บทที่ 1 คุณหนูใหญ่จาง
ราชครูจางมองบุตรสาวของตนที่ยามนี้กำลังกินขนมพุทราหวานอย่างสบายอารมณ์คราหนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าจางลู่หลินเปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนราวกับกลายเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น
ส่วนจางลู่หลินนั้นเมื่อกินขนมอิ่มแล้ว นางก็หันมามองบิดาของตนและเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
"ท่านพ่อ ท่านจะตีข้าโดยไม่เอ่ยถามความเป็นไปให้รู้แจ้งเสียก่อน เช่นนี้ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าคะ ท่านเอาแต่ฟังความจากคนอื่นแต่ไม่ยอมไต่ถามต้นสายปลายเหตุจากบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อย เดิมทีข้าเห็นว่าสตรีน้อยนางหนึ่งถูกเอาตัวมาขายที่หอนางโลม คนที่เอานางมาขายให้กับหอนางโลมก็คือแม่เลี้ยงใจชั่ว ข้าเองเข้าใจนางเป็นอย่างดีจึงช่วยนางจากคนใจบาปพวกนั้น ท่านพ่อ ท่านเป็นขุนนางแท้ๆควรจะดีใจที่บุตรสาวทำความดีสิเจ้าคะ ไม่ใช่เอาแต่ด่าๆเช่นนี้ ท่านเป็นบิดาประสาอันใดกัน"
ราชครูจางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะ เขามองไปที่ด้านหลังของจางลู่หลินก็พบว่ามีสตรีน้อยคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นงันงกอยู่ บุตรสาวไม่ได้โกหก แต่อย่างไรเขาย่อมต้องสั่งสอนนางให้รู้จักคำว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ
"แต่เจ้าทุบตีบุรุษที่หอนางโลมอย่างไรย่อมไม่สมควร ไม่มีสตรีจวนใดเขาทำกัน อีกอย่างเจ้าจะแต่งงานอยู่แล้ว ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับหักหน้าข้าและไม่ให้เกียรติองค์ชายใหญ่หรอกหรือ"
จางลู่หลินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย แล้วจึงปรายตามองไปที่มารดาเลี้ยงอย่างเย็นชา
"ท่านพอใจหรือยังที่ทำให้ท่านพ่อตำหนิข้าได้น่ะ วันๆไม่รู้จักทำตัวให้เกิดประโยชน์ กลับเอาเวลาไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น"
“ลู่หลิน เจ้าอย่าเอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้นะ”
ราชครูจางรีบเอ่ยปรามบุตรสาวทันใด
“ข้าพูดผิดหรือ ท่านพ่อเองก็รู้ดีแก่ใจนี่เจ้าคะ”
ราชครูจางนิ่งเงียบไปในทันที เขาหันไปมองภรรยาของตนเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนโง่ อย่างไรย่อมมองออกว่าภรรยาและบุตรสาวคนโตไม่ได้ปรองดองกันสักเท่าใดนัก
อย่างไรจางลู่หลินก็เป็นบุตรสาวคนโตของเขา นางเองก็กำพร้ามารดามาตั้งแต่แบเบาะ ก่อนตายเขารับปากมารดาของนางว่าจะดูแลนางให้ดี แต่บางครั้งกลับทำไม่ได้ตามที่สัญญาเอาไว้ ในใจของราชครูจางจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก วาจาที่กำลังจะพ่นด่าทอบุตรสาวพลันจุกอยู่ที่ลำคอไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้อีก
เมื่อเห็นว่าบิดาคลายโทสะลงแล้ว จางลู่หลินก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก
ก่อนหน้านี้นางกำลังดื่มเหล้าอยู่ในผับ เพราะเมามากแล้วจึงคิดจะขับรถกลับบ้านเสียหน่อย ผู้ใดจะรู้นางกลับขับรถชนสะพานทำให้รถของนางร่วงลงไปในแม่น้ำ นางเสียชีวิตอย่างทรมาณ เมื่อได้สติรู้ตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองมาอยู่ในร่างของจางลู่หลิน บุตรสาวคนโตของจวนท่านราชครูที่มีอายุสิบเจ็ดปีเต็ม อีกทั้งสตรีนางนี้ยังมีชื่อแซ่และใบหน้าที่เหมือนกับนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
จากหญิงสาวในยุคปัจจุบันกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีในยุคโบราณ แรกเริ่มนางยังทำใจยอมรับไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังจะต้องมาเจอมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้งอีกด้วย
มารดาเลี้ยงของนางเป็นสตรีจากจวนตระกูลไป๋ บิดานางเป็นขุนนางมีหน้ามีตาไม่น้อย นางมีน้องชายน้องสาวต่างมารดาซึ่งเป็นฝาแฝดกัน นามว่าจางหยวนและจางเสวี่ย สองพี่น้องนรกนี่ชอบสรรหาเรื่องมากลั่นแกล้งนาง ที่เจ้าของร่างเดิมต้องตกน้ำจนป่วยตายก็เพราะถูกจางเสวี่ยผลักตกน้ำและล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิต
ร่างนี้อ่อนแอไม่เบา นางต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีเรี่ยวแรงอย่างเช่นตอนนี้
ด้านจางฮูหยินมารดาเลี้ยงที่เห็นว่าจางลู่หลินไม่ถูกลงโทษก็ลอบโมโหโทโสอยู่ในใจ นางลูกเลี้ยงชั่วนี้ เหตุใดจึงไม่ตายๆไปเสียนะ
ก่อนหน้านี้คิดว่าหลังจากจางลู่หลินตายไปแล้ว จางเสวี่ยบุตรสาวของนางก็จะได้แต่งเป็นพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่แทน ในภายภาคหน้าย่อมต้องได้เป็นมารดาของแผ่นดิน แต่ผู้ใดจะรู้ จางลู่หลินที่หมดลมหายใจเพราะตกน้ำตายไปก่อนหน้านี้กลับฟื้นขึ้นมาเสียก่อน
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโมโห อยากจะแช่งให้จางลู่หลินตายวันละหลายสิบหน
แต่เมื่อได้เห็นแววตาของสามีที่มองนางอย่างไม่พอใจ นางจึงไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมาอีก ตั้งแต่จางลู่หลินฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีใครรังแกนางได้อีกเลย เพราะนิสัยของนางเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
หรือว่ามีผีมาสิง!
ด้านจางลู่หลินที่เห็นว่าอย่างไรตนย่อมไม่ถูกลงโทษแล้วก็บิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน วันนี้นางทุบตีคนมาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ หญิงสาวหันมาเอ่ยกับบิดาอย่างไม่ใส่ใจ
"ท่านพ่อข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ อ้อ อย่าลืมให้ห้องครัวทำอาหารรสเลิศมาให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ"
จางลู่หลินกำลังจะเดินกลับเรือนตนแต่พลันคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ นางจึงเดินเข้าไปหาบิดา ราชครูจางมองบุตรสาวอย่างหวาดระแวงเล็กน้อย จางลู่หลินโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบบางอย่างที่ข้างหูของบิดาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"ท่านพ่อ ตั๋วเงินที่ท่านให้มาก่อนหน้านี้ ข้าใช้ไถ่ตัวสตรีน้อยนางนั้นไปหมดแล้ว ขอกู้เงินเพิ่มอีกสักห้าร้อยตำลึงได้ไหมเจ้าคะ ไว้ข้าแต่งงานแล้วจะเอามาคืนให้ท่าน"
ราชครูจางรู้สึกว่าตนเองแข้งขาอ่อนขึ้นมาเสียดื้อๆ
มารดามันเถอะ นี่ลูกหรือโจรกันนะ ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็ไถเงินเขาไม่หยุดเลย!
“วันพรุ่งข้าจะให้คนเอาไปให้ที่เรือน”
แม้ในใจจะก่นด่า แต่เขากลับไม่ได้ตระหนี่กับบุตรสาวแต่อย่างใด
เมื่อกลับมาถึงห้องนอน จางลู่หลินก็ทิ้งกายลงนอน ไม่นานนักสาวใช้ก็ยกอาหารเข้ามา ก่อนหน้านี้นางได้ให้ ตงฟาง หญิงสาวที่นางช่วยมาจากหอนางโลมไปพักที่เรือนคนใช้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยแจกแจงหน้าที่ให้รับผิดชอบ
"คุณหนู อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ"
จางลู่หลินหันไปมอง หลิงหลิง สาวใช้น้อยคนสนิทข้างกายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเดินไปที่โต๊ะอาหาร ระหว่างที่กำลังกินอาหาร สมองของจางลู่หลินก็คิดถึงเรื่องที่นางจะต้องแต่งงานขึ้นมา
ได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นถึงองค์ชายใหญ่ผู้สูงศักดิ์ นางยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง ได้ยินเพียงชื่อเสียงและคำเล่าลือเล่าอ้างจากคนภายนอกว่าองค์ชายใหญ่เป็นพวกไม่เห็นหัวใครอีกทั้งยังมีนิสัยหยาบกระด้างและชอบเสพสุราเคล้านารี ให้ตายเถอะ เวรกรรมอันใดกันทำให้นางต้องมาแต่งให้กับบุรุษเฮงซวยเช่นนี้
ในขณะที่จางลู่หลินกำลังกินอาหารอย่างสำราญใจ ก็ได้ยินเสียงของจางเสวี่ยที่เอ่ยกับนางอย่างดูแคลน
"เหอะ คิดว่าได้แต่งกับองค์ชายใหญ่แล้วจะสุขสบายอย่างนั้นหรือ พี่ใหญ่ ท่านแย่งองค์ชายใหญ่ไปจากข้า ข้าขอสาปแช่งให้ท่านทุกข์ใจไปจนวันตาย!"
จางลู่หลินเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อจางเสวี่ยเห็นว่าจางลู่หลินไม่สนใจตนก็รีบตรงเข้ามาปัดชามข้าวบนโต๊ะของพี่สาวจนร่วงตกแตกกระจัดกระจายเต็มพื้น ยามนี้ท่านพ่อออกไปด้านนอกแล้ว ย่อมสะดวกที่นางจะกลั่นแกล้งพี่สาวต่างมารดาผู้นี้ได้ตามใจชอบ
จางลู่หลินเงยหน้าไปมองจางเสวี่ยอย่างเย็นชา จะทำอะไรก็ช่างเถิด แต่มาทำลายอาหารมื้อพิเศษของนางช่างบังอาจยิ่งนัก!
"พี่ใหญ่ ท่านจะ อร๊าย!!"
จางเสวี่ยยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกจางลู่หลินยกเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องอย่างรวดเร็ว แรงถีบของพี่สาวไม่เบาเลย ทำเอานางลอยละล่องออกไปนอกห้อง นอนราบอยู่บนพื้นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด
"จางเสวี่ย ข้าไม่ใช่พี่สาวอ่อนแอคนเดิมที่เจ้าจะรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว นับแต่นี้หากพวกเจ้าคนใดกล้าเสนอหน้ามาสร้างปัญหาให้ข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ไสหัวไป!"
อยู่ๆจางเสวี่ยก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางรู้สึกหวาดกลัวจางลู่หลิ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อไม่อาจรังแกพี่สาวต่างมารดาได้ จางเสวี่ยจึงให้สาวใช้ช่วยพยุงนางกลับเรือน จางหยวนที่ได้ยินว่าจางเสวี่ยถูกจางลู่หลินทำร้ายก็คิดจะไปเอาคืนให้น้องสาว แต่สุดท้ายก็โดนจางลู่หลินทุบตีจนหัวแตกวิ่งร้องไห้กลับเรือนไปอีกคน จางฮูหยินที่เห็นเช่นนั้นก็กัดฟันหรอกแต่กลับไม่กล้าไปหาเรื่องลูกเลี้ยงเพราะกลัวจะโดนถูกตีกลับมาอีกคน
ตกเย็นเมื่อราชครูจางกลับมาและได้ยินว่าในจวนเกิดเรื่อง เขาจึงเรียกจางลู่หลินมาอบรม แต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ถูกบุตรสาวอบรมแทน เพราะความโมโหเขาจึงเอาโทสะทั้งหมดไปลงกับภรรยาตนแทน
เช้าวันต่อมา จางลู่หลินยังไม่เห็นคนนำตั๋วเงินมามอบให้เสียที นางจึงตรงไปหาบิดาตนที่ห้องตำราในทันที
"ท่านพ่อ เมื่อวานนี้ข้าขอยืมเงินท่านห้าร้อยตำลึง ไม่เห็นจะมีคนนำไปมอบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ ท่านลืมหรือ”
ราชครูจางหนังตากระตุก เขาอุตส่าห์แกล้งลืมแต่บุตรสาวตัวดีกลับจำได้ขึ้นสมอง ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่าบิดาทำเป็นไม่ได้ยิน จางลู่หลินก็ส่งเสียงเหอะในลำคอ และเอ่ยอย่างจริงจัง
“ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าขอเพิ่มเป็นหนึ่งพันตำลึงดีกว่า เป็นค่าชดเชยที่ท่านเรียกข้ามาดุด่าโดยไร้ความผิดถึงสองครั้งสองครา"
ราชครูจางแทบกระอักโลหิตออกมาแล้ว
"ลู่หลิน เจ้าจะปล้นพ่อหรือ"
"ยืมเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ตอนนี้ลูกไม่มีเงิน ท่านพ่อย่อมต้องช่วยเหลือลูกสิเจ้าคะ ส่งเงินมาเจ้าค่ะหนึ่งพันตำลึง"
ราชครูจางถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะล้วงหยิบตั๋วเงินส่งให้บุตรสาวไปตามที่นางต้องการ
เวรกรรมจริงๆ รู้อย่างนี้รีบส่งคนเอาไปให้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็คงดี!