บทที่ 7 สหายต่างวัย
"อร่อยจัง นี่เป็นมื้อแรกที่ข้ากินข้าวหมดสามชาม ขอบคุณพี่สาวมาก"
เสิ่นเป่าเอ่ยไปยิ้มแย้มไป เขาลูบพุงของตนพร้อมกับเรอออกมา ไป๋จินเซียงมองดูเด็กน้อยตรงหน้าและยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู
เมื่อเสิ่นเป่ากินอิ่มแล้ว ไป๋จินเซียงก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางจึงซักถามเขา
"เสิ่นเป่า เจ้าบอกว่าเจ้าจำตำแหน่งของบิดาเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจำชื่อบิดาของเจ้าได้หรือไม่"
"แน่นอน"
เสิ่นเป่าตอบอย่างรวดเร็ว
"บิดาข้ารูปงามองอาจ เป็นบุรุษรูปงามที่สุดในเมืองหลวง เขาชื่อว่าเสิ่นอี้ และข้าก็ถ่ายทอดความงดงามมาจากเขา"
ไป๋จินเซียงที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลันสำลักออกมาทันที ก่อนจะถามเสิ่นเป่าอย่างรวดเร็ว
"เจ้าบอกว่าบิดาเจ้าชื่อว่าอะไรนะ"
"เสิ่นอี้"
"เสิ่นอี้หรือ"
"ถูกต้อง ท่านจะตกใจทำไมนักหนา เก็บท่าทีตกใจไว้ตอนเจอบิดาข้าก่อนเถอะ รับรองว่าจะต้องตกตะลึงในความหล่อเหลาแน่นอน"
ไป๋จินเซียงมองดูท่าทางแก่แดดแก่ลมของเสิ่นเป่าก็อดขำออกมาไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงเสิ่นอี้นางก็ลอบสูดปาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีบุตรชายโตถึงเพียงนี้แล้ว
อยู่ๆ ความรู้สึกเศร้าใจก็พาดผ่านจิตใจของนางไป
เมื่อคิดว่าเขาคงมีภรรยารออยู่ที่เมืองหลวงแล้ว นางก็อดปวดใจไม่ได้
ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกเช่นนี้กับเขา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่บังควรเลยแม้แต่น้อย เขามีภรรยาแล้ว นางจะแต่งเข้าไปเป็นภรรยารองหรืออนุของเขาเช่นนั้นหรือ
นางไม่เอาหรอก นางไม่มีทางแย่งสามีของผู้ใดเด็ดขาด
เสิ่นเป่าที่เห็นว่าไป๋จินเซียงเงียบไปเลยอ้าปากถามนาง
"พี่สาวท่านเงียบไปทำไมกัน"
ไป๋จินเซียงพลันได้สติกลับคืนมา ก่อนจะยิ้มให้เสิ่นเป่า และยื่นมือไปเช็ดคราบอาหารออกจากมุมปากของเขา
"เจ้าน่ารักน่าชังถึงเพียงนี้ มารดาของเจ้าจะต้องเป็นสตรีที่งามมากเลย ใช่หรือไม่"
เสิ่นเป่าเมื่อได้ยินไป๋จินเซียงเอ่ยถึงมารดา เขาก็ดวงตาแดงก่ำก่อนจะร้องไห้โฮออกมา ไป๋จินเซียงพลันทำสิ่งใดไม่ถูก นางไม่เข้าใจว่าแค่นางเอ่ยถึงมารดาเหตุใดเสิ่นเป่าจะต้องร้องไห้ขนาดนี้ด้วย หรือว่าเขาไม่ชอบให้ผู้ใดพูดถึงมารดาของเขากันนะ
"ข้าขอโทษ เอาละๆ ข้าไม่ถามเจ้าแล้ว"
เสิ่นเป่ายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับไป๋จินเซียง
"พี่สาว ข้าไม่มีแม่แล้ว ฮือ ท่านแม่ข้าตายไปแล้ว"
ตายไปแล้ว!
ไป๋จินเซียงตกใจไม่น้อย ที่แท้ภรรยาของเสิ่นอี้ตายไปแล้วเช่นนั้นหรือ
นางไม่ได้รู้สึกดีใจเลยด้วยซ้ำ แต่กลับสงสารเสิ่นเป่าเสียมากกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินเข้าไปหาเสิ่นเป่าก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาและเช็ดน้ำตาให้ พร้อมกับตบหลังเด็กน้อยเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม ไม่นานเสิ่นเป่าก็ดีขึ้น
นางเข้าใจดี ความรู้สึกที่ขาดแม่นางเองก็เคยพบเจอมาแล้ว
เสิ่นเป่าสูดน้ำมูกใส่แขนเสื้อของไป๋จินเซียง แต่นางกลับไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
"เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่จวน ข้าพอจะรู้แล้วว่าที่พักของเจ้าอยู่ที่ใด"
"จริงหรือ"
"แน่นอนสิ"
เสิ่นเป่ายิ้มออกมาได้แล้ว เขาจึงเอ่ยถามนางบ้าง
"พี่สาวท่านชื่ออะไรหรือ"
"ไป๋จินเซียง"
"พี่ไป๋จินเซียง ข้าชอบท่านจังเลย"
ด้านเสิ่นอี้นั้นยามนี้เขากำลังตามหาเสิ่นเป่าด้วยความร้อนใจ ตามหามาครึ่งค่อนวันแล้วก็ยังไม่พบเจอบุตรชายของตน เสิ่นอี้ร้อนใจเป็นอย่างมาก เสิ่นเป่าเป็นแก้วตาดวงใจของเขา เป็นสิ่งมีค่าเดียวที่เยี่ยนหนิงทิ้งเอาไว้ให้เขา แต่เขากลับสะเพร่าห่วงแต่ทำงานจนไม่ได้ดูแลบุตรชายให้ดี เขาช่างเป็นบิดาที่แย่เสียยิ่งกว่าแย่
หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเสิ่นเป่า เขาไม่มีวันให้อภัยตนเองเด็ดขาด
ในขณะที่เริ่มจะหมดหวัง เขาพลันได้ยินเสียงพูดคุยสนทนาอย่างถูกคอ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่แสนคุ้นเคย เสิ่นอี้รีบหันขวับไปมอง ภาพตรงหน้าทำให้เขาถึงกับถอนหายใจออกมา
เสิ่นเป่ายามนี้กำลังขี่หลังของไป๋จินเซียง นางกึ่งเดินกึ่งวิ่ง พร้อมกับหยอกเย้าเสิ่นเป่าไปด้วย บุตรชายเขาก็หัวเราะชอบใจเสียเหลือเกิน
"เสิ่นเป่า!"
ไป๋จินเซียงและเสิ่นเป่ารีบเงยหน้ามามองพบว่าเป็นเสิ่นอี้นั่นเอง เสิ่นเป่ายกมือขึ้นโบกไปมา ตะโกนร้องเรียกบิดาของตน
"ท่านพ่อ ท่านพ่อ!"
ไป๋จินเซียงวางเด็กน้อยลง พร้อมกับมองดูเสิ่นเป่าวิ่งเข้าไปกอดบิดาของตนอย่างดีอกอีใจ เสิ่นอี้อุ้มเสิ่นเป่าขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาไป๋จินเซียง
"ไม่ทราบว่าบุตรชายของข้าเหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้าได้เล่า เขารบกวนเจ้าหรือไม่"
ไป๋จินเซียงส่ายหน้าไปมา ยิ้มกว้าง
"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไปเจอเขานั่งร้องไห้อยู่ที่ตรอกข้างตลาด คราแรกสอบถามไม่ได้ความใด เขาบอกว่าหิว ข้าจึงพาเขาไปกินอาหารที่บ้านข้า จึงได้ทราบว่าเขาเป็นบุตรชายของท่าน ข้าจึงพาเขามาส่ง ขอโทษที่ไม่ได้ส่งคนไปแจ้งท่านก่อน"
เสิ่นอี้คลี่ยิ้มน้อยๆ
"ไม่เป็นไร ขอบคุณเจ้ามากที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี เขากินอาหารไปมากหรือไม่ ข้าจะจ่ายให้"
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าชอบเขามากเลย ข้าไม่คิดเงินหรอก หากวันไหนเขาเหงาก็สามารถมาเล่นกับข้าได้"
เสิ่นอี้เพียงพยักหน้ารับเล็กน้อย เขาเจอเรื่องเช่นนี้มามาก มีสตรีมากมายที่เข้าหาเสิ่นเป่าเพราะอยากใกล้ชิดกับเขา ทว่าไป๋จินเซียงไม่ได้แสดงท่าทียั่วยวนหรือส่งสายตาใดๆ ให้เขาเลยแม้แต่น้อย
บางทีนางอาจจะไม่เหมือนหญิงสาวเหล่านั้นก็ได้
เสิ่นเป่ามองคนทั้งสองลลับกันไปมา ก่อนจะเอ่ย
"ท่านพ่อ พี่ไป๋จินเซียงทำอาหารอร่อยมาก ทั้งยังนิสัยดี น่ารัก ไม่เหมือนกับสตรีที่เมืองหลวง ข้าชอบนาง ท่านต้องดีกับนางนะขอรับ นางเป็นสหายรักของข้า พี่ไป๋จินเซียง นับแต่นี้เรามาเป็นสหายกันนะ"
"ได้สิ"
ไป๋จินเซียงพยักหน้ารับคำ เสิ่นเป่าตบมือชอบใจ เสิ่นอี้เมื่อเห็นว่าบุตรชายปลอดภัยดี จึงคิดจะพาเขากลับจวน ก่อนกลับยังหันมาเอ่ยขอบคุณไป๋จินเซียงอีกครั้งและจากไป
ไป๋จินเซียงมองตามหลังสองพ่อลูกไปจนลับสายตา ก่อนที่รอยยิ้มบนหน้าจะเลือนหายไป
เดิมทีนางไม่ได้คาดหวังให้เขาขอบคุณนาง แต่ท่าทีที่เขาแสดงกับนางออกจะเย็นชาไปหน่อย แต่นางก็พอเข้าใจได้
นางมันก็แค่หญิงบ้านนอก ไม่ได้งดงามเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ขุนนางเช่นเขาคงไม่คิดจะสนใจนางอยู่แล้ว
เฮ้อ การแอบชอบมันเป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ
นางไม่เข้าใจว่า ตนเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับเสิ่นอี้ตั้งแต่เมื่อใด อาจจะเพราะเขาหล่อเหลา สุภาพไม่เหมือนคนอื่นที่นางเคยเจอ หรือเพราะว่านางหวั่นไหวไปเอง
ไป๋จินเซียงถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหลังเดินกลับจวนตระกูลไป๋ของตน
สองวันต่อมา เสิ่นอี้ก็พบกับปัญหาใหญ่ที่เสิ่นเป่าก่อขึ้น
เด็กน้อยไม่ยอมกินอาหารที่แม่ครัวในจวนทำ บอกว่าไม่อร่อยไม่ถูกปาก ต้องการกินอาหารที่ไป๋จินเซียงทำเท่านั้น
น้อยครั้งนักที่เสิ่นเป่าจะสนิทสนมกับสตรีอื่นนอกจากมารดา แต่ครั้งนี้เขากลับชอบไป๋จินเซียงมากขนาดนี้เลยหรือ
ชายหนุ่มจับมือของบุตรชาย พลางสั่งสอนเขา
"เป่าเอ๋อร์ เจ้าจะรบกวนนางไม่ได้ อีกอย่างเจ้าก็เพิ่งรู้จักนางได้ไม่นาน จะไว้ใจนางเช่นนี้ไม่ได้ แต่ก่อนเจ้าก็ไม่เห็นชอบเข้าใกล้สตรีคนใดนอกจากท่านแม่ของเจ้า แล้วเหตุใดจึงไปสนิทสนมกับสตรีแปลกหน้าได้เล่า"
เสิ่นเป่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองบิดาตนอย่างไม่พอใจ
"ท่านพ่อนางเป็นสหายข้า ท่านระวังคำพูดด้วย ท่านต่อว่าสหายของบุตรชายเช่นนี้ใช้ได้อย่างไร"
เสิ่นอี้ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เขาถอนหายใจออกมา พลางออกอุบาย
"เป่าเอ๋อร์ เจ้ากินข้าวสักคำ แล้วพ่อจะพาไปขี่ม้าดีหรือไม่"
"ไม่! ข้าจะกินอาหารฝีมือพี่ไป๋จินเซียง ฮือ ข้าจะกิน หากท่านไม่ให้ข้ากิน ข้าจะนอนร้องไห้อยู่ตรงนี้"
เสิ่นอี้ "...."