บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 4/5
เชิดชายสรรเสริญพะแพง หญิงสาวยิ้มเศร้า...ไม่ได้คิดห่วงตัวเอง ห่วงแต่คนที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้อง ICU แทน
“บอกไอ้พายมันด้วยล่ะ เผื่อ...”
เชิดชายไม่ได้พูดเพื่อบั่นทอนกำลังใจ แต่ต้องการเตือนให้พะแพงรู้ เธอยังมีพี่ชาย ไม่ใช่ตัวคนเดียวบนโลก...
“พี่กับลุงคงต้องกลับก่อน ค่ำๆ ถึงจะมาได้ใหม่ ช่วงนั้นเขาคงเปิดให้เยี่ยม”
ทัดเทพกล่าว ภาระหน้าที่ค้ำคอ ทำให้อยู่เป็นกำลังใจให้พะแพงนานไม่ได้
“แพงก็ต้องกลับไปเก็บร้าน...วันนี้คงไม่ได้ขาย...” หญิงสาวยิ้มเศร้าๆ
เดินตามสองหนุ่มต่างวัย เพราะต้องอาศัยรถยนต์ของเชิดชาย เพื่อกลับไปเก็บแผงขายของ เตรียมเสื้อผ้ามานอนเฝ้าบิดา...
เสียงถามเซ็งแซ่รอบตัว พะแพงยิ้มเศร้าๆ ก่อนตอบ รู้สึกเต็มตื่นกับความห่วงใยของคนรอบตัว...
“พ่อยังไม่ฟื้นค่ะอยู่ ICU แพงคงต้องไปนอนเฝ้า”
เธอตอบทุกคำถาม เมื่อเสียงถามเหล่านั้นเพราะพวกเขาเป็นห่วง มือเล็กๆ ก็หยิบจับข้าวของที่กองไว้เก็บลงกล่อง เพื่อจะลำเลียงกลับบ้าน...
“เก็บร้านทำไมล่ะแพงเอ๋ย...กว่าห้อง ICU จะเปิดก็2 ทุ่ม ขายๆ ไปก่อนลูก เก็บสตางค์ไว้เป็นทุนดีกว่าเสียของ ไม่หมดยังไงเดี๋ยวฝากพวกป้าขาย...เราต้องใช้เงินลูก...ทำๆ ไปก่อน”
เสียงท้วงจากป้าขายไก่ทอด หญิงสาวชะงัก แต่เธอคงไม่มีแรงใจที่จะขายของ เมื่อเป็นห่วงบิดาสุดใจ
“ป้ารู้ แต่เราต้องใช้เงินลูก...”
พะแพงตัดสินใจ เธอหยุดเก็บของ จุดไฟในเตา ปั้นทอดมันหย่อนใส่กระทะ เริ่มต้นการขายของใหม่ แม้หัวใจจะหนักอึ้ง สีหน้าเธอซีดๆ กระบอกตาร้อนผ่าว...สูดจมูกบ่อยๆ เพื่อกลั้นสะอื้น วันนี้จึงเป็นวันที่พะแพงเศร้าจัด แม้จะยังยิ้มได้ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่กร่อยเต็มทน
19:00 นาฬิกา พะแพงตัดใจเก็บร้าน ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาทำเงิน ลูกค้าในชุมชนที่เพิ่งจะเลิกงาน เริ่มเดินกันหนาตาขึ้น แต่...เธออยากเห็นหน้าบิดา อยากรู้อาการของท่าน จึงจำใจเก็บของ ฝากทอดมันที่ยังขายไม่หมดไว้กับป้าขายไก่ทอด ซึ่งนางก็รับอาสาด้วยความเต็มใจ พร้อมกับให้กำลังใจพะแพง เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง...
หญิงสาวลำเลียงแผงขายของกลับไปยังบ้านตัวเอง เธอเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ที่เดิม รีบจัดแจงล้างหน้าทาแป้ง เข็นรถจักรยานยนต์ออกมาจากข้างบ้าน สตาร์ทเครื่องยนต์ พาตัวเองไปยังโรงพยาบาล ด้วยหัวใจที่กระวนกระวาย...
มีเพื่อนรวมชะตากรรมนั่งรอที่หน้าห้อง ICU กันหนาตา มีทั้งคนสูงอายุ เด็กเล็ก เด็กโต พวกเขามาเฝ้ารอเวลาที่ประตูห้องจะเปิด รวมถึงพะแพงด้วย...
หญิงสาวนั่งกุมมือ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มอุ้งมือ เธอจ้องมองประตูหน้าห้อง ICU พร้อมกับความหวัง
แกร็ก...
นางพยาบาลดันประตูให้เปิดออก หญิงสาวถลาลุกขึ้นยืน พยายามเดินแทรกกลุ่มคนเข้าไปด้านใน พร้อมกับกวาดตามองหาบิดาไปด้วย
น้ำตาแทบร่วง...เมื่อแรกเห็นบิดา ท่านนอนอยู่บนเตียง พร้อมกับสายระโยงระยางของอุปกรณ์ช่วยยื้อชีวิต
พะแพงถลาเข้าไปใกล้ เธอเกาะขอบเตียง น้ำตารินไหลออกมาเงียบๆ ไร้เสียงสะอื้น มีแต่อาการสั่นไหว มือเรียวบางสั่นเทา เอื้อมกุมมือผอมบางของบิดาไว้ “พ่อจ๋า แพงมาแล้ว พ่ออย่าเป็นอะไรนะ”
น้ำเสียงสั่นพร่า น้ำตาไหลรินไม่หยุด เธอสูดจมูกแรงๆ กลั้นเสียงสะอื้น มองบิดาด้วยสายตารวดร้าว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พะแพงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เธอจะไม่มีวันยอมให้ท่านทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้...
หญิงสาวพยายามยิ้ม บอกตัวเองย้ำๆ ให้สู้ไว้...หากเธอหมดกำลังใจ แล้วใครล่ะจะเข้มแข็ง
แม้บิดาจะยังไม่ฟื้น...แต่ท่านก็ยังมีลมหายใจ พะแพงก็ยังมีความหวัง 1 ชั่วโมงกับความรวดร้าว ที่ทำได้แค่เฝ้ามอง และส่งผ่านกำลังใจให้คนนอนไม่ได้สติ หัวใจพะแพงแทบจะขาดรอนๆ เธอพร่ำภาวนา ร้องขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิอย่าเพิ่งเอาพระในชีวิตของเธอไป
หญิงสาวเดินคอตกออกจากห้องICU เมื่อหมดเวลาเยี่ยม...พะแพงทรุดตัวนั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้ริมทางเธอยังตัดใจกลับบ้านไม่ได้ แม้จะรู้ว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เพราะยังไม่อยากอยู่ห่างจากท่าน จึงยังนั่งมองเหม่อไปยังประตูห้อง ICU เหมือนจะบอกกับบิดาว่าเธอไม่มีวันถอยหนีไปไหน