เชลยรักนายมาเฟีย

731.0K · จบแล้ว
เดย์ไลลา
253
บท
47.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"อันนี้เป็นเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น แล้วก็ถุงยาครับ" น้ำเสียงราบเรียบไม่ยินดียินร้ายเอ่ยขึ้น พลางยืนถุงกระดาษหลายใบให้ "ไม่จำเป็นค่ะ วาจะกลับแล้ว" "เกรงว่าคุณแพรวาจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่านายจะอนุญาตนะครับ" "ได้ยังไงกัน! แบบนี้มันเรียกกักขังหน่วงเหนี่ยว" "..." "อะ...ไอ้บ้านั่น...มัน!" น้ำตาแห่งความเจ็บใจเอ่อรื้นรอบดวงตาเมื่อคิดถึงสิ่งที่โอนิกซ์กระทำกับเธอ เธอไม่มีทางยอมอยู่ใกล้เข้าอีกแน่ ตอนนี้อารมณ์เธอมันแปรปรวนสับสนไปหมด ทั้งหวาดกลัว โมโห เสียใจ ผิดหวัง และอีกสารพัด "อึก ขอร้อง ปล่อยวาไปเถอะ วาไม่รู้เรื่องจริงๆ วาบอกทุกอย่างไปแล้ว" ตอนนี้เธอใกล้สติแตกเต็มทน ไทเปคือคนเดียวที่เธอพอจะขอร้องอ้อนวอนได้บ้าง เพราะหากโอนิกซ์กลับมาคงหมดโอกาสออกไปได้แน่นอน "ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนั้น" "ของวาล่ะ กระเป๋า มือถือ?" หากมีมือถือเธอยังพอโทรขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ "ของนั่นไม่จำเป็นต้องใช้หรอกครับ" คำพูดของไทเปเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย โอนิกซ์ตั้งใจกักขังเธอ ปิดกั้นไม่ให้เธอได้ติดต่อกับใคร นี่ไม่จากเธอติดคุกแม้แต่น้อย "วาไม่ใช่นักโทษนะ ไม่ได้ทำอะไรผิด! ไม่มีทางยอมติดอยู่ที่นี่แน่ แบบนี้ไม่ต่างจากลักพาตัวมาเลย สาบานถ้าออกไปได้วาจะลาออกแล้วแจ้งตำรวจมาลากคอเจ้านายคุณเข้าคุก!" อารมณ์โมโหโกรธเคืองแล่นพล่านทั่วร่าง ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่ได้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว สีหน้าอีกฝ่ายดูเหนื่อยใจไม่น้อย ที่เห็นเธอปรี๊ดแตก โวยวายเสียงดังเช่นนี้ ไทเปถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้โอนอ่อนตามหรือเห็นใจเธอสักนิด "ในเมื่อคุณแพรวาคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็ควรอยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่นายบอกดีกว่า เพราะการที่คุณยังมีชีวิตอยู่แม้หลักฐานทุกอย่างจะชี้มาทางคุณ ผมถือว่านายใจดีมากแล้วครับ" "มะ...หมายความว่ายังไง" "ก็ตามที่คุณเข้าใจ นายไม่ใช่คนใจดี โดยเฉพาะกับคนที่คิดจะหักหลัง...ถ้าอยากออกไปจากที่นี่แบบมีลมหายใจ ก็อย่าทำอะไรโง่ๆ ครับ"

นิยายรักโรแมนติกมาเฟียประธานรักหวานๆโรแมนติกเลขานิยายรัก

บทที่ 1 เลขาแสนเฉิ่ม

---โอนิกซ์ x แพรวา---

บริษัท JRV LOGISTICS

หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาวตัวโคร่ง สวมทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุมตัวหนาสีครีม ท่อนล่างเป็นกระโปรงน้ำตาลลายตารางยาวเลยเข่า ทรงผมสีน้ำตาลหยิกฟูไม่เป็นทรงถูกรวบไว้หลวมๆ อีกทั้งแว่นตาที่หนาเตอะกินพื้นที่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหอบหิ้วกระเป๋าย่ามและแฟ้มงานเป็นตั้งลงจากรถประจำทาง ก้าวเท้าเข้ามาในบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของประเทศด้วยท่าทางทุลักทุกเท

พนักงานหลายคนมองเธอด้วยความขบขัน และอีกหลายคนมองผ่านเธอไปราวกับเป็นอากาศธาตุ มีเพียงลุงรปภ.ที่เดินเข้ามาช่วยเหลือ

"ผมช่วยนะครับคุณแพรวา"

"ขอบคุณมากเลยค่ะลุงวิทย์" เธอส่งยิ้มเกรงใจ แต่ข้าวของในมือที่เยอะเกินไป จึงยอมแบ่งบางส่วนให้อีกฝ่ายช่วยถือ

"วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ"

"ค่ะ วาต้องรีบมาเคลียร์งานที่เหลือต่อนะคะ"

เมื่อเข้ามาในลิฟต์เธอก็กดที่ชั้นบนสุด แพรวาพูดคุยกับลุงวิทย์ด้วยท่าทางเป็นกันเอง ด้วยความที่ต้องอยู่บริษัทจนค่ำเป็นประจำ หญิงสาวจึงมักจะมีน้ำใจนำขนมติดไม้ติดมือมาฝากบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสมอ ทำให้พวกเขาค่อนข้างเอ็นดูและคอยช่วยเหลือเธอตลอด

ประตูลิฟต์เปิดออก ก็ปรากฏทางเดินยาวตกแต่งไว้อย่างลงตัว ตามผนังมีรูปภาพติดไว้และมีแจกันดอกไม้แซมตลอดทาง ด้านหนึ่งของชั้นเป็นห้องประชุมใหญ่ ห้องรับรอง และห้องส่วนตัวสำหรับพนักงานอาวุโส ส่วนฟากหนึ่งของชั้นเป็นที่ทำงานของประธานบริษัท 'โอนิกซ์'

"วางไว้บนโต๊ะได้เลยค่ะ"

หญิงสาวว่าพลางวางแฟ้มกองโตในมือไว้บนโต๊ะทำงานเช่นเดียวกัน เธอขยับจัดที่บนโต๊ะอีกครั้งให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ ก่อนจะหันกลับไปกล่าวขอบคุณความมีน้ำใจของลุงยาม

"ขอบคุณมากเลยนะคะ ช่วยวาได้เยอะเลย"

"ยินดีครับ วันนี้ก็ตั้งใจทำงานนะครับ"

"เช่นกันค่ะ"

เธอส่งยิ้มหวาน ลุงรปภ.ค้อมศีรษะเล็กน้อย แม้ใครจะมองว่าหญิงสาวตรงหน้าเฉิ่มเชย แต่นิสัยน่ารักจริงใจของเธอกลับทำให้เขาเอ็นดูมากกว่าเหล่าสาวๆ ที่มีดีเพียงภายนอกแต่ภายในดำมืดเสียอีก

โต๊ะทำงานของแพรวาอยู่หน้าห้องทำงานของประธานบริษัท เพราะเธอทำหน้าที่เป็นเลขาให้กับเขา

แพรวาเข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ตั้งแต่เรียนจบตอนอายุ 21 ปี ในตำแหน่งพนักงานทั่วไป ด้วยความสามารถที่จัดการปัญหาได้ดี จึงได้มีโอกาสเลื่อนขั้นมาเป็นเลขาให้โอนิกซ์ ที่ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเข้ามาศึกษางานในตำแหน่งรองประธานบริษัท

ตลอดเวลาเกือบ 4 ปี ที่ทำงานร่วมกับโอนิกซ์ถือเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาพอสมควร เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนเงียบขรึม ทำให้เธอต้องคอยสังเกตสีหน้าท่าทางเขาเสมอ และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ใครสักคนจะถูกแช่แข็งด้วยสายตาเย็นเฉียบของประธานหนุ่ม

แพรวาเริ่มไล่เปิดแฟ้มงาน เช็กปัญหาที่ถูกเขียนรายงานส่งมา และจดลงในสมุดบันทึกส่วนตัว อีกทั้งยังมีพวกบัญชี เอกสารสัญญา และงบประมาณต่างๆ ที่ต้องนำไปให้โอนิกซ์เซ็นอนุมัติ

จนเวลาล่วงเลยไปจนเกือบ 9 โมงเช้า เสียงรองเท้าหนังแพงระยับกระทบพื้นหินอ่อนของทางเดินก็ดังขึ้น เรียกสติแพรวาให้หลุดจากกองเอกสารตรงหน้า หญิงสาวลุกขึ้นโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทาย

ร่างสูงโปร่งในชุดสูทตัดเย็บอย่างประณีต ใบหน้าหล่อเหลาใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมดูไร้อารมณ์เช่นทุกวัน ประธานหนุ่มเพียงใช้แววตาเย็นยะเยือกมองมายังเธอ พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านไป ผลักประตูบานใหญ่เข้าห้องทำงานเหมือนทุกวัน

และการทำงานในหนึ่งวันของแพรวาก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการลุกไปชงกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล นำไปเสิร์ฟให้โอนิกซ์ในห้องเป็นอันดับแรก

ก๊อก ก๊อก

"ขออนุญาตค่ะ"

"เชิญ"

เสียงภายในตอบรับเรียบๆ เธอจึงผลักประตูเข้าไป ความเย็นเฉียบของเครื่องปรับอากาศกระทบผิว จนเส้นขนในกายพร้อมใจกันลุกพรึ่บ เธอเดินตรงไปยังโต๊ะของประธานหนุ่ม วางกาแฟร้อนหอมกรุ่น และแจ้งตารางงานของชายหนุ่มสำหรับวันนี้

โอนิกซ์หยิบแก้วร้อนๆ ขึ้นจิบ พลางเอนกายพิงพนัก หมุนเก้าอี้มองวิวยามเช้าของกรุงเทพที่ด้านหลัง ในท่าทางสบายๆ ขณะรับฟัง

"วันนี้มีประชุมกับผู้ถือหุ้นช่วง 11 โมง วาส่งเอกสารการประชุมเข้าอีเมลประธานแล้ว ลองตรวจสอบดูนะคะ..."

"..."

"ช่วงบ่าย 2 มีประชุมกับทีมวิศวะ เรื่องท่าเรือใหม่ที่กำลังก่อสร้าง... 6 โมงเย็นมีรับประทานอาหารกับประธานบริษัท BP Group เพื่อตกลงข้อเสนอใหม่ก่อนเซ็นสัญญา..."

โอนิกซ์เหลือบสายตามองเลขาสาวเป็นระยะ กรอบแว่นและทรงผมฟูหนาแทบจะบดบังใบหน้าของเธอ บางครั้งหญิงสาวก็จะฉายแววมั่นใจ เฉลียวฉลาด ซึ่งดูขัดกับเสื้อผ้าการแต่งตัวและท่าทางที่เธอแสดงออก ทำให้มักจะสามารถดึงความสนใจจากชายหนุ่มได้บ่อยๆ

ประธานหนุ่มเลื่อนสายตามองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ปล่อยให้แพรวาแจ้งกำหนดการต่อไป

"ส่วนเอกสารบนโต๊ะนี้เป็นเอกสารเบิกงบประมาณของแต่ละแผนกในบริษัทค่ะ พิมพ์เขียวแบบแปลนท่าเรือของท่าเรือใหม่ แล้วก็เอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติค่ะ"

"เมื่อวานของส่งล่าช้าเหรอ" น้ำเสียงเนือยๆ ถามขึ้นกะทันหัน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่หญิงสาวเพิ่งพูดเมื่อครู่แม้แต่น้อย

"เรือสินค้าเจอพายุกลางทะเล เลยมีความล่าช้ากว่ากำหนดไปบ้าง วาประสานงานกับรถขนส่งให้สแตนด์บายรอสินค้าไว้แล้วค่ะ"

"..."

เมื่อโอนิกซ์เงียบไปอีกครั้ง หญิงสาวก็รับรู้ว่าเขาหมดข้อซักถามเธอต่อแล้ว จึงโค้งตัวเล็กน้อยและเดินออกไป โดยที่สายตาเรียบนิ่งของประธานหนุ่มไม่ได้มองเธอแม้แต่น้อย

ภายในห้องทำงานกว้างเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเท่านั้น ร่างสูงหลับตาสูดหายใจรับกลิ่นหอมของกาแฟผสานกลิ่นกายอ่อนๆ อันมีเอกลักษณ์ของเลขาสาวเงียบๆ

เมื่อจัดการเอกสารให้ประธานหนุ่มเรียบร้อย แพรวาก็ต้องเดินไปตามเรื่องในแต่ละแผนกที่มีปัญหายิบย่อย เพื่ออัปเดตความคืบหน้าให้โอนิกซ์

"สวัสดีค่ะพี่อร บริษัท Once Industry ทางเราจะไม่ชำระในส่วนของภาษีนำเข้าให้ก่อนนะคะ รบกวนพี่ติดต่อทางบริษัทให้ชำระตรงส่วนนี้เองด้วยค่ะ ทางเราจะดูแลในส่วนของการขนส่งอย่างเดียว ถ้าเขายังไม่ชำระไม่อนุญาตให้นำสินค้าออกนะคะ"

"พี่เคยแจ้งทางนั้นแล้ว แต่บริษัทบอกว่าช่วงนี้สภาพคล่องยังไม่ดี พี่ก็ลำบากใจ"

อิงอรพี่หัวหน้าแผนกบัญชีมีสีหน้าหนักใจ เพราะทราบนโยบายของทางบริษัทดี

"พี่อรลองเจรจาดูอีกทีค่ะ วาพอจะมีเบอร์เจ้าหน้าที่ของธนาคารที่รู้จัก ถ้าเขามีปัญหาเรื่องการเงินของบริษัทแนะนำให้ปรึกษาดูค่ะ แต่ทางเราไม่สามารถชำระให้ก่อนได้ ส่วนเอกสารอันนี้วายังจะไม่ส่งให้ประธานเซ็นนะคะ เพราะยังไงก็ต้องโดนตีกลับ แล้วประธานคงต้องเรียกคุย"

"ขอบคุณมากนะน้องวา เดี๋ยวพี่จะลองคุยดู"

รุ่นพี่สาวมีสีหน้าสีขึ้นบ้างเมื่อเห็นทางออก เธอไม่อยากจะแบกหน้ารับผิดชอบแทนลูกค้าเช่นกัน

แพรวาเดินต่อไปยังอีกแผนก ตลอดทางมีพนักงานที่ต้องติดต่อประสานงานส่งยิ้มมาให้บ้าง แม้จะมีสายตาหมั่นไส้ดูถูกส่งมาเป็นระยะ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้คิดจะสนใจ ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

"คุณปุณณ์คะ วาขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ"

เลขาสาวเคาะประตูห้องทำงานของหัวหน้าทีมวิศวะ เอ่ยขออนุญาตเมื่อเห็นว่าเขากำลังเรียกลูกน้องเข้ามาคุยในห้อง

"อ๋อได้ครับ น้องวาเข้ามาเลย...อะส่วนพวกแก ก็จัดการตามที่คุยกันเมื่อกี้ด้วยล่ะ" ปุณณ์ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับไปพูดกับลูกน้อง เมื่อไร้บุคคลอื่นในห้องเขาก็ถามขึ้นมาทันที

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"วาได้รับการร้องเรียนจากลูกค้า สินค้าลูกค้าได้รับความเสียหาย เขาแจ้งว่ามีกลิ่นเหม็นติดไม้ที่ลูกค้าส่งออก ทำให้ทางบริษัทปลายทางไม่ยอมรับของ..."

"...พอวาตรวจสอบดูพบว่าตู้ที่ใช้ขนส่ง ก่อนหน้านั้นส่งพวกเครื่องเทศกลิ่นแรงและน้ำปลา ฝากคุณปุณณ์กำชับทีมที่ท่าเรือ ตรวจเช็กทำความสะอาดตู้ก่อนให้ลูกค้ารายถัดไปใช้ด้วยนะคะ ยิ่งของมีกลิ่นยิ่งต้องตรวจสอบละเอียด ให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหา"

"เฮ้อ ไอ้พวกขี้เกียจนั่น...แล้วลูกค้าว่ายังไงบ้าง"

"ครั้งนี้วาให้ AE ลองคุย แล้วจะชดเชยค่าเสียหายให้บางส่วน ยังดีที่ของมีปัญหาแค่ตู้เดียว แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกอาจจะต้องมีการเรียกสอบค่ะ"

"ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะจัดการไอ้พวกนั้นเอง"

"แล้วก็คุยเรื่องตรวจสภาพของตู้ด้วยนะคะ วาไม่อยากให้มีกรณีของเสียหายจากทางเราอีก"

"โอเคขอบใจมากเลย"

หญิงสาวยิ้มน้อยๆ โค้งศีรษะให้คนอายุมากกว่า ก่อนจะจากไป

แม้คนส่วนใหญ่จะค่อนข้างเกรงใจเธออยู่บ้าง ด้วยเป็นคนใกล้ชิดของประธานบริษัท แต่แพรวาก็ไม่เคยเอาตำแหน่งข่มใคร และให้เกียรติทุกคนเสมอ จึงเป็นที่เอ็นดูของบรรดาผู้ใหญ่และหัวหน้าแผนกที่ต้องประสานงานกัน

เวลาล่วงเลยจนเกือบ 5 โมงเย็น แพรวายังคงนั่งจมกองเอกสาร ปัญหามากมายถูกส่งขึ้นมารายงานโอนิกซ์แล้วก็จะเป็นเธอที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบและคิดวิธีรับมือแก้ไขสถานการณ์

แอ๊ดดด~

เสียงประตูห้องทำงานประธานหนุ่มเปิดออก พร้อมใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์เช่นเดิม เธอมองนาฬิกา ก่อนจะรีบส่งเอกสารในมือให้เขา

"วาเตรียมรถไว้ให้แล้ว ส่วนอันนี้เป็นใบสัญญาค่ะ"

"เธอไม่ไป?" ร่างสูงปรายตามองเลขาที่ยังหัวฟูอ่านเอกสารหลายตั้งตรงหน้า

"ค่ะ วาเห็นว่าคุณไพศาลค่อนข้างสนิทกับครอบครัวประธาน คงมีเรื่องอื่นพูดคุยด้วย วาไปด้วยคงจะเกะกะเปล่าๆ"

"อืม"

โอนิกซ์ตอบกลับเพียงสั้นๆ และหมุนกายเดินจากไป ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะไม่เปลี่ยน แต่แพรวากลับรู้สึกถึงกระแสความไม่พอใจในสายตาเขาได้

เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่ออีกฝ่ายลงลิฟต์จากไปแล้ว

การทำงานในแต่ละวันก็วุ่นวายเกิดพอ ยังต้องคอยรับแรงกดดันทางสายตาจากประธานอีก เนื่องจากคุณไพศาลแอบกระซิบเธอมาแล้ว ว่าต้องการนัดโอนิกซ์เป็นการส่วนตัว เพราะจะแนะนำลูกสาวให้กับชายหนุ่มรู้จัก แบบนี้แล้วจะให้เธอไปเป็นก้างขวางคอทำไม

แพรวานั่งเคลียร์เอกสารและกำหนดนัดหมายในวันต่อไปให้เจ้านาย จนท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสี เธอบิดกายน้อยๆ ไล่ความเมื่อยล้า คว้ากระเป๋าผ้าโง่ๆ และแฟ้มงานบางส่วนติดมือกลับบ้านไปด้วย

คอนโดแพรวา

หลังจากต้องเบียดเสียดกับมนุษย์เงินเดือนหลายพันชีวิตบนรถไฟฟ้า ในที่สุดหญิงสาวก็กลับมาถึงที่พักจนได้ เธอแตะคีย์การ์ดกับประตูห้อง ผลักบานประตูไม้สีอ่อนเบาๆ เดินอย่างหมดเรี่ยวแรงเข้าไปด้านใน คอนโดขนาดกะทัดรัดจัดแยกพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน ทุกอย่างตกแต่งตัวเฟอร์นิเจอร์สีโทนสว่าง ช่วยให้สบายตา และรู้สึกว่าห้องดูกว้างขึ้น

มือเล็กจัดการวางข้าวของพะรุงพะรังในมือและถุงอาหารที่แวะซื้อระหว่างทางบนโต๊ะครัว เดินไปจุดเทียนหอมยังห้องนั่งเล่นขนาดเล็กที่อยู่ติดกัน ไม่นานทั้งห้องก็ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอ่อนๆ ของวานิลา

แพรวาหลับตาลงซึมซับกลิ่นหอม ความตึงเครียดจากงานที่เผชิญมาทั้งวันคลายลงช้าๆ

เธอถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะและเริ่มหันมาจัดการกับเสื้อผ้าหลายชั้นของตัวเองด้วยความรำคาญ

ใครจะคิดว่าภายใต้เสื้อผ้าล้าสมัยจะซุกซ่อนรูปร่างเซ็กซี่เย้ายวนเอาไว้ ผิวกายขาวผ่องนวลเนียนปรากฏเมื่อไร้เสื้อผ้าปกปิด บราเซียสีขาวโอบอุ้มทรวงอกนุ่มขนาดเกินตัว เอวเธอบางเล็กคอดกิ่วรับกับสะโพกกลมกลึงได้รูป

แพรวาดึงวิกผมหยิกฟูของตัวเองทิ้ง สะบัดศีรษะปล่อยให้เส้นผมตรงยาวสีแดงสยายไปตามแผ่นหลัง เลื่อนประตูกระจกเข้าไปยังห้องนอน เลือกคว้าชุดสบายๆ มาสวมใส่แทน เธอยิ้มน้อยๆ ยืดแขนบิดกายสบายอารมณ์เมื่อได้กลับไปเป็นตัวเองอีกครั้ง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้แพรวาเลือกที่ซ่อนความสวยของเธอเอาไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ของยัยเฉิ่ม และเมื่อไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น เธอก็ใช้ชีวิตได้สงบสุขยิ่งขึ้น