

บทที่ 2 ลุงธนัท
“แกมาวุ่นวายอะไรตรงนี้!”
เสียงตวาดจากทางด้านหลังทำให้อิงฟ้าสะดุ้ง เธอหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ปกครองตามกฎหมาย ลุงธนัทมีรูปร่างท้วมลงพุง สวมเสื้อเชิ้ตลายพร้อย ตามลำคอและแขนประดับด้วยทองเส้นหนาจากเงินมรดกของเธอ สีหน้าเขาเคร่งเครียดดุดัน เส้นผมที่เคยดำก็เริ่มแซมขาวบ้างแล้ว นัยน์ตาสีดำตวัดมองใบหน้าสวยด้วยความหงุดหงิด ทำอิงฟ้าหน้าเจื่อนลงช้า ๆ แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป
“ทะ...ทำไมลุงต้องเอาเปียโนของฟ้าไปขายด้วยคะ”
“เฮอะ! แกเอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ จะรู้เหรอว่าการเงินที่บ้านมันย่ำแย่แค่ไหน ไอ้เปียโนนั่นมันของไร้ประโยชน์ ขาย ๆ ทิ้งไปซะ”
“แต่ฟ้าใช้อยู่นะคะ มันอยู่มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่มีชีวิตแล้ว คุณลุงขายมันไม่ได้นะ”
“อย่ามาเถียงฉัน คิดว่ามันง่ายนักเหรอกับการดูแลเด็กกำพร้าแบบแก ถ้ายังอยากใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ต่อ ก็หุบปากแล้วอยู่เฉย ๆ ซะ...เอ้า! พวกแกขนไอ้เปียโนนั่นขึ้นรถไปซะ”
ธนัทหันไปสั่งคนงานเสียงเข้ม ไม่ได้สนใจความรู้สึกของหลานสาวแม้แต่น้อย
อิงฟ้ายืนมองแกรนด์เปียโนที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็กถูกขนขึ้นท้ายรถคันใหญ่ แล้วมันก็ถูกขับออกไปจนลับตา ทำกระบอกตาเห่อร้อน จนต้องกะพริบตาปริบ ๆ ขับไล่เม็ดน้ำตา
“ยังมายืนเกะกะตรงนี้อีก! จะไปไหนก็ไปซะ”
“...”
หญิงสาวกักเก็บความเสียใจเอาไว้ ก้มหน้ารับคำแล้วหมุนตัวกลับเข้าบ้านท่ามกลางสายตาสงสารเวทนาของเหล่าคนงานที่เห็นหน้าค่าตาเธอตั้งแต่ยังเป็นคุณหนูตัวน้อยแสนร่าเริง แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้านายไม่ใช่บิดาของอิงฟ้าแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่ง แม้จะไม่พอใจก็ตาม
สองเท้าก้าวเข้ามาในตัวบ้านสองชั้นหลังใหญ่ เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ เม็ดน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาช้า ๆ เมื่อเห็นหลายมุมของบ้านโล่งต่างจากเดิม
บรรดาของมีค่าทั้งหลายของบิดามารดาถูกทยอยขนออกไปขายเรื่อย ๆ
ลุงธนัทย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตลง และสถาปนาตัวเองเป็นผู้ดูแลกองมรดกของอิงฟ้าตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้น้องสาวของแม่เธอจะแย้งในทีแรก แต่ก็เจอนิสัยแย่ ๆ ของชายโลภมากทำให้คุณน้าทำได้แค่เพียงโทรมาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเธอเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายการตัดสินใจของธนัท
ดวงตาคู่สวยสั่นระริก พร้อมหยดน้ำตาใสไหลออกมาจากหางตา เก็บกลั้นความขมขื่นเอาไว้แล้วก้าวขึ้นบันไดมายังชั้นสองของตัวบ้าน
มือบางเอื้อมคว้าลูกบิดประตูสีทอง หมุนเพียงช้า ๆ ห้องนอนอันแสนอบอุ่นที่หญิงสาวใช้นอนก็ปรากฏสู่สายตา เธอระบายยิ้มฝืน ๆ ยกหลังมือปาดคราบน้ำตาร้อนออก ก้าวเข้ามาด้านในด้วยหัวใจที่จุกหนึบ
เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างเตียง สายตาเหม่อมองภาพถ่ายในกรอบรูปบนโต๊ะ ใช้ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าที่ดูคล้ายกับเธอแผ่วเบาด้วยความคิดถึง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้งอย่างสุดกลั้น
“พ่อคะ...แม่คะ...หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง ทำไมถึงทิ้งหนูไว้ที่นี่คนเดียว”
“หนูควรทำยังไงดี หนูไม่มีความสุขเลย ขอโทษที่หนูอ่อนแอไม่เหมือนกับที่พ่อแม่เคยสอนให้หนูเข้มแข็ง” เสียงหวานสั่นเครือยามความทรงจำแสนสุขในอดีตย้อนกลับมา สลับกับฉากคืนอันเลวร้าย
อิงฟ้าฟุบหน้าลงกับโต๊ะตัวเล็ก สะอื้นไห้ด้วยความอึดอัดอ่อนล้า หัวสมองสับสนเวียนตื้อ ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำเช่นใดดี พยายามจะคุยกับธนัทเท่าไร อีกฝ่ายก็ไม่เคยฟังและยังใช้ตรรกะป่วย ๆ มาโต้เถียงเธออย่างหน้าไม่อาย หญิงสาวรู้ดีว่าที่สถานะทางการเงินย่ำแย่ถึงเพียงนี้เพราะลุงบังเกิดเกล้านำเงินของเธอไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ออกเที่ยวทุกคืน แถมยังเป็นผีพนันมือเติบ
เขาใช้เงินประกันชีวิตของคุณย่าหมดภายในไม่กี่ปีหลังจากท่านเสียชีวิต ผิดกับบิดาของเธอที่นำเงินไปลงทุนสร้างธุรกิจ และก็ยังคอยช่วยเหลือการเงินพี่ชายไม่เอาไหนของตัวเองเรื่อย ๆ นั่นจึงทำให้ธนัทได้ใจ และไม่เคยคิดจะปรับเปลี่ยนตนเอง
แม้น้ำตาจะไหลออกมามากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความเครียดในใจเธอได้เลย
อิงฟ้าเงยหน้ามองรูปคู่ของพ่อแม่เธออีกครั้งด้วยขอบตาแดงเห่อจนดูน่าสงสาร
“พ่อคะ แม่คะ ฟ้าอยากกอดพ่อกับแม่อีกครั้งจังเลย”
“สักวันหนูจะเก่งและเข้มแข็งได้เหมือนพ่อกับแม่ไหมคะ”
คนตัวเล็กถามออกไปด้วยเสียงสั่นเครือแม้จะไม่ได้รับคำตอบ พยายามย้อนนึกถึงเรื่องเล่าของบิดามารดาว่าทั้งคู่สู้ทน ฟันฝ่าหลายอุปสรรคกว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะเช่นนี้ได้ ทำให้อิงฟ้าชื่นชมพวกท่านมาก แต่แม้จะบอกให้ตัวเองลุกขึ้นต่อต้านลุงธนัทกี่ครั้ง เพียงแค่เจอน้ำเสียงดุดันไม่ยอมความของเขา ความตั้งใจของเธอก็ล้มครืนทุกครั้ง
อิงฟ้าถอนหายใจยาว ยกมือเช็ดคราบน้ำตา ฝ่ามือบางบีบกำเข้าหากันช้า ๆ รวบรวมแรงใจให้กลับมาพร้อมต่อสู้กับปัญหาชีวิตมากมายที่ถาโถมเข้ามา
อีกด้าน
“เฮ้ออออ ~ สงสารคุณหนูจริง ๆ” โรจน์คนสวนวัยกลางคนถอนหายใจยาวเอ่ยกับ ‘นัน’ คนขับรถของบ้านที่รู้จักกันมาเกือบยี่สิบปี ขณะกำลังจะทยอยกลับไปพักผ่อนยังบ้านพักคนงานด้านหลัง
“นั่นสิ คุณท่านไม่น่าเสียไปเร็วเลย คุณหนูถึงได้โดนคุณธนัทเอาเปรียบต่าง ๆ นานา”
นันชายวัยเกือบห้าสิบปีส่ายหัวทอดถอนใจในโชคชะตาของหญิงสาวที่เขาเอ็นดู ขณะกำลังแอบนินทาเจ้านายคนใหม่อย่างออกรสออกชาติ เสียงตะโกนอย่างคนบ้าอำนาจก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาของลุงทั้งสอง
“ไอ้นัน! อยู่ไหนวะ ไอ้นัน!”
“ครับ ๆ คุณธนัท”
คนขับรถประจำบ้านรีบร้องขานรับ วิ่งกระหืดกระหอบออกไปจากห้องพักเล็ก ๆ ด้านหลังตัวคฤหาสน์ แล้วก็พบชายร่างท้วมยืนหน้าเข้มอยู่บริเวณสวนหน้าที่พักคนงาน
“มาแล้วครับคุณธนัท มีอะไรเหรอครับ”
“ไปเตรียมรถ กูจะออกไปข้างนอก” ชายท้วมสั่งเสร็จก็หมุนกายจากไป ไม่สนใจสีหน้าลำบากใจของคนขับรถแม้แต่น้อย
นันเบ้หน้า รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะไปไหนดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้ คงหนีไม่พ้นบ่อนใหญ่ใจกลางเมืองเหมือนทุกครั้ง แม้จะไม่พอใจในตัวธนัทมากแค่ไหน แต่เขาก็เป็นเพียงลูกจ้างไม่มีสิทธิ์พูดอะไร จึงได้แต่ก้มหน้าแยกไปนำรถยุโรปคันเก่าของครอบครัวขับมาจอดรอหน้าบ้าน สักพักใหญ่ธนัทก็เปิดประตูหลังขึ้นนั่งประจำที่
คนขับรถนิ่วหน้ากับกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกที่ลอยมาสัมผัสจมูก สายตามากประสบการณ์มองผ่านกระจก ขมวดคิ้วปลงใจกับรสนิยมการแต่งตัวของอีกฝ่าย
“ไปโรงแรมแกรนด์ เดอ ลาส”
“ครับ”
รถยุโรปราคาแพงเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่ในเวลาเกือบ 2 ทุ่ม มุ่งหน้าออกไปยังถนนเส้นหลักใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมแกรนด์ เดอ ลาส ตามที่ธนัทต้องการ
โรงแรมแกรนด์ เดอ ลาส
แม้ป้ายด้านหน้าจะเขียนว่าโรงแรม แต่คนในละแวกนี้ต่างก็รู้ดีว่าแท้จริงที่นี่คือบ่อนคาสิโนใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีฝรั่งตาน้ำข้าวหน้าหล่อเป็นเจ้าของธุรกิจ
ธนัท ก้าวลงจากรถ ยืดอกด้วยความย่ามใจมุ่งตรงไปยังทางเข้าสุดหรูของอดีตโรงแรมห้าดาว ซึ่งมีชายร่างกำยำในชุดสูทสองคนยืนเฝ้าอยู่
เพียงแค่เห็นหน้าผู้มาใหม่พวกเขาก็โค้งศีรษะผายมือให้ลูกค้าประจำทันทีด้วยความนอบน้อม ชายท้วมยิ้มกริ่มภาคภูมิใจกับอำนาจบารมีตนเอง ทำให้ชายฐานะธรรมดารู้สึกลำพองใจเหลือเกิน เขาเชิดหน้าก้าวผ่านการ์ดทั้งคู่เข้าสู่ด้านใน
พื้นถูกปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีแชนเดอเลียร์ราคาแพงระยิบให้ความสว่างไสว ตลอดสองข้างทางของบ่อนหรูประดับประดาด้วยรูปปั้น แจกันหรูให้ความรู้สึกเหมือนกับหลุดเข้ามาในพระราชวัง
ยิ่งเป็นเวลาหัวค่ำเช่นนี้ทำให้มีบรรดาลูกค้าหน้าคุ้นเคย แวะเวียนมาใช้บริการกันคับคั่ง
“อ้าวคุณธนัท วันนี้ก็มาเหรอครับเนี่ย”
เปรมชัย นักธุรกิจวัยเกือบหกสิบปีเอ่ยทักชายท้วมท่าทางสนิทสนม ซึ่งเขาก็รีบเดินเข้าไปประจบประแจงนักธุรกิจผู้มั่งคั่งผู้นี้ทันที
“สวัสดีครับคุณเปรม ไม่เจอหน้ากันนานเลย”
“ใช่ ๆ ก่อนหน้านี้ผมป่วยอยู่โรงพยาบาลเสียหลายเดือน”
“เป็นอะไรมากไหมครับเนี่ย”
“ฟอกไตน่ะ ดีขึ้นเยอะแล้วไม่ต้องห่วง” เปรมชัยหัวเราะน้อย ๆ ส่ายหัวราวกับเรื่องการป่วยของเขาเป็นเรื่องเล็กน้อย
ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมที่ถูกเปลี่ยนเป็นเลานจ์ต้อนรับ มีพนักงานหน้าตาดีแวะเวียนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เหล่าลูกค้ากระเป๋าหนักก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปยังส่วนคาสิโนด้านบน
ด้วยเพราะมรดกของน้องชายทำให้ธนัทมีสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกคาสิโนหรูแห่งนี้ นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผีพนันทำหลังจากน้องชายและน้องสะใภ้เสียชีวิต และด้วยสินทรัพย์ที่เขาถือครองในตอนนั้นทำให้ทางคาสิโนที่เข้มงวดที่สุดตอบรับการสมัคร ธนัทจึงได้มีโอกาสรู้จักเหล่านักการเมือง เศรษฐีในแวดวงสังคมใหม่ที่ตลอดชีวิตเขาไม่เคยเจอ ทำให้ธนัทยิ่งเสพติดและหลงใหลกับการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนชั้นสูง
เหล่าชายวัยกลางคนพูดคุยกันครู่ใหญ่ก็ย้ายกันไปเสี่ยงดวงยังโซนคาสิโนด้านบนโรงแรมหรู ซึ่งจะแบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งวงพนันแบบเปิดและห้องพนันส่วนตัวสำหรับลูกค้าวีไอพี นอกจากเกมน่าลุ้นระทึกให้เหล่าผู้ชอบความเสี่ยงได้สนุกสนานแล้ว ทางคาสิโนแห่งนี้ยังมีความบันเทิงหลากหลายแบบเอาไว้คอยบริการลูกค้าอีกด้วย
มีบาร์เครื่องดื่มและดนตรีสดให้ลูกค้ามานั่งชิลจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สบายอารมณ์ หรือจะร้านอาหารสุดหรูที่มีอาหารนานาชาติ และจุดขายอีกอย่างของที่นี่คือสาว ๆ หน้าตาดีมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาดูแลเอาใจใส่ แต่หากว่าต้องการผ่อนคลายกับเนื้อสาวหวาน ๆ ก็เพียงแค่ต้องจ่ายเงินในราคาสูงลิบ เท่านั้นทางคาสิโนก็จะจัดห้อง และเครื่องดื่ม พร้อมสาวที่ต้องการมาคอยบริการอย่างถึงอกถึงใจตลอดคืน
ไม่แปลกที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องการเข้ามาใช้บริการ เพราะนอกจากจะได้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างไร้กฎแล้ว ยังได้อวดฐานะอำนาจตัวเองไปด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ธนัทลุ่มหลงจนเสียเงินหลายล้านให้กับคาสิโนแห่งนี้ตลอดหลายปีจนสมบัติที่มีพร่องไปมาก ครั้งนี้เขาตั้งใจมาถอนทุนคืน เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในฐานะเช่นนี้ต่อไป
สามชั่วโมงต่อมา
แอร์ด้านในเย็นเฉียบแต่ชายท้วมกลับเหงื่อแตกพลั่ก สองมือกุมประสานกันแน่นขณะเฝ้ามองลูกเหล็กหมุนรอบรูเล็ตต์ สายตาหลุกหลิกมองกระดานที่ตนวางเดิมพันกับวงล้ออย่างลุ้นระทึก
“สูง สูง สูง” ธนัทเอ่ยเบา ๆ ยืนลุ้นตัวเกร็ง ซึ่งรอบข้างเขาก็มีเหล่าชายหนุ่มต่างอายุต่างอาชีพยืนลุ้นไปด้วยกับเดิมพันก้อนโตเพราะเขาวางเงินถึงหนึ่งล้านบาทกับเกมในครั้งนี้
“สูง ๆ สู้เขาพี่ธนัท” นักธุรกิจหนุ่มรุ่นราวคราวลูกคนหนึ่งโอบไหล่ชายร่างท้วม ช่วยเขาลุ้นไปด้วย แม้ตัวเองจะแทงตัวเลขอื่นก็ตาม
ดีลเลอร์สาวหน้าสวยคลี่ยิ้มหวานเฝ้ามองบรรยากาศครึกครื้น ก่อนจะมองวงล้อที่ชะลอตัวลงและลูกเหล็กกลม ๆ ก็หยุดที่ช่องหนึ่งแต่ก็ยังไม่อาจจะเห็นเลขนั้นได้ชัด
หัวใจชายท้วมเต้นระรัวหลับตาปี๋เฝ้าสวดภาวนาหวังว่าจะได้เงินคืนบ้างหลังเสียพนันไปเกือบ 3 ล้านภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ่อนแห่งนี้
“เฮ้ ~”
“โห่ ~”
เสียงโห่ร้องและเฮฮาดังขึ้นเมื่อวงล้อหยุดหมุน ธนัทค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองลูกเหล็กตกไปยังช่องเลข 17 ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเครียดก็เริ่มซีดเซียวลงช้า ๆ แข้งขาอ่อนแรงจนต้องใช้มือเกาะโต๊ะเพื่อพยุงกาย
“เสียดายฉิบ นิดเดียวเองพี่ธนัท ครั้งต่อไปแทงอะไรดีพี่”
เด็กหนุ่มหัวเราะสนุกสนานไม่ได้สนใจสีหน้าย่ำแย่ของชายที่เพิ่งเสียพนันไป 4 ล้านบาทแม้แต่น้อย ดีลเลอร์คนสวยกวาดชิปของผู้แพ้เดิมพันไป และให้บรรดานักพนันวางเดิมพันสำหรับรอบใหม่ต่ออย่างรวดเร็ว
ธนัทกัดปากบีบขอบโต๊ะแน่นด้วยความเครียด มองชิปอีกไม่กี่เหรียญตรงหน้าด้วยความลังเล
“เชิญวางเดิมพันได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะหมุนลูกเหล็กกันแล้ว”
“พี่ธนัท แทงยังไงดี”
“...”
เสียงพูดคุยสนุกสนาน และเสียงกดดันรอบทิศทาง ทำชายวัยกลางคนเหงื่อตก หัวใจในอกซ้ายเต้นโครมครามตื่นตัวสุดขีดครุ่นคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อในขณะที่หญิงสาวหัวโต๊ะเริ่มนับเวลาถอยหลัง
“5”
“4”
“3”
“พี่ธนัทจะไม่ลงเหรอเนี่ย ไม่สู้หน่อยอะพี่”
“2”
“1”
ปึก!
ชิปทั้งหมดถูกวางลงที่กระดานทางฝั่งสูงอีกครั้ง ก่อนที่จะหมดเวลาปิดวางเดิมพัน พร้อมเสียงสูดปากลุ้นระทึกจากเหล่านักพนันคนอื่น ๆ เพราะครั้งนี้ธนัทวางเดิมพันไปถึงสามล้านบาท เรียกว่าหากโชคช่วยเขาจะสามารถถอนทุนที่เสียก่อนหน้าคืนได้ทั้งหมด
“ปิดรับการวางเดิมพันรอบนี้ค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงใสก่อนจะเริ่มหมุนวงล้อพร้อมจังหวะหัวใจถี่รัวของเหล่าผีพนันรอบทิศทาง ต่างลุ้นภาวนาให้โชคเข้าข้างตัวเอง บางส่วนก็ยืนกอดอกมองว่าครั้งนี้ธนัทจะเสียเงินจนหมดตัวไหม
ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีแต่กลับเหมือนยาวนานเป็นชั่วโมง วงล้อหมุนช้าลง ขณะลูกเหล็กยังคงกระเด้งกระดอนไม่หยุด
“สูงสิโว้ย ขอละ!” ธนัทสบถด้วยความเครียดจัด สันกรามถูกขบกรอด ๆ ฝ่ามือก็ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ลุ้นตัวโก่งว่าลูกกลม ๆ มันจะไปหยุดลงที่ตรงไหน
“แปดดำ”
