บทที่ 2 เมืองฉางเยว่
เมืองฉางเยว่
"เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา วันนี้เหลาสุราซือจี๋มีสุรารสเลิศมาขายอีกแล้ว วันนี้ผู้ใดสั่งสุราสองไห ที่ร้านจะมอบเนื้อตุ๋นให้หนึ่งจาน เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา"
สตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าเหลาสุราซือจี๋เอ่ยเรียกลูกค้าด้วยน้ำเสียงหวานใส พร้อมกับตีกลองไปด้วย สร้างความสนใจให้แก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่น้อย ไม่นานนักผู้คนก็เดินข้ามาที่เหลาสุรา ลูกค้าเริ่มเบียดเสียดแน่นขนัดตา
"ซินซิน ไปเอาเนื้อตุ๋นมาเพิ่มที"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
สาวใช้น้อยรับคำ ก่อนจะไปจัดการตามที่เจ้านายสั่งในทันที
"จินเซียง เอาสุรามาเพิ่มที"
"เจ้าค่ะท่านพ่อ"
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบไปนำสุราที่เก็บเอาไว้ในห้องหมักสุราออกมาเพิ่มอีกหลายไห
หญิงสาวนามว่าไป๋จินเซียง ปีนี้มีอายุสิบเก้าปีแล้ว นางเป็นบุตรสาวเจ้าของเหลาสุราซือจี๋ เหลาสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางเยว่
เดิมทีนางไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ นางมาจากยุคปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เพราะนางล้มป่วยจนเสียชีวิต จู่ๆ วิญญาณของนางมาอยู่ในร่างของสตรีนามว่าไป๋จินเซียง สตรีที่มีชื่อเดียวกับนาง อีกทั้งยังมีใบหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝดอีกด้วย บิดาของนางในยุคโบราณนี้เป็นเจ้าของเหลาสุรา ส่วนมารดาตายจากไปนานแล้ว นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวเขาจึงรักนางเป็นอย่างยิ่ง แรกเริ่มไป๋จินเซียงคิดไม่ตกว่าจะต้องทำเช่นไร นางพยายามหาทางออกเพื่อจะกลับไปยังโลกอนาคตหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับจนปัญญา เมื่อกลับไปไม่ได้แล้ว นางจึงต้องตั้งสติ และเริ่มใช้ชีวิตที่นี่จนคุ้นชิน โชคดีที่ต้นตระกูลของนางในโลกปัจจุบันมีความรู้เชี่ยวชาญเรื่องสุราหลายชนิด นางจึงนำมาประยุกต์หลายสูตร จนกระทั่งได้สูตรที่ใช้ได้ ขายทำกำไรงอกเงยมากมาย โรงสุราที่อื่นไม่อาจสู้ร้านของนางได้ และนางก็ใช้กลยุทธ์การลดแลกแจกแถมจากยุคปัจจุบันมาใช้ที่นี่ จึงค่อนข้างทำกำไรได้สูงมาก
ในขณะที่ไป๋จินเซียงกำลังนำสุรามามอบให้ไป๋จงผู้เป็นบิดา นางก็ได้ยินเสียงผู้คนในร้านสนทนากันเสียงดังเซ็งแซ่
"นี่พวกเจ้าได้ยินข่าวใหม่หรือไม่ อีกไม่กี่วันจะมีเจ้าเมืองคนใหม่มาประจำการที่เมืองฉางเยว่ด้วย"
ชายร่างอ้วนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะมีชายร่างผอมอีกคนเอ่ยสมทบขึ้นมา
"เหอะ เขาก็คงเหมือนเจ้าเมืองคนก่อนๆ ที่เอาแต่รีดไถประชาชน เห็นผิดเป็นชอบ รับสินบนจากคนมีอำนาจ กดขี่พวกเรา!"
เมื่อได้ยินชายร่างผอมพูดเช่นนั้นทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ไป๋จินเซียงละสายตาจากบรรดาลูกค้าที่สนทนากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เมืองฉางเยว่นี้นับว่าเป็นเมืองที่ไม่เล็ก และเป็นเมืองที่สวยงามมีธรรมชาติรายล้อม แต่เพราะอยู่ติดชายแดนถนนหนทางสัญจรค่อนข้างลำบากจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนแวะเวียนมาเท่าใดนัก จะมีก็แต่พ่อค้าต่างเมืองที่มาค้าขายและทหารที่แวะเวียนมาดื่มสุราเพียงเท่านั้น
ทว่าก่อนหน้านี้ท่านเจ้าเมืองคนก่อนๆ ล้วนเป็นพวกกังฉิน ไม่บ้าอำนาจก็บ้าตัณหา หรือไม่ก็เห็นแก่เงิน มีพวกอันธพาลและคนมีอำนาจรีดไถส่วยจากคนทำการค้า ประชาชนอยู่อย่างยากลำบากเพราะไม่อาจพึ่งพาทางการได้ อย่างไรเสียก็ไม่มีทางขจัดคนชั่วเช่นนี้ออกไปได้
เจ้าเมืองคนใหม่ผู้นี้ไม่รู้ว่าจะเป็นพวกกังฉินเช่นคนก่อนๆ อีกหรือไม่?
ไป๋จินเซียงคร้านจะสนใจ นางจัดการงานของตนเองต่อไป จนกระทั่งเวลาเย็นย่ำก็มีคนของนายอำเภออู๋มาที่เหลาสุราของนาง บอกว่าอยากได้สุราชั้นดีไปมอบให้ท่านเจ้าเมืองที่มาใหม่ เวลานี้ท่านเจ้าเมืองเดินทางมาถึงแล้ว กำลังพักอยู่ที่จวนเจ้าเมือง
ไป๋จินเซียงส่ายหน้าไปมา คนของนายอำเภออู๋มาทีไร ย่อมเอาสุราที่ร้านของนางไปโดยไม่ยอมจ่ายเงินสักอีแปะ บอกว่าเป็นค่าภาษีที่ต้องจ่ายเพียงเล็กน้อย
สารเลว หลอกกินไม่จ่ายละสิไม่ว่า!
แม้ในใจจะสบถด่าทอ แต่เบื้องหน้าไป๋จินเซียงกลับยิ้มแย้มต้อนรับ จะให้ทำเช่นไรได้เล่า นางเองก็ไม่อยากให้บิดาเดือดร้อน แม้จะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมแต่กลับไม่อาจทำอะไรได้ เสียหายเพียงเล็กน้อย ดีกว่าเดือดร้อนจนทำการค้าไม่ได้มิใช่หรือ?
ด้านเสิ่นอี้ที่เดินทางมาถึงเมืองฉางเยว่แล้วก็เข้าพักยังจวนเจ้าเมืองที่ทางการจัดเตรียมเอาไว้ให้ เมื่อมาถึงเขาก็พบว่าที่นี่ตกแต่งอย่างหรูหรา หรูหราเสียยิ่งกว่าห้องนอนที่จวนของเขาเสียอีก เสิ่นอี้ทอดสายตามองนายอำเภออู๋ก่อนจะออกคำสั่ง
"รื้อออกไป ข้าไม่ชอบความหรูหราเกินเหตุเช่นนี้"
"ขอรับท่านเจ้าเมืองเสิ่น ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นสุราขึ้นชื่อของเมืองฉางเยว่ เชิญท่านลองดื่มดูขอรับ หากชอบข้าน้อยจะไปนำมาให้อีก"
นายอำเภออู๋พูดจาประจบระแจง ก่อนจะจัดการรินสุราให้เสิ่นอี้อย่างเอาอกเอาใจ เสิ่นอี้มองจอกสุราตรงหน้าแต่ไม่ได้ยกขึ้นดื่มในทันที
ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่เมืองฉางเยว่เขาได้สืบความเป็นมาไม่น้อย พบว่าผู้คนที่นี่ทุกปีต้องประสบกับอุทกภัยที่แก้ไขไม่ได้เสียที อีกทั้งนายอำเภออู๋ผู้นี้ก็เป็นพวกไม่เอาไหน ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ขูดรีดราษฎร บริหารจัดการงานไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเป็นคนที่ชินอ๋องน้องชายของอดีตฮ่องเต้เสนอมา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการรักษาหน้าท่านอาตนจึงไม่อาจปริปากโต้แย้งได้ อีกทั้งเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ เป็นช่วงที่บัลลังก์ยังไม่มั่นคง การจะขัดแข้งขััดขากับคนเก่าก่อนในราชสำนักนับว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าใดนัก
เสิ่นอี้ถอนหายใจออกมา เห็นทีการที่เขามาที่นี่จะต้องมีงานยากรอให้เขาจัดการไม่มากก็น้อยเสียแล้ว
ชายหนุ่มยกจอกสุราขึ้นดื่ม พบว่ารสชาติดีและแปลกใหม่เป็นอย่างยิ่ง เขายิ้มให้นายอำเภออู๋ ก่อนจะเอ่ย
"สุราดี"
นายอำเภออู๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี แล้วแนะนำ
"เหลาสุราซือจี๋ เป็นร้านขึ้นชื่อของเมืองฉางเยว่เราขอรับ"
"อืม พวกท่านกลับไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องมาคอยต้อนรับข้า ข้าเองก็อยากพักแล้ว พรุ่งนี้จะได้สะสางงานที่ท่านเจ้าเมืองคนเก่าทำค้างเอาไว้”
"ขอรับๆ"
นายอำเภออู๋เอ่ยจบก็เดินออกมาจากจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อออกมาแล้วเขาก็หันมาสั่งกับคนของตนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"จับตาดูท่านเจ้าเมืองคนใหม่เอาไว้ ข้าได้ยินว่าเขาเป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา"