บทที่ 2 (1)
เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่กำลังเดินมาบนทางเดิน ทำให้หญิงสาวที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเคบินใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว ร่างบางระหงเขยิบถอยเข้าไปจนแทบจะแบนติดกับกำแพงห้อง พอเสียงฝีเท้าหยุดเงียบหน้าห้องที่เธอซ่อนตัวอยู่ ก็ยิ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมา มือบางเย็นเฉียบยกขึ้นปิดปากตัวเองเพราะกลัวจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาขณะแอบมองร่างสูงใหญ่เจ้าของเคบินที่กำลังเปิดประตูเข้ามาข้างใน
บุรุษหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่เดินมายืนนิ่งตรงเตียงนอน อาวุธปืนในมือถูกโยนลงไปบนเตียงนอนอย่างแรงจนกระเด็นตกมาอยู่ใกล้เท้าเปล่าเปลือย หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นมัจจุราชสีดำมะเมื่อม เธอยกมืออีกข้างปิดปากไว้แน่นพยายามกลั้นเสียงร้องตกใจไว้สุดกำลัง เท้าเปล่าเปลือยขยับเข้ามาแนบชิดกายตนเองตอนที่บุรุษหนุ่มเดินมาก้มลงหยิบอาวุธปืนแล้วเอาไปวางไว้บนหัวเตียงนอน
กัปตันบารอนกระตุกยิ้มตรงมุมปากขณะย่นจมูกสูดกลิ่นหอมชวนรัญจวนใจอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องเคบินเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีคนแปลกปลอมอยู่ในนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยเข้ามาแตะจมูกในครั้งแรกทำให้เขาไม่มั่นใจนัก แต่เมื่อเดินมาก้มลงเก็บปืน กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น พอเห็นปลายเท้าที่ขยับเข้าหาเจ้าของก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขาวางปืนไว้บนหัวเตียงนอนก่อนจะถอดเสื้อเปียกชื้นออกจากเรือนกายแล้วเดินไปหยิบเชิ้ตสีดำมาสวมใส่แทน เขาอยากรู้เหมือนกันว่าหญิงสาวที่แอบซ่อนอยู่ในเคบินจะใช่คนเดียวกันที่ถูกตามหาให้ขวักหรือเปล่า เท้าแข็ง
แกร่งก้าวยาวๆ อย่างแผ่วเบาไปที่ปลั๊กไฟ รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม มือหนายื่นไปเตรียมกดเปิดไฟ นัยน์ตาสีทองจ้องมองเขม็งแน่นิ่งตรงตำแหน่งที่ผู้บุกรุกแอบซ่อนตัวอยู่
ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดที่มนุษย์ทุกคนต้องมีหรือเปล่า ที่ทำให้หญิงสาวรู้ได้ว่าตนเองถูกจับได้แล้ว เธอใจเต้นระทึกคอยจับตามองบุรุษหนุ่มที่สาวเท้าเดินช้าๆ ไปยังประตูเคบิน ดวงตากลมโตสีดำขลับหันซ้ายขวามองหาทางหนีทีไล่ แต่ห้องขนาดใหญ่ห้องนี้มีทางออกทางเดียวเท่านั้นคือทางที่เธอแอบผลุบเข้ามา
กัปตันบารอนนึกสนุกเมื่อจับตามองความเคลื่อนไหวของคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เสียงหัวเราะฮึๆ ในลำคอดังขึ้นพร้อมกับมือหนาที่กดเปิดไฟสว่างไสวทั่วห้องเคบิน
หญิงสาวที่ซ่อนอยู่ในความมืดเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เมื่อไฟถูกเปิดให้ความสว่างทั่วเคบินเธอก็กระโดดออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งเขยกๆ อย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ไปที่ประตูห้องทันที แต่เธอก้าววิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบุรุษหนุ่มเจ้าของห้องคว้าตัวไว้แล้วจับโยนไปบนเตียงกว้างพร้อมๆ กับเรือนกายกำยำใหญ่โตที่ตามไปทาบทับร่างบางไว้
“กรี๊ดดด! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้น่ะ”
หญิงสาวดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้เรือนกายกำยำหนักอึ้งที่ทาบทับตัวเธอไว้จนทำให้หายใจแทบไม่ออก
“หยุด! หยุดดิ้น! ก่อนที่เธอจะถูกจับโยนไปนอกเรือ”
เสียงห้ามทุ้มลึกทรงอำนาจที่เอ่ยสั่งออกมาทำให้หญิงสาวร่างบางหยุดดิ้นได้อย่างฉับพลัน มือหนาสีแทนกำข้อมือบางแล้วจับกดไว้ข้างๆ ลำตัว กัปตันบารอนมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวไม่ชัดนักเนื่องจากเส้นผมดำขลับสลวยเงางามที่เปียกชื้นสยายมาปรกบังใบหน้าเธอไว้หมด
กัปตันบารอนค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมยาวที่ปกปิดใบหน้าเจ้าของออกอย่างช้าๆ เขาจับคางมนให้หญิงสาวหันมามองตน แต่เมื่อเจ้าของใบหน้าหวานสะบัดหนี เขาจึงจับคางแล้วบีบเน้นบังคับให้หญิงสาวหันมาจ้องมองตนเองอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ระงับความรัญจวนใจที่ตีประดังเข้ามาเมื่อได้เห็นใบ
หน้าเนียนหวาน นัยน์ตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างหวาดกลัวโดยที่เจ้าตัวปิดบังไว้ไม่มิด ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อกัดเม้มเข้าหากันแน่นจนเขานึกกลัวว่ามันจะช้ำหมด ชุดนอนสีขาวที่เปียกชื้นแนบกับเรือนร่างทำให้เขาเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าได้อย่างชัดเจน เขาปล่อยมือจากมือหญิงสาวแล้วเลื่อนไปกุมลำคอระหงไว้ด้วยมือข้างเดียว นัยน์ตาสีทองจ้องมองเขม็งก่อนจะเอ่ยถามเสียงเย็นยะเยือกจนคนถูกถามขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว
“เธอคือ...คนที่ไอ้เสี่ยพารุณตามหาอยู่ใช่มั้ย”
“ใช่”
เหมือนถูกตรึงด้วยคำถามอันทรงอำนาจและนัยน์ตาสีทองทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆ เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาแทบจะไม่พ้นลำคอ
บารอนกระตุกยิ้มตรงมุมปาก หรี่ตามองสาวสวยในอ้อมแขนก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ถ้างั้น...เธอก็คือ...คุณตัว...”
“ฉันไม่ใช่อีตัว ฉันถูกบัง...”
เสียงที่ตวาดแว้ดถูกกลืนหายไปในลำคอ ริมฝีปากแดงระเรื่อกัดเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความอดสูก่อนจะเอ่ยตอบเสียงห้วน
“ฉันถูกหลอกมาขาย”
กัปตันบารอนแอบลอบยิ้มเขารับรู้ได้ด้วยตนเองว่าหญิงสาวที่อยู่ภายใต้เรือนร่างแข็งแกร่งกำยำไม่มีทางเป็นผู้หญิงอย่างว่าแน่นอน
“เล่ามา เธอถูกหลอกมาขายได้ยังไง”
“ฉันขอลุกจากที่นอนก่อนได้มั้ย อยู่แบบนี้อึดอัด”
หญิงสาวพยายามบิดตัวให้หลุดพ้นจากเรือนกายที่กดทับเธออยู่ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ถูกกดทับกอดแน่นกว่าเดิม
“หยุดดิ้น! แล้วเล่ามา”
บารอนสั่งเสียงเข้มจ้องมองหญิงสาวเขม็ง เขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยแล้วก็ได้พานพบกับความอดสูเศร้าสร้อยระคนหม่นหมองและสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะกะพริบตากลบเกลื่อนให้เลือนหายไปก็คือ ‘การโกหก’
หญิงสาวหลบตาของกัปตันเรือที่จ้องมองเขม็งราวกับจะจับผิดเธอให้ได้ เธอพยายามลำดับภาพนึกถึงนิยายโรแมนติกที่เคยอ่านสมัยเรียนก่อนจะเอ่ยบอกกัปตันหนุ่มที่กำลังรอฟังคำตอบ
“ฉัน...เพิ่งมาจากบ้านนอก มาหาเพื่อนที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่แถวนี้ เธอบอกว่านอกจากเงินเดือนแล้วยังมีทิปอีกคืนละสองร้อยทำให้ฉันอยากทำงานเก็บเงินบ้าง แต่พอมาถึงก็ถูกเพื่อนหลอกให้เข้าไปหาเสี่ยพารุณในห้อง”
หญิงสาวหลบสายตาที่จ้องมองมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นและกำลังจะเล่าเหตุการณ์ที่เป็นจริงที่เธอพยายามต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากความป่าเถื่อนของเสี่ยพารุณ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดเธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองลอยได้และถูกเหวี่ยงให้หล่นตุ๊บอยู่กับพื้นห้อง
“ลุกขึ้น!”
บารอนกระโดดลงจากเตียงยืนเท้าสะเอวค้ำหัวหญิงสาวที่ยังนั่งจุกอยู่กับพื้นห้อง เขาตะโกนสั่งเสียงดังด้วยความโกรธใบหน้าคมเข้มแดงก่ำถมึงทึงรู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมาเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“เธอชื่ออะไร”
“นันท์นลิน...ชื่อนันท์นลิน”
หญิงสาวรีบละล่ำละลักบอกด้วยความตกใจกลัวเมื่อกัปตันเรือสาวเท้าเข้าหา มือหนาจับแขนเธอไว้แล้วหิ้วปีกขึ้นราวกับว่าเธอเป็นสิ่งของไร้น้ำหนัก
“เอาล่ะนันท์นลิน เธอมีเวลาหนึ่งนาทีในการบอกความจริงทั้งหมด ไม่งั้น...เธอจะได้กลับไปอยู่กับไอ้เสี่ยพารุณสมใจเธอแน่”
กัปตันบารอนเอ่ยบอกเสียงทุ้มลึกไร้ความรู้สึก แต่นันท์นลินรู้ว่าอีกฝ่ายทำจริงตามที่พูดแน่ เธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว น้ำตารื้นขอบตาจนเจ้าตัวต้องก้มหน้านิ่ง น้ำตาอุ่นๆ หยดลงกระทบมือบางที่บีบเข้าหากันแน่น เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาออกไปจากดวงตาคู่สวย จะให้เธอบอกความจริงว่าพ่อบังเกิดเกล้าขายเธอให้กับเสี่ยพารุณงั้นหรือ...
จะให้บอกว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกบังคับให้ขายตัว และไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องอาศัยมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนเพื่อให้รอดพ้นจากคนป่าเถื่อนอย่างพวกเสี่ยพารุณ ถึงพ่อจะติดเหล้าเล่นการพนัน แต่เขาก็เป็นคนที่เลี้ยงเธอมา เธอไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่ทำให้เธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนและเป็นคนขี้โกหกคือพ่อของเธอเอง
กัปตันบารอนจ้องมองหญิงสาวที่ยืนน้ำตาตกโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาถือว่าการนิ่งเงียบของหญิงสาวที่ชื่อนันท์นลินเป็นการยอมรับเงื่อนไขที่เขาเสนอไป
“หมดเวลาสำหรับเธอแล้ว”
กัปตันบารอนเอ่ยเสียงราบเรียบแล้วสาวเท้ายาวๆ ไปที่ประตูเคบินก่อนจะกระชากออกโดยแรง
“มาร์ค ไอ้มาร์ค”
เสียงตะโกนเรียกลูกน้องดังสะเทือนเลือนลั่น ไม่กี่อึดใจลูกเรือที่ถูกเรียกหาก็วิ่งหน้าตื่นมารอรับคำสั่งอยู่หน้าห้องเคบิน
“ครับกัปตัน”