเขาด้วยตัวเอง

เช้าวันถัดมา

พลอยใสเข้าไปกราบลาแม่แก้วซึ่งเป็นคนที่ดูแลเธอและเพื่อน ๆ มาตั้งแต่เล็กด้วยน้ำตาที่นองหน้า

“พลอยมาลาค่ะแม่แก้ว” ร่างอรชรที่กำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยสาวคลานเข่าเข้าไปหาผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาแต่อ้อนแต่ออก

“แม่ขอให้พลอยโชคดีนะลูกเป็นบุญของหนูกับเพื่อนที่คุณชาร์วีให้ความเมตตา อนาคตด้านการเรียนของพวกหนูคงไม่ลำบากแล้วแม่ดีใจด้วยจริง ๆ ไปอยู่บ้านใหม่ก็ทำตัวดี ๆ ทำให้เขารัก เป็นเด็กดี เชื่อฟังที่ผู้ปกครองสอน ตั้งใจเรียน ขอให้หนูมีอนาคตที่ดีต่อจากนี้”

แม่แก้วให้พรเด็กสาวทั้งน้ำตาเมื่อเด็กที่เลี้ยงดูมากำลังจะจากอ้อมอกไปสู่โลกภายนอก เด็กสาวสวมกอดแม่ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กร้องไห้ตัวโยน จนธาราเดินเข้ามาและเสียงร้องนั้นค่อย ๆ เงียบลง

“ฝากคุณธาราดูแลเด็ก ๆ ด้วยนะคะโดยเฉพาะพลอยใสแกเป็นเด็กดีมาก ช่วยสอนให้เธอเป็นคนที่ดีอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างปลอดภัยและเข้มแข็ง ถ้าหากว่าเธอทำอะไรผิดก็ช่วยอบรมสั่งสอนบอกพวกเขาดี ๆ นะคะ”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดี แม่แก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะครับเพราะว่าคุณชาร์วีได้เตรียมสังคมที่ดีไว้ให้กับทั้งสามคนแล้ว ส่วนพลอยใสผมจะช่วยดูแลอย่างดีไม่ต่างจากน้องสาวของผม แม่แก้ววางใจได้ครับ” ธารารับปากแม่แก้วอย่างหนักแน่นก่อนที่จะเดินไปสมทบกับเด็กสาวอีกสองคนที่กำลังหิ้วกระเป๋าเดินไปขึ้นรถ

“พลอยไปนะคะแม่แก้ว แล้วพลอยจะหาเวลามาเยี่ยมแม่แก้วบ่อย ๆ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” พลอยใสยื่นกระเป๋าให้คนขับรถก่อนจะวิ่งมากอดแม่แก้วอีกครั้งและร้องไห้

“ไปเถอะลูกแล้วถ้าว่างก็ค่อยกลับมาเยี่ยมแม่กับน้อง ๆ แล้วก็อย่าลืมที่แม่สอนนะลูก” แม่แก้วน้ำตาซึมยืนส่งเด็กสาวทั้งสามคนขึ้นรถ โดยพลอยใสถูกสั่งให้นั่งรถตู้คันเดียวกันกับธารา ส่วนอีกสองคนนั่งคันเดียวกันกับบอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วย จนกระทั่งรถเคลื่อนออกจากประตูบ้านเด็กกำพร้าไปจนลับสายตา

พลอยใสถูกพามายังบ้านหลังใหญ่ ซึ่งภายในบริเวณรั้วบ้านนั้นมีบ้านเล็ก ๆ อีกหลายหลังแยกเป็นสัดส่วนและมีสวนขนาดใหญ่อีกทั้งต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด พลอยใสรู้สึกชอบบ้านหลังใหม่แห่งนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง

“พี่ธาราคะ? อันนี้เขาเรียกว่าบ้านเหรอคะพลอยนึกว่าคฤหาสน์เสียอีก” พลอยใสตาโตหันมาถามธาราเมื่อรถตู้แล่นเข้ามาบริเวณอาณาจักรบ้านฮาร์เปอร์

“นี่คือบ้านฮาร์เปอร์ บ้านหลังใหม่ของพลอยและเพื่อน ๆ ต่อจากนี้พลอยคือสมาชิกของบ้านหลังนี้” ธาราบอกเด็กสาวและยิ้มอย่างเอ็นดู

“โห ใหญ่โตสมกับเป็นบ้านของคนรวยเลยค่ะ” พลอยใสยังคงชื่นชมภาพตรงหน้าไม่ขาดปาก เพราะตั้งแต่โตมาจนอายุสิบสามยังไม่เคยออกจากบ้านเด็กกำพร้าไปไหนไกล ๆ นอกจากไปโรงเรียนและไปซื้อกับข้าวที่ตลาดใกล้ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นบรรยากาศภายนอกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเติบโตมา

“ชอบหรือเปล่าล่ะ” ธาราถามเด็กสาวด้วยความเอ็นดู

“ชอบค่ะ แต่ก็ดูน่ากลัวมีผู้ชายชุดดำยืนเต็มกันไปหมดเลยค่ะ” แววตาสดใสฉายแววกังวลออกมาเล็กน้อยเมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ ก็เจอกับบอดี้การ์ดร่างกำยำสวมชุดสูทสีดำยืนประจำจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณบ้าน

“ไม่ต้องกลัวหรอกพวกนั้นมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนภายในบ้าน” ธาราบอกให้เด็กสาวสบายใจ ก่อนจะลงจากรถและพาไปแนะนำให้ป้าณีแม่บ้านคนเก่าคนแก่ให้รู้จักเด็กสาวทั้งสามซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านฮาร์เปอร์

“มากันแล้วเหรอคะ” ป้าณีทักขึ้นมาเมื่อเห็นธาราเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่พร้อมกับเด็กสาววัยแรกแย้มอีกสามคน

“ครับป้า ผมขอแนะนำให้รู้จักนะครับนี่พลอยใส แก้วใสและผ้าไหมครับ ทั้งสามคนคือเด็กที่คุณชาร์วีรับอุปการะส่งเสียให้เรียนต่อและให้มาช่วยงานป้าณีด้วยครับ” ธาราแนะนำเด็กทั้งสามคนที่พามาจากบ้านเด็กกำพร้าให้ป้าณีได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม

“สวัสดีจ้ะป้าชื่อป้าณี ยินดีต้อนรับสู่บ้านฮาร์เปอร์ ขอให้หนู ๆ อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขและตั้งใจเรียนกัน ส่วนงานที่จะให้คอยช่วยเหลือระหว่างอยู่ที่นี่คุณธาราบอกกับเด็ก ๆ หรือยังคะ” ป้าณีทักทายเด็กสาวทั้งสามพร้อมแนะนำตัวเองก่อนจะหันมาถามธารา

“ยังครับ เดี๋ยวผมให้ป้าณีเป็นคนจัดการชี้แจงรายละเอียดงานดีกว่าครับ เพราะงานบ้านงานเรือนผมคงไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่ถ้างาน..”

“อย่าพูดแบบนั้นให้เด็ก ๆ ได้ยินเชียวนะคะ” ยังไม่ทันที่ธาราจะพูดจบเสียงของแม่บ้านก็พูดดักขึ้น

“อะไรกันครับผมแค่จะบอกว่า งานบ้านผมไม่ถนัดแต่ถ้างานนอกบ้านผมเก่งที่สุดครับ”

“คุณวีบอกว่าถ้าคุณธารามาถึงแล้วให้ไปพบที่ห้องทำงานนะคะ” ป้าณีส่ายหัวกับคำพูดของมือขวาเจ้านายก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งประมุขของบ้านให้ชายหนุ่มทราบ

“โอเครับ ถ้าอย่างนั้นผมฝากป้าณีช่วยดูแลทั้งสามคนด้วยนะครับ แล้วก็รบกวนหาอะไรให้เด็ก ๆ ทานรองท้องไปก่อนเดี๋ยวเสร็จจากคุยกับนายผมจะมาคุยเรื่องกฎระเบียบในการอยู่ที่นี่และจะพาไปส่งที่พักเอง เด็ก ๆ ป้าณีจะคอยบอกว่าอยู่ที่นี่ต้องทำอะไรบ้างในส่วนของงานบ้านนอกเหนือจากเวลาที่ต้องไปเรียน เสร็จแล้วก็นั่งทานขนมรอก่อนนะเดี๋ยวจะพาไปดูห้องพัก ตั้งใจฟังสิ่งที่ป้าณีบอกและทานขนมให้อร่อย ส่วนเราอย่าเผลอกินขนมจนเพลินล่ะเดี๋ยวจะทำงานช่วยป้าณีไม่ไหว”

ธาราฝากฝังเด็กทั้งสามกับป้าณีพร้อมกับหันมาบอกสมาชิกใหม่ของบ้านฮาเปอร์ทั้งสามคน ก่อนจะหันไปพูดเล่นกับพลอยใสแล้วรีบเดินไปยังห้องทำงานของผู้เป็นนายทันที

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” ธาราเปิดประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาต ชาร์วีเหลือบตาขึ้นมองบอดี้การ์ดมือขวาคนสนิทก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“ไปรับมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“เรียบร้อยครับ นี่ครับประวัติทั้งหมดของเด็กทั้งสามคนที่เรารับมาอุปการะ” ธารายื่นประวัติของเด็กสาวทั้งสามพร้อมเอกสารสำคัญที่นำมาจากบ้านเด็กกำพร้ารวมทั้งใบรายงานผลการศึกษาให้ผู้เป็นนาย ชาร์วีรับมาเปิดดูทีละคนพร้อมอ่านอย่างรวดเร็วแต่จำทุกรายละเอียด ก่อนจะสะดุดตากับประวัติแผ่นสุดท้ายที่กำลังถืออยู่ในมือ

“พลอยใส วัชรพงษ์ เด็กคนนี้คือคนที่วิ่งชนฉันเมื่อหลายปีก่อนใช่ไหม” เสียงเรียบเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทในขณะที่สายตาคมกำลังจ้องมองดูรูปเจ้าของชื่อพลางคิดในใจว่าใช่เด็กน้อยที่วิ่งชนเขาในวันนั้นหรือไม่ มาวันนี้กลับโตขึ้นผิดหูผิดตาจนเขาจำแทบไม่ได้ ถ้าไม่ไล่ดูรูปในแต่ละปีที่แนบมากับเอกสารในมือซึ่งเป็นข้อมูลอัปเดตการเปลี่ยนแปลงของเด็กแต่ละคนในแต่ละปีที่ทางบ้านเด็กกำพร้าแนบมาให้ชาร์วีคิดว่าเขาก็คงจำไม่ได้แน่

“ใช่ครับ พลอยใสคือเด็กน้อยคนที่วิ่งชนนายวันนั้น” สายตาคมยังไม่ละไปจากรูปถ่ายของเด็กสาวที่กำลังยิ้มร่าอย่างมีความสุขให้กล้อง ยิ่งเป็นรูปถ่ายแผ่นสุดท้ายที่พึ่งถ่ายไปเมื่อเดือนก่อนเป็นรูปเด็กสาวที่กำลังก้าวสู่ช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังน่ารักน่าหลงใหล

“แล้วตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ที่ไหน”

“อยู่กับป้าณีครับ ป้าณีกำลังบอกเด็ก ๆ ถึงหน้าที่งานในครัวและงานบ้าน แล้วเดี๋ยวผมจะไปชี้แจงเรื่องกฎระเบียบในการอยู่ที่นี่และจะพาไปยังบ้านพัก

“อืม มึงจัดการไปได้เลยถ้าต้องการอะไรก็บอก”

“นายอยากจะเจอเด็กทั้งสามคนหรือเปล่าครับ”

ธาราถามผู้เป็นนายเผื่อว่าเจ้านายของเขาจะอยากรู้จักเด็กในปกครองของตนเองไว้ เพราะตอนนี้นอกจากสั่งให้รับเด็กมาอุปการะชาร์วีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธาราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาที่เรียน ที่พัก ซึ่งชาร์วีเพียงแค่สั่งการและจ่ายเงินเท่านั้น เด็กทั้งสามคนที่ชายหนุ่มรับอุปการะก็รู้เพียงว่าเจ้าของบ้านหลังใหญ่ที่พวกเธอย้ายเข้ามาอยู่และเป็นผู้ที่จะดูแลเรื่องการเรียนและความเป็นอยู่ของพวกเธอต่อจากนี้ชื่อว่าคุณวีเท่านั้น และยังไม่มีโอกาสที่จะได้เจอตัวจริง

“ไม่จำเป็น ฉันแค่รับมาอุปการะเพื่อส่งเสียให้ได้เรียนเพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดีในอนาคตตามเจตนารมณ์ของพ่อเท่านั้นที่ต้องการหยิบยื่นโอกาสให้เด็กที่ไม่มีโอกาสได้มีชีวิตที่ดี เมื่อเรียนจบก็แล้วแต่ชีวิตของพวกเขาจะเลือกทางเดินของตัวเอง ระหว่างนี้มึงก็คอยสอดส่องดูแลก็แล้วกัน”

“แล้วเรื่องโรงเรียนที่ผมเสนอไปให้ล่ะครับนายเลือกหรือยังว่าจะให้พวกเธอเรียนที่ไหน” ธาราถามถึงโรงเรียนที่ชาร์วีจะให้เด็กในอุปการะเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้ชาร์วีสั่งให้เขาไปหาข้อมูลมาสามสี่ที่เพื่อให้เจ้านายหนุ่มตัดสินใจ

“ส่งเรียนที่โรงเรียนนานาชาติBNทุกคน ถ้าว่างมึงก็พาไปจัดการสมัครเรียนได้เลย” โรงเรียนแห่งใหม่สำหรับเด็กในอุปการะทั้งสามคน และเป็นโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในบรรดาโรงเรียนที่ธาราส่งข้อมูลให้พิจารณา

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปจัดการพาเด็กเข้าที่พักและชี้แจงกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันให้เด็ก ๆ ทราบก่อนนะครับ ขอเอกสารคืนครับ” เมื่อรายงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยธาราจึงขอเอกสารประวัติของแต่ละคนคืนเพื่อจะได้พาไปสมัครเรียน และอีกอย่างเอกสารพวกนี้ก็ไม่ใช่เอกสารสำคัญอะไรกับเจ้านาย และคนอย่างชาร์วีก็ไม่เคยคิดเก็บอะไรที่ไม่สำคัญให้รกห้องรกสมอง แฟ้มประวัติสองแฟ้มถูกส่งคืนให้ธารา

“ของพลอยใสล่ะครับ” ธาราถามขึ้นมาอย่างแปลกใจเมื่อยืนรออยู่แต่เจ้านายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะส่งประวัติของพลอยใสคืน

“ฉันยังอ่านประวัติเด็กคนนี้ไม่จบ” เสียงเรียบบอกกับมือขวาคนสนิทก่อนจะดึงแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้ามาเปิดเซ็นเหมือนต้องการตัดบทสนทนา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel