ตอนที่ 2
โมยาวีมองแผ่นหลังเขาลับหายเข้าในร้าน รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เคยได้ยินชื่อพี่ธามาตั้งแต่เข้าศึกษาแรกๆ ทุกคนชื่นชมในความสามารถ พอเจอตัวจริงยิ่งทำให้เธอหลงใหล ด้วยใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเรียวคม ริมฝีปากหนา จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มดกดำ และท่าทางสุภาพ แต่นักศึกษาทุกคนมักจะบอกว่าเขานักศึกษาที่ฐานะทางการเงินไม่ดี จึงไม่มีสาวใดมาสนใจยอมคบหาด้วย
ลมพายุเริ่มพัดมากระทบผิวกาย ความเย็นทำให้กายสั่นสะท้าน เรียวแขนถูกยกขึ้นกอดกระชับเพื่อคลายความเหน็บหนาว พสุธาเหลือบมองเห็นอาการของคนนอกร้านเลยรู้สึกเห็นใจ อดรนทนไม่ได้อีกครั้งตัดสินใจเดินออกมานอกร้าน
“เอ่อ... น้องโมครับ มานั่งข้างในร้านไหมจะได้ไม่หนาวด้วยเดี๋ยวพี่ปิดแอร์ให้ครับ”
เจ้าของชื่อชั่งใจสุดท้ายยอมเดินตาม เขาจัดหาเก้าอี้ให้นั่งแล้วเดินเข้าไปปิดแอร์ด้านหลังร้าน แล้วออกมาทำหน้าที่พนักงานต่อ
“ขอบคุณมากนะคะ”เธอพูดกับเขาแล้วเสมองทางอื่นเพื่อทำลายความขัดเขิน
“ไม่เป็นไรครับ”
พสุธาหันมาให้ความสนใจต่องาน แม้ในห้วงความคิดจะติดตรึงอยู่กับเธอก็ตาม แต่เพราะรู้สถานะตนเองดีว่ายังไงเสียก็ไม่ดีพอที่จะเดินหน้าสานสัมพันธ์ด้วย
โมยาวีนั่งเงียบแม้หลายครั้งแอบชำเลืองมอง แต่ไม่เห็นวี่แววอีกฝ่ายจะให้ความสนใจ มือจับกันไปมาเกิดมายังไม่เคยเริ่มต้นพูดคุยกับหนุ่มคนไหนมาก่อน แต่เพราะเป็นเขาเธอเลยอยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยากรู้จักนิสัยใจคอให้มากขึ้น
“พี่ธาทำงานที่นี่นานแล้วหรือคะ?”คนถูกถามเงยหน้าจากเคาท์เตอร์ สายตาผสานกันพสุธาก้มหน้าลงเหมือนเดิม
“นานแล้วครับ”
“ไม่เหนื่อยหรือคะ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย”
“เหนื่อยครับ แต่ก็ต้องทนพี่ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเทอมถ้าพี่ไม่ทำงานด้วย”
โมยาวีมองเขาแววตาชื่นชมอย่างเปิดเผย เธอไม่ค่อยได้รับรู้ถึงความลำบากสักเท่าไหร่เพราะเกิดมา บิดากับมารดาก็ส่งเรียนโรงเรียนเอกชน มีรถมารับส่งทุกวัน ที่บ้านมีสาวใช้คอยดูแล
“ขอโทษนะคะ ที่ถามแบบนี้”เธอรีบบอกเพราะรู้สึกผิด จริงๆ ไม่ควรถามอะไรเช่นนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว”ร่างสูงก้าวออกมานอกเคาท์เตอร์จัดเรียงสินค้าต่อ
เธอไม่ได้สอบถามอะไรอีกนอกจากนั่งดูเขาทำงานฆ่าเวลา ผ่านหลายชั่วโมงรถที่บ้านยังคงไม่มารับ รีบล้วงกระเป๋าหยิบมือถือออกมาอีกครั้ง กดเบอร์ติดต่อคนขับรถแต่กลับไม่มีใครรับสายเลย ตัดสินใจติดต่อเข้าบ้าน
“สวัสดีค่ะ”
“ป้านวลใช่ไหมคะ”
“คุณโมเหรอคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”นวลตกใจเมื่อได้ยินเสียงคุณหนูร้อนรน
“ป้านวล ลุงสมชัยมารับโมหรือยังคะ โมโทรหาแต่ลุงแกไม่รับสายโมเลยค่ะ!”
“ออกไปรับแล้วนะคะ”
โมยาวีครุ่นคิด รู้สึกไม่ค่อยดีอาจเพราะฝนตกหนัก บางทีลุงสมชัยคงเกิดปัญหาอะไรบางอย่างหรือเปล่า
“ป้านวล แล้วน้าเปี๊ยกอยู่ไหมคะ บอกให้มารับโมหน่อยได้ไหม”
“ไม่อยู่ค่ะ เปี๊ยกไปงานกับคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายแล้วค่ะคุณโม”แม่บ้านบอก
“เหรอคะ” รู้สึกหนักใจขึ้นมา ควรทำยังไงดี “งั้นไม่เป็นไรค่ะป้า”เธอวางสายลง คงต้องเรียกแท็กซี่แล้ว แต่ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทำให้ค่อนข้างกลัว
พสุธาได้ยินทุกประโยคเมื่อครู่ที่พูดคุยกับทางบ้านหากไม่มีคนมารับคงต้องกลับเอง แหงนมองนาฬิกาฝาผนังบอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วเป็นเวลาเลิกงานของเขาพอดี
“น้องโมครับ พี่ไปส่งไหม?”
เหลือบมองเขาแล้วยิ้มเจือนๆ ออกมา ใจไม่อยากรบกวนแต่คงทำไม่ได้ ความกลัวอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
“แต่พี่ธาต้องทำงานไม่ใช่เหรอคะ”
“พี่กำลังจะเลิกงานแล้วล่ะครับ พี่เห็นน้องโมนั่งรอหลายชั่วโมงแล้วตอนนี้ก็มืดแล้วถ้ากลับไปคนเดียวคงจะอันตราย พี่ไปส่งดีกว่าครับ”
“พี่ธาแน่ใจแล้วเหรอคะ ว่าจะไปส่งโม”หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกว่าตนเองคงรบกวนเขามากจริงๆ
“แน่ใจครับ กลับเลยหรือเปล่าครับ ตอนนี้เพื่อนพี่มาเปลี่ยนกะแทนแล้วครับ”
คนตัวใหญ่คว้าร่มแล้วสาวเท้าออกมานอกร้านโดยมีหญิงสาวตามมาติดๆ สาริณีเพื่อนร่วมงานระบายยิ้มให้แล้วหุบลงฉับพลัน เมื่อเห็นพสุธากำลังกางร่มให้กับสาวหน้าตาหมดจด แววตาสาริณีหม่นลงทันทีกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“เอ่อ... ธาจะกลับแล้วเหรอ”สาริณีเอ่ยถามไม่วายปรายตามองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้าง
“ครับ เดี๋ยวต้องไปส่งน้องโมอีก ฝากร้านด้วยนะสา”ชายหนุ่มบอกเพื่อนร่วมงามแล้วสาวเท้าออกมาพร้อมกับโมยาวี
ฝนยังไม่ซาเท่าใด พสุธามองดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายอาจเปียกได้เลยพยายามเอียงร่มให้มากขึ้นส่งผลให้แขนเขาเองเปียกชุ่ม โมยาวีมองเห็นเลยดันร่มเอียงไปทางเขาบ้างแต่เจ้าของร่มกลับไม่ยินยอม เมื่อเห็นว่าสุดวิสัยโมยาวีขยับกายเข้าใกล้จนไหล่ชนกับแผงอก คนตัวใหญ่หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันใด
“ถึงฝนจะเริ่มซาแต่ก็ยังหนักอยู่นะคะ โมขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจแต่เราคงต้องเดินใกล้กันมากกว่านี้ไม่อย่างนั้นเราคงจะเปียกทั้งคู่ค่ะ”เธอรีบบอกเพราะกลัวเขาจะขยับหนี