บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 บุรุษโรคจิต

เพราะยามนี้เป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิอากาศจึงค่อนข้างดีเป็นอย่างมาก เช้าวันต่อมาหลังจากรับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จางลู่หลินก็มุ่งหน้าออกจากจวนไปทันที อีกไม่นานก็จะต้องแต่งงานแล้ว นางไม่รู้ว่าสามีของนางจะเป็นพวกโรคจิตชอบขังภรรยาเอาไว้แต่ในห้อง หรือเป็นพวกหัวโบราณชอบให้สตรีหมอบกราบหรือไม่ อย่างไรตอนนี้นางจะต้องหาอิสระให้ตนเองเสียหน่อย

โรงน้ำชาเหวินไหล

จางลู่หลินมองป้ายชื่อโรงน้ำชาตรงหน้าคราหนึ่ง โรงน้ำชาเหวินไหลเป็นโรงน้ำชาอันดับหนึ่งในเมืองหลวงหนานฉี ทุกๆวันจะมีการแสดงจากคณะละครเลื่องชื่อให้ดูชม ทั้งยังมีการร่ายรำจากเหล่าสาวงาม แล้วยังมีขนมและอาหารเลิศรสอีกมากมายเอาไว้บริการลูกค้า จางลู่หลินในชาติก่อนชอบความบันเทิงเริงรมย์ นางเที่ยวสถานที่อโคจรทุกคืนเพราะที่บ้านมีฐานะร่ำรวย ในยุคโบราณเช่นนี้มีที่เที่ยวไม่มากนัก โรงน้ำชา เหลาสุราก็นับว่าเป็นสถานที่ผ่อนคลายที่ไม่เลวนัก

ไม่รู้ว่านางจากมาเช่นนี้พ่อแม่ในยุคปัจจุบันจะเศร้าเสียใจมากสักเพียงใด

นางเคยลองคิดหาวิธีกลับไปยังโลกปัจจุบันแต่กลับไม่เป็นผล ในเมื่อกลับไปไม่ได้ย่อมต้องยอมรับความจริงเสีย

"แม่นางน้อย ท่านช่างเลือกเวลามาได้เหมาะเจาะเลย วันนี้โรงน้ำชาเหวินไหลของเรามีละครเรื่องใหม่ ชื่อเรื่องว่า พระชายาที่รัก รับรองว่าสนุกแน่นอน"

เถ้าแก่โรงน้ำชาถึงกับออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยตนเองอย่างหาได้ยาก เขาเอ่ยกับจางลู่หลินอย่างนอบน้อม จางลู่หลินเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก นางมองสำรวจโดยรอบพบว่าบรรยากาศภายในโรงน้ำชาแห่งนี้ไม่เลวเลย

"ข้าอยากได้ที่นั่งบนชั้นสองที่สามารถมองเห็นคณะละครได้ชัดเจน"

"เชิญขอรับ อ้อ โต๊ะชั้นสองค่อนข้างมีราคาแพงมาก"

"พูดมากจริง ข้ามีปัญญาจ่ายเงินให้เจ้าก็แล้วกัน"

"ข้าน้อยเพียงเอ่ยหยอกเย้าเพียงเท่านั้น เชิญคุณหนูขอรับ"

จางลู่หลินพาหลิงหลิงและตงฟางเดินเข้ามาในโรงน้ำชาด้วยกัน นางให้ตงฟางมาเป็นสาวใช้ข้างกาย เพราะตงฟางทำงานเก่งและยังมีเรื่องสนุกมาเล่าให้นางฟังมากมาย

หญิงสาวเยื้องย่างเดินขึ้นไปบนชั้นสองอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางมีบุรุษมากหน้าหลายตามองมาที่นางด้วยความสนใจ อาจเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวเล่าลือว่านางกำลังจะได้อภิเษกสมรสกับองค์ชายใหญ่ จึงทำให้ยิ่งเป็นจุดสนใจของผู้คนในโรงน้ำชาไม่น้อย

เหล่าบุรุษมองนางอย่างนึกเสียดาย ส่วนเหล่าสตรีก็มองนางด้วยแววตาริษยา แต่จางลู่หลินคร้านจะใส่ใจ นางเดินมาหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ พร้อมกับสั่งขนมและน้ำชามาหลายอย่าง รออยู่ไม่นานน้ำชาและขนมชั้นดีก็มาวางอยู่ตรงหน้า พร้อมกับยามนี้คณะละครก็เริ่มทำการแสดงแล้ว

“นี่หลิงหลิง ตงฟาง นั่งลงสิ จะยืนอยู่ทำไมกัน”

หลิงหลิงและตงฟางมองหน้ากันคราหนึ่ง เป็นหลิงหลิงที่เอ่ยขึ้นมา

“บ่าวสองคนเป็นเพียงสาวใช้ นั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”

จางลู่หลินเมื่อได้ยินก็เข้าใจได้ว่ายุคนี้มักจะแบ่งแยกฐานันดรศักดิ์กันอย่างชัดเจน นางพยักหน้าเล็กน้อย และแบ่งขนมให้สาวใช้ทั้งสองอย่างไม่ตะหนี่ถี่เหนียว

จางลู่หลินชมละครตรงหน้าอย่างสนใจ เรื่องที่แสดงวันนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องของสตรีนางหนึ่งที่แต่งเข้ามาเป็นพระชายาองค์ชายแทนน้องสาว สุดท้ายเพราะความดีของนางจึงทำให้องค์ชายเสเพลหลงรักจนหมดหัวใจ

จางลู่หลินลอบส่ายหน้าไปมา น้ำเน่าสิ้นดี ความดีบางครามันก็เปลี่ยนใจคนไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไม่ห่างกันนักมีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาบนชั้นสองไม่ไกลจากโต๊ะของจางลู่หลินเท่าใดนัก เขาสวมผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง อีกทั้งยังแต่งกายคล้ายบัณฑิต ชายหนุ่มยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับปรายตามองจางลู่หลินอย่างไม่ใส่ใจ

"องค์.."

"หุบปาก ข้าบอกแล้วว่ายามที่ออกมานอกจวนอย่าเรียกข้าเช่นนี้"

หลี่เหว่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ จี้เฟินองค์รักษ์ของเขาช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย เขาอยากเที่ยวชมความบันเทิงสำราญใจไม่อยากตกเป็นที่จับจ้องของใครจึงปลอมตัวเข้ามา

"นั่นคือคุณหนูจวนใด"

เขาเอ่ยพร้อมกับยกมือชี้ไปที่จางลู่หลิน เขาจำได้ว่าสตรีนางนั้นคือสตรีคนเดียวกันที่ทุบตีบุรุษหน้าหอนางโลมเมื่อหลายวันก่อน

จี้เฟินหันมองไปตามมือของหลี่เหว่ย และรีบเอ่ยตอบ

"เรียนนายท่าน นางคือคุณหนูจางลู่หลิน ว่าที่พระชายาเอกของท่านอย่างไรเล่า"

ว่าอย่างไรนะ!

หลีเหว่ยถึงกับพ่นน้ำชาออกมาจากปากแทบจะทันควัน มารดามันเถอะ พระชายาเอกของเขาอย่างนั้นหรือ

ไหนเสด็จพ่อบอกว่านางเป็นสตรีที่อ่อนหวานนุ่มนวลอย่างไรเล่า

นุ่มนวลกับผีน่ะสิ เสด็จพ่อต้องตามืดบอดไปแล้วเป็นแน่

สตรีใจคอหยาบกระด้างเช่นนี้น่ะหรือที่จะแต่งเข้ามาเป็นพระชายาเอกของเขา!

จางลู่หลินที่กำลังดื่มชาชมคณะละครพลันรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองนางอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงหันขวับไปมอง แต่กลับพบว่าไม่มีใครเลยสักคน ม่ีแต่บุรุษที่ใช้ผ้าปิดหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากนางเท่าใดนัก อีกทั้งยังนั่งท้าวคางหลับตาราวกับไม่ใส่ใจโลกเสียอย่างนั้น

นางคงคิดมากไปกระมัง

การแสดงละครจบลงแล้ว จางลู่หลินเบื่อหน่ายเกินจะทน ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเลยสักนิดเดียว นางเดินออกมาจากโรงน้ำชา ประจวบเหมาะกับที่บุรุษปิดหน้าคนนั้นก็เดินออกมาจากโรงน้ำชาเช่นเดียวกัน จางลู่หลินไม่ได้สนใจ นางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิงและตงฟางทันที

"ได้ยินว่าในเมืองหลวงมีโรงพนันอยู่แห่งหนึ่ง ข้าอยากไปชมเสียหน่อย"

หลิงหลิงตกใจเป็นอย่างมากรีบเอ่ยทัดทานเจ้านายอย่างร้อนรน

"คุณหนูเจ้าคะ สถานที่เช่นนั้นไม่เหมาะกับสตรีนะเจ้าคะ"

"ผู้ใดมันตั้งกฎขึ้นมากัน ว่าสตรีเข้าโรงพนันแล้วไม่เหมาะ ทีบุรุษยังเข้าได้เลย คร่ำครึเกินจะทน สตรีเล่นการพนันไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้าจะไปโรงพนัน รีบพาข้าไปเดี๋ยวนี้"

เอ่ยจบนางก็สั่งให้คนขับรถม้าพาไปที่โรงพนันทันที หลี่เหว่ยย่นหัวคิ้ว เขารีบตามจางลู่หลินไปอย่างลับๆ

เขาจะไปดูเสียหน่อยว่านางจะทำสิ่งใดต่อไป หากว่านางเป็นพวกไม่เอาไหน เขาจะกราบทูลเสด็จพ่อขอให้ยกเลิกการแต่งงานนี้เสีย เดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากแต่งงานอยู่แล้ว

เมื่อมาถึงโรงพนันก็พบว่ามีชายหนุ่มร่างสูงหน้าบากคนหนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตู เขาใช้สายตาคมจ้องมองนางอย่างพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่เมื่อจางลู่หลินยื่นตั๋วเงินให้เขาสองร้อยตำลึง บอกว่าจะเข้าไปเล่นการพนันด้านใน เขาก็ต้อนรับนางเป็นอย่างดี จางลู่หลินให้หลิงหลิงและตงฟางรออยู่ที่รถม้าไม่ต้องตามนางเข้าไป

จางลู่หลินเล่นการพนันทุกอย่างสลับหมุนเวียนกันไป ทักษะการเล่นของนางนับว่าดีไม่น้อย ผ่านไปชั่วครู่ก็ได้เงินมาจำนวนไม่น้อย เล่นอยู่นานแล้วรู้สึกเบื่อจึงคิดจะกลับ ทว่ากลับมีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามารั้งแขนของนางพร้อมเอ่ยวาจาแทะโลม

"แม่นางน้อย เจ้ากำลังมือขึ้นจะรีบกลับไปทำไมกัน มิสู้มาเล่นกับพี่ชายอีกสักตาหนึ่งดีหรือไม่ เล่นเสร็จแล้วพวกเราก็ไปต่อกันที่อื่น จวนข้ากำลังต้องการสาวงามไปเป็นอนุอยู่พอดี"

จางลู่หลินยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเท้าเตะเสยปลายคางบุรุษปากมากผู้นั้นจนสลบเหมือด หลี่เหว่ยที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับสะดุ้งตกใจเป็นอย่างมาก

นางทุบตีคนอีกแล้ว หยาบกระด้างจิตใจเลวร้ายเป็นที่สุด!

จางลู่หลินไม่สนใจบุรุษบัดซบผู้นั้นอีก นางคิดจะกลับเพราะได้เงินมามากพอแล้ว ในขณะที่กำลังจะเดินออกมาจากโรงพนันนางกลับมองเห็นบุรุษที่สวมผ้าปิดหน้ากำลังมองนางอยู่ จางลู่หลินจำได้ว่านางพบเขาที่โรงน้ำชาก่อนหน้านี้ เหตุใดยังมาเจอเขาที่โรงพนันอีก นางรู้สึกว่ามันดูแปลกๆ

หรือว่าเขาจะตามนางมา

เมื่อคิดได้อย่างนั้นจางลู่หลินก็ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น นางแกล้งเดินนวยนาดไปที่รถม้า ก่อนจะหันขวับกลับมาและพบกับชายหนุ่มปิดหน้าคนนั้นอีกครั้ง เขาเดินตามนางมาจริงๆ

หลี่เหว่ยถึงกับตกใจไม่น้อย เขาไม่คิดว่าจางลู่หลินจะรู้ตัวเร็วเช่นนี้ นางปรายตามองเขาอย่างเย็นชาพร้อมกับเดินเข้ามาหาเขาอย่างเกรงกลัว

"นี่พี่ชาย ท่านตามข้ามาหรือ มีเรื่องใดกับข้าหรือไม่"

จางลู่หลินเอ่ยถามหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ชายหนุ่มถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกับมองจางลู่หลินอย่างนึกรังเกียจ

"ข้าไม่ได้ตามเจ้า ข้าไม่มีทางตามสตรีจิตใจหยาบกระด้างเช่นเจ้า"

จางลู่หลินเบ้ปากคราหนึ่ง นางตวัดสายตามองหลี่เหว่ยอย่างไม่สบอารมณ์

"เช่นนั้นก็ไสหัวไปสิ มาตามข้าทำไมกัน น่ารำคาญ"

หลี่เหว่ยไม่คิดเลยว่าจะถูกสตรีเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขา โทสะจึงพุ่งประทุทันที จางลู่หลินด่าเขาเสร็จก็หันหลังเดินจากไป เขาทนไม่ไหวคิดจะตามนางไปและบอกว่านางไม่คู่ควรกับเขา แต่ผู้ใดจะรู้ว่าอยู่ๆจางลู่หลินก็หันหลับมา และยกเท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาของเขาอย่างเต็มแรง หลี่เหว่ยพลันทรุดลงกับพื้น จี้เฟินที่เห็นเหตุการณ์ก็คิดจะปรากฏตัวเพื่อช่วยเจ้านาย แต่กลับถูกหลี่เหว่ยตวัดสายตาห้ามเอาไว้เสียก่อน

มารดามันเถอะ นางเตะท่อนสวรรค์ของเขา

"จำไว้ อย่ามารุ่มล่ามกับสตรีอีก และข้าไม่ใช่สตรีน้อยอ่อนหวานอ่อนโยนที่ท่านจะมาเกี้ยวพาอย่างหน้าไม่อายได้ ขืนยังไม่ฟังคราวหน้าข้าเตะเสยปลายคางท่านแน่"

เอ่ยจบนางก็จากไป ทิ้งให้หลี่เหว่ยนั่งกุมเป้าอยู่หน้าโรงพนันอย่างน่าเวทนา

วังหลวง

"เสด็จพ่อเสด็จแม่ นางเตะหว่างขาลูกจริงๆนะพ่ะย่ะค่ะ จี้เฟินองค์รักษ์ของลูกก็เห็นกับตา นางไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่พวกท่านคิดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ งานแต่งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว!"

ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับหันมามองสวีฮองเฮาคราหนึ่ง สวีฮองเฮายกถ้วยชาขึ้นดื่ม พร้อมกับเอ่ยถามหลี่เหว่ยอีกหน

"นางเตะเจ้าจริงๆหรือ ให้ตายเถอะ"

เมื่อเห็นว่าเสด็จแม่ดูเหมือนจะเข้าข้างและเห็นดีเห็นงามกับการยกเลิกงานแต่ง หลี่เหว่ยก็รีบใส่ไฟจางลู่หลินหนักเข้าไปอีก

"พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งนางยังทุบตีบุรุษอื่น เข้าโรงพนันเป็นว่าเล่น สตรีเช่นนี้ไม่เหมาะจะเป็นพระชายาของลูก ขืนให้นางแต่งเข้ามา นางอาจจะทุบตีลูกจนพิการก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"

สวีฮองเฮาพยักหน้า ก่อนจะยิ้มและเอ่ยกับหลี่เหว่ย

"เป็นสตรีที่น่าค้นหาทีเดียว เรื่องเข้าโรงพนันไว้ข้าจะสั่งสอนนางเอง"

หลี่เหว่ยหนังตากระตุก เขารีบเอ่ยถามมารดาด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัย

"เสด็จแม่ เอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน"

"จะอันใดอีกเล่าเจ้าลูกโง่นี่ แม่ชอบนางมากทีเดียว นางถึงกับกล้าทุบตีเจ้าเช่นนั้นแม่ก็วางใจได้แล้ว หลังจากแต่งงานกัน หากเจ้ายังไม่เอาไหนอีก นางจะได้ทุบตีสั่งสอนเจ้า ให้ตายเถอะ แม่อยากเห็นนางเตะเสียปลายคางเจ้าสักครั้งจริงๆ"

หลี่เหว่ย "......."

ช่วยบอกเขาที เขาใช่บุตรที่เสด็จแม่คลอดออกมาจริงๆใช่หรือไม่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel