บทที่ 4 ชาวบ้านแตกตื่น 4/1
บทที่ 4 ชาวบ้านแตกตื่น
เซี่ยเจียวหงไม่รอช้า จึงมองหาต้นไม้ใหญ่ที่พอจะปีนขึ้นได้ถ้าให้ปีนต้นเล็กเธอเชื่อว่าต้นไม้กิ่งคนจะหักก่อนที่เธอจะได้หมูป่ากลับบ้าน แต่เพราะรูปร่างไม่เอื้ออำนวยการปีนขึ้นต้นไม้ครั้งนี้ทุลักทุเลพอสมควร
พอขึ้นมาถึงเธอจึงเห็นหมูป่าเพียงสองตัวเท่านั้น หญิงสาวจึงไม่ลังเลหยิบธนูออกมาก่อนจะเล็งไปที่หมูป่าตัวที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว และต่อด้วยตัวที่สอง เธอเองก็ไม่คิดว่าร่างที่อ้วนจนน่ารำคาญจะสามารถยิงหมูป่าตายได้เพียงธนูดอกเดียว
“เป็นไปได้เหรอที่ร่างนี้จะแข็งแรงถึงขั้นยิงหมูป่าตายได้ด้วยธนูดอกเดียว หรือว่าเป็นเพราะฉันเข้ามาอยู่ร่างนี้ พละกำลังจึงมีมากกว่าคนทั่วไป แต่การที่จะปีนลงนี่สิโคตรหนักใจเลยเจียวหง”
เมื่อคิดว่าต้องปีนลงเซี่ยเจียวหงเลยถอนหายใจขึ้นมา แต่ยังดีว่าตอนลงไม่ลำบากเท่าตอนปีนขึ้น เมื่อเท้าแตะถึงพื้นเธอจึงรีบวิ่งไปด้วยร่างที่อ้วนท้วนเพื่อไปหาหมูป่าที่ฆ่าได้ทั้งสองตัว
“แล้วจะเอากลับอย่างไรละเนี่ย”
ทำไมมีแต่เรื่องยากละเนี่ย หมูป่าสองตัว มันกับหน่อไม้อีกสามกระสอบ ยังมีปลาอีกเป็นสิบตัว
เซี่ยเจียวหงจึงลองใช้มือยกขาหมูป่าข้างหนึ่งเพื่อจะลากมาที่เธอวางหน่อไม้ไว้ แต่กลับกลายเป็นเธอยกมันอย่างง่ายดาย คราวนี้เธอเข้าใจแล้วว่าพละกำลังที่เธอมีอาจจะเป็นเพราะเธอทะลุมิติเข้ามา
หญิงสาวจึงหาเถาวัลย์เพื่อมัดขาของหมูป่าไว้ ก่อนจะลากมาด้วยท่าทางปกติเพื่อนำมารวมกับหน่อไม้และมันป่าที่เธอหาไว้ก่อนหน้านี้
จากนั้นเธอไปหาไม้เอามาทำแคร่ไว้ลากเอาหมูป่าและกระสอบหน่อไม้และมันทั้งสามกระสอบลงจากเขา เธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเสร็จ ดังนั้นจึงใช้เถาวัลย์มาผูกกับเอวไว้ก่อนจะทำการลากออกมาจากป่าชั้นกลาง
ในใจนั้นคิดว่าเธอคงต้องเข้าป่าบ่อย ๆ เสียแล้ว หมูป่าตัวใหญ่ทั้งสองตัวหากไปหาแผงแล่เนื้อขายคงได้เงินมากพอที่จะสร้างบ้านที่เธอต้องการได้ หมูป่าหนึ่งตัวก็น่าจะร้อยกว่ากิโลแล้ว โดยที่เธอเองก็รู้ว่าสมัยนี้ขายเนื้อนับหน่วยวัดเป็นชั่ง ซึ่งหนึ่งชั่งจะอยู่ที่ห้าร้อยกรัมถึงหกร้อยกรัมเท่านั้น เธอจึงเดินลงจากเขากลับบ้านด้วยรอยยิ้ม
กลับมาที่นางหลิงมู่และสองแฝด ทั้งสามคนเดินมาที่ร้านค้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อมาถึงจึงสั่งข้าวสารห้าชั่ง ไข่ไก่สิบฟอง และลูกอมให้หลานทั้งสองหนึ่งห่อ และยังมีพวกเครื่องปรุงอีกหลายอย่าง
“หล่อนไปรวยอะไรมาถึงได้สั่งของมากมายขนาดนี้”
นางหม่าซื่อเป็นคนอัธยาศัยดี บางครั้งที่สามคนย่าหลานมาซื้อของเธอยังให้แถมไปบ้าง เพราะรู้ดีว่าซือเฉิงซานไปทำงานต่างเมืองยังไม่กลับมา ส่วนลูกสะใภ้ ไม่ต้องพูดถึง ยิ่งคิดก็ช้ำใจแทบ แต่พอได้ยินคำตอบของนางหลิงมู่ นางหม่าซื่อแทบหงายหลัง
“อาหงให้เงินมาซื้อ เธอบอกว่าให้ซื้ออาหารให้พอหนึ่งอาทิตย์ และลูกอมให้เด็ก ๆ”
นางหลิงมู่ยิ้มแย้มตอบกลับไป พร้อมกับยื่นเงินให้ประมาณสิบหยวน นี่คงเป็นเงินที่เธอถือเยอะที่สุดหลังจากที่ลูกชายจากไปทำงาน
“ดีแล้วที่เจียวหงคิดได้ สงสารสองแฝด”
พูดจบก็ปรายตามองสองแฝดที่กำลังแกะลูกอมให้กันอย่างมีความสุข
เมื่อได้ของครบแล้วนางหลิงมู่เลยพาหลานทั้งสองคนกลับมาที่บ้าน พอไม่เจอลูกสะใภ้จึงคิดว่าเซี่ยเจียวหงคงเข้าป่าไปอย่างที่พูด เธอจึงเอาข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บไว้ในครัวด้วยหัวใจที่อิ่มเอม
ตลอดทางเซี่ยเจียวหงหยุดพักเป็นว่าเล่น แม้ว่าจะไม่หนักมากจนเดินไม่ไหวแต่เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยนี่แหละ เมื่อมาถึงป่าชั้นนอกก็พบชาวบ้านมากมายที่มาหาของป่า รวมถึงนางกวงหลินและลูกชายที่เพิ่งจะไปเก็บกับดักเสร็จแต่สองแม่ลูกกลับไม่ได้อะไรมาเลยนอกจากผักป่าไม่กี่ชนิด