บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 (2)

“ท่านพ่อจะบอกลูกได้หรือยัง ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับอัลรีน่า”

เจ้าชายอีสดรีสส์เปิดฉากทันทีที่เข้ามาในห้องทรงงานของพระบิดาแล้ว โดยมีองครักษ์อามิลซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทรงงานด้วย ได้ทำหน้าที่เป็นคนปิดประตูห้องกันเสียงเล็ดลอดออกไปภายนอก

เจ้าชายอะดะบีชี้นิ้วพระหัตถ์ไปยังเก้าอี้หลุยส์ แล้วสั่งพระโอรสจอมพระทัยร้อน

“นั่งลงก่อนอีสดรีสส์ เราต้องคุยเรื่องนี้กันยาวสักหน่อย”

ดวงเนตรคมของประมุขผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้หันไปทอดพระเนตรมององครักษ์เอก ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ กับบานประตู เอามือประสานกันอยู่ด้านหน้า จากนั้นได้ออกคำสั่งให้มานั่งลงอีกคน

“เจ้าด้วยอามิล มานั่งใกล้ๆ เจ้านายของเจ้าสิ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

อามิลรับคำ แต่ไม่ได้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หลุยส์ตัวที่อยู่ใกล้กับเจ้าชายอีสดรีสส์ตามที่ประมุขแห่งดาลิยาได้ชี้นิ้วพระหัตถ์บอก เขาเลือกที่จะนั่งบนพื้นพรมแทน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สมควรนั่งเสมอกับผู้ที่เป็นเจ้าเหนือหัว

“ท่านพ่อ เริ่มสักทีเถอะ ลูกใจร้อนอยากรู้เรื่องของอัลรีน่าเต็มที”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรุดพระวรกายนั่งลง พร้อมกับจ้องพระพักตร์พระบิดาเขม็ง ยอมรับว่าแอบหวั่นๆ กับเรื่องที่กำลังจะได้ยิน เพราะเกรงว่าจะเป็นข่าวร้าย ทำนองว่าพลเอกรอซีเร่งรัดให้มีการจัดพิธีอภิเษกเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ถึงแม้จะรับโอษฐ์กับพระบิดาอย่างกลายๆ แล้วว่า จะอภิเษกสมรสกับอัลรีน่าอย่างแน่

นอน แต่พระองค์ก็ยังอยากมีเวลาหายใจ อยากครองความเป็นโสดอีกสักเดือนก็ยังดี

“อัลรีน่าหนีไปจากประเทศดาลิยาแล้ว” เจ้าชายอะดะบีตรัสบอกด้วยพระสุรเสียงเครียดๆ

“อะไรนะ! ท่านพ่อ! อัลรีน่าหนีไปจากประเทศดาลิยางั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตะโกนร้องพระสุรเสียงหลง ด้วยไม่คาดไม่ถึงว่าอัลรีน่าจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้

“อีสดรีสส์ฟังไม่ผิดหรอก อัลรีน่าหนีการเข้าพิธีอภิเษกสมรส ก่อนที่อีสดรีสส์จะเดินทางมาถึงดาลิยาแค่ไม่กี่วัน”

ขณะที่ตรัสบอกข่าวร้าย เจ้าชายอะดะบีพยายามสังเกตสีพระพักตร์และอากัปกิริยาของพระโอรสที่นั่งอยู่เบื้องพระพักตร์ว่ามีอาการเช่นไร ดีพระทัยหรือเสียพระทัยกับข่าวที่ได้รับรู้

“ฮึ! เจ้าสาวกลัวฝน!...”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตรัสพึมพำเบาๆ ในพระสุรเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเยาะหยันคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อการสนทนา

เจ้าชายอะดะบีทรงถอนพระปัสสาสะยาว ก่อนจะตรัสบอกแหล่งข่าวที่ทำให้พระองค์ทรงทราบเรื่องของอัลรีน่า

“หลังจากที่อัลรีน่าหนีไปจากดาลิยาแล้ว พลเอกรอซีก็ได้มาขอเข้าเฝ้า และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้งขอรับโทษทัณฑ์แต่เพียงผู้เดียวด้วย”

“ทำไมอัลรีน่าต้องหนีไปจากดาลิยาด้วย อามิลบอกลูกว่าเหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆ จะถึงวันเกิดของเธอไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

แม้ในพระทัยนั้น จะรู้สึกดีพระทัยเป็นอย่างมากที่อัลรีน่าได้หนีออกนอกประเทศ เพื่อเลี่ยงการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระองค์ แต่อีกพระทัยหนึ่งก็ทรงกริ้วอยู่ไม่น้อย ที่อัลรีน่าบังอาจกระทำการที่เรียกว่าหักพระพักตร์พระองค์เป็นอย่างมาก ป่านนี้ผู้คนทั่วทั้งดาลิยาคงพากันหัวเราะร่วน นินทาอย่างสนุกปากที่คาสโนว่าอย่างพระองค์ถูกคู่หมั้นสาวชิงหนีพิธีอภิเษกสมรสที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เจ้าชายอะดะบีมีสีพระพักตร์ไม่สู้ดีสักเท่าไร พระองค์ลอบทอดพระเนตรมองโอรสนิดหนึ่ง ก่อนจะสารภาพสิ่งที่ได้ทำลงไปเพราะความหวังดี และคิดแค่เพียงพระองค์เดียวว่าโอรสหนุ่มต้องเห็นดีด้วย

“เพราะพ่อไม่มีโอกาสมีลูกสาวเหมือนคนอื่นๆ พ่อจึงอยากได้อัลรีน่ามาเป็นลูกสาวหรือลูกสะใภ้ ก่อนที่อีสดรีสส์จะเดินทางกลับดาลิยา พ่อได้สั่งให้พลเอกซัลวานำชุดเครื่องประดับเป็นไพลินล้อมเพชรชุดใหญ่ที่เป็นของท่านแม่ลูก พร้อมกับชุดแต่งงานไปมอบให้อัลรีน่า”

เจ้าชายอะดะบีหยุดเว้นวรรคไปชั่วขณะ เพื่อลอบมองปฏิกิริยาของโอรส พระองค์รู้ว่าภายใต้พระพักตร์คมเข้มที่เรียบเฉย ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่ได้ยินนั้น ข้างในพระทัยกำลังกริ้วอยู่มาก เพียงแค่ไม่สามารถแสดงออกมาให้พระองค์ได้เห็นก็เท่านั้นเอง

“ท่านพ่อไม่ได้ส่งแค่ไพลินล้อมเพชรกับชุดแต่งงานไปให้อัลรีน่าใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสถามอย่างรู้ทัน สิ่งของเพียงสองชิ้นแค่นี้ คงไม่ได้ทำให้อัลรีน่าหวาดกลัวจนถึงกับหนีออกนอกประเทศ

“พ่อได้ส่งสาส์นไปให้อัลรีน่าด้วย โดยแอบอ้างว่าเป็นสาส์นที่ลูกได้ส่งมาจากอเมริกาถึงอัลรีน่าโดยเฉพาะ”

“ข้อความข้างในสาส์น มีว่าอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสถามขัดจังหวะ ก่อนที่พระบิดาจะได้ตรัสบอกต่อ

“ในสาส์นบอกให้อัลรีน่าเข้ามาอยู่ที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น มาเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับลูก”

“อัลรีน่าก็เลยเลือกที่จะเป็นเจ้าสาวกลัวฝนหนีออกจากดาลิยา แทนการเข้ามาเป็นนกน้อยในกรงทอง”

เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสคาดเดาต่อท้าย พระองค์ลอบถอนพระปัสสาสะยาว ยกพระหัตถ์ลูบพระพักตร์องค์เอง เพื่อซ่อนความดีพระทัยที่อัลรีน่าได้ช่วยให้พระองค์ไม่ต้องแต่งงานกับคนที่พระองค์ไม่ได้รัก แต่ในขณะเดียวกัน อัลรีน่าก็ทำให้พระองค์กริ้วอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน ที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าชายนักรักอย่างพระองค์ต้องเสียพระพักตร์เป็นที่สุด

“พ่อต้องขอโทษที่ได้ทำทุกอย่างไปโดยพละการ ไม่รอปรึกษาลูกเสียก่อน”

ประมุขแห่งดาลิยาทรงเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อทำผิดก็ยอมรับผิดและขอโทษโอรสโดยไม่อาย

“ท่านพ่ออย่าโทษตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้ว่าท่านพ่อหวังดีกับลูกจึงได้ทำไปเช่นนั้น”

เจ้าชายอีสดรีสส์ลุกขึ้นจากที่นั่ง ไปกุมพระหัตถ์ของพระบิดาไว้ พร้อมกับแย้มพระสรวลกว้างเพื่อให้พระบิดาทราบว่า พระองค์นั้นไม่ได้โกรธพระบิดาแต่อย่างใด ซึ่งจะว่าไปแล้วพระองค์ไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธพระบิดาด้วยซ้ำไป

เจ้าชายอะดะบีหรี่ดวงเนตรมองโอรสที่นั่งอยู่แทบพระบาท ก่อนจะตรัสถามเพื่อให้คลายความสงสัยที่วิ่งวนอยู่ในพระทัยของพระองค์

“พ่อรู้สึกว่าอีสดรีสส์ดีใจมากกว่าจะเสียใจนะ ที่ได้รู้ว่าอัลรีน่าหนีไปแล้ว”

เจ้าชายอีสดรีสส์ลอบถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะตัดสินพระทัยบอกความจริงกับพระบิดา

“ท่านพ่อจะว่าอย่างไร หากลูกจะบอกว่าลูกไม่อยากแต่งงานกับอัลรีน่า ไม่อยากแต่งงานเพราะคำสั่งของท่านพ่อ ลูกอยากเลือกชายาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการให้หัวใจทั้งสี่ห้องเลือกหญิงสาวที่สามารถทำให้ชีวิตของลูกมีความสุขมากที่สุด”

เมื่อพระโอรสได้ตรัสอ้อมๆ ให้รู้แล้วว่าไม่ได้รักอัลรีน่า และไม่พร้อมที่จะเข้าพิธีอภิเษกที่พระองค์เป็นผู้ริเริ่มตระเตรียมให้ เจ้าชายอะดะบีก็ไม่อาจคัดค้านความต้องการของโอรสได้

“หากอีสดรีสส์ไม่ต้องการแต่งงานกับอัลรีน่า พ่อก็ไม่ขัดข้อง เรื่องความรักคงบังคับฝืนใจกันไม่ได้ พ่ออยากเห็นลูกมีความสุขที่สุด เมื่อลูกได้เลือกหญิงสาวที่เป็นเนื้อคู่ของลูกจริงๆ”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงแย้มพระสรวลบางๆ พร้อมกับถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระอุระ

“ขอบคุณท่านพ่อมากที่เข้าใจลูก สักวันลูกจะต้องมีชายาที่งดงาม และทำให้ลูกมีความสุขมากที่สุด”

‘แต่ไม่รู้ว่าชายาของลูกจะเกิดหรือยัง’

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตรัสต่อท้ายอยู่ในพระทัย สงสัยว่าต้องรอนานอีกหลายปี กว่าจะมีหญิงสาวผู้ที่สามารถพิชิตพระทัยของพระองค์ได้

เจ้าชายอะดะบีทรงอยากเห็นหน้าพระสุณิสาเหลือเกิน อยากรู้ว่าหญิงสาวจากชาติใด ภาษาใดที่จะสามารถทำให้เจ้าชายนักรักอย่างโอรสของพระองค์ ยอมสยบและยอมมอบพระหฤทัยให้แก่พวกเธอเหล่านั้นได้

“หากไม่แต่งงานกับอัลรีน่า ลูกจะทำอย่างไรต่อไป เพราะในวันที่พลเอกรอซีมาเข้าเฝ้า เพื่อขอยกเลิกพันธะสัญญาเรื่องการแต่งงานระหว่างลูกกับอัลรีน่า พ่อได้บอกไปว่า หากลูกตามหาอัลรีน่าไม่พบ จนกระทั่งพ้นวันเกิดของเธอไปแล้ว พ่อจึงจะประกาศยกเลิกพิธีอภิเษก”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงแย้มพระสรวลกว้าง ก่อนจะตรัสตอบ “ลูกได้เตรียมแผนการไว้สำหรับอัลรีน่า ตั้งแต่ท่านพ่อบอกว่าเธอหนีไปจากดาลิยาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกขอเวลาจัดการโครงการต่างๆ ที่ลูกตั้งใจก่อตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาประเทศสักหนึ่งเดือนก่อน หลังจากนั้นลูกจะไปตามเจ้าสาวกลัวฝนกลับประเทศดาลิยา”

เจ้าชายอะดะบีพยักพระพักตร์รับรู้ ทรงเคารพในการตัดสินใจของพระโอรสเสมอ

“แล้วแต่อีสดรีสส์ก็แล้วกัน พ่อขอแค่เพียงอย่างเดียว อย่าทำอะไรรุนแรงกับอัลรีน่าก็พอ”

“ไม่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เพราะกระหม่อมก็ไม่ชอบใช้ความรุนแรงเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าชายอีสดรีสส์รับโอษฐ์ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าการพาอัลรีน่ากลับประเทศจะเป็นไปโดยละม่อมหรือเปล่า เพราะหากมีบุคคลที่สาม ซึ่งอาจจะเป็นบุรุษเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง พระองค์ก็ยังไม่แน่พระทัยว่าจะระงับอารมณ์โกรธกริ้วไว้ได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ พระองค์ไม่มีทางทำร้ายอัลรีน่าอย่างแน่นอน สิ่งที่พระองค์จะมอบให้อัลรีน่านั้น เป็นการสั่งสอนแค่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอบังอาจทำให้พระองค์เสียพระพักตร์อย่างแรง

“ท่านพ่อพอจะทราบไหมพ่ะย่ะค่ะ ว่าอัลรีน่าหนีไปอยู่ที่ประเทศใด”

“อัลรีน่าขึ้นเครื่องบินสายการบินไทย ซึ่งพ่อเดาได้ไม่ยากว่าเธอต้องไปประเทศไทย บ้านเกิดของแม่เธออย่างแน่นอน”

ไม่ใช่เรื่องยากที่ประมุขผู้เป็นเจ้าของประเทศ จะขอข้อมูลการเดินทางของอัลรีน่ามาจากเจ้าหน้าที่ในสนามบิน ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่กล้าขัดคำสั่งและกล้าขัดความต้องการของพระองค์แม้แต่คนเดียว

“ประเทศไทยงั้นหรือ?...”

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงพึมพำอยู่ในลำพระศอ พร้อมกับแย้มพระสรวลเย็น จากนั้นก็หันไปตรัสกับองครักษ์เอก

“อามิล เจ้าได้ยินแล้วนี่ว่า อัลรีน่าหนีไปไปถิ่นของเจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ เมืองไทยเป็นบ้านเกิดของคุณแม่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ แม้จะอยู่ที่ดาลิยาตั้งแต่เล็กจนโต แต่กระหม่อมก็ไม่เคยลืมบ้านเกิดเมืองนอนหลังที่สองของกระหม่อม”

อามิลรับคำยิ้มๆ พอได้พูดถึงแผ่นดินที่ตนเองจากมานาน ก็ชักจะคิดถึงอาหารไทยขนมไทย รวมทั้งผลไม้รสชาติหวานฉ่ำชื่นใจ ที่ขาดไม่ได้คือรอยยิ้มพิมพ์ใจและความจริงใจที่ชาวไทยมอบให้กับแขกบ้านแขกเมืองเสมอ

“ฝ่าบาทจะไปเมืองไทยเมื่อไรพ่ะย่ะค่ะ”

อามิลอยากรู้กำหนดเวลาของการเดินทางไปยังบ้านเกิดของมารดาตนเอง จนต้องเอ่ยถามเจ้าชายหนุ่มออกมา

เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงแย้มพระสรวลตรงมุมโอษฐ์ เริ่มสนุกกับการเดินทางไปยังสยามเมืองยิ้ม เพื่อรับคู่หมั้นสาวกลับประเทศดาลิยา จนแทบทนรอเวลานั้นไม่ไหว

“อีกหนึ่งเดือนอามิล อีกหนึ่งเดือนเราจะเดินทางไปประเทศไทย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel