บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 5/5
โทรศัพท์เครื่องเล็กราคาถูกถูกล้วงออกจากกระเป๋ากางเกง หญิงสาวชั่งใจอยู่นาน กว่าจะตัดสินใจแจ้งให้พี่ชายคนเดียวรู้เรื่องร้ายๆ นี้
เสียงสัญญาณดังติดต่อกันอยู่ประมาน1 นาทีก่อนจะถูกตัด...หญิงดึงโทรศัพท์ออกห่างๆ หู มองหน้าจอด้วยความมึนงง ปลายนิ้วเรียวสวย กดหมายเลขเดิมซ้ำอีกครั้ง และนิ่งฟังเสียงสัญญาณที่ยังดังติดต่อกันแล้วก็ถูกตัดเหมือนเดิม...
พะแพงขมวดคิ้ว...ก่อนจะตัดใจ งานของพะนายคงกำลังยุ่ง เธอไม่ใคร่รู้เนื้องานของพี่ชายสักเท่าไร รู้แค่ว่า พะนายทำงานเหมือนเป็นการ์ดให้กับคนร่ำรวยคนหนึ่ง...คอยดูแลและอารักขา...ตัวติดกันไปทุกที่ มันได้เงินดี แต่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวเลย นานนับเดือนแล้วที่พะแพงยังไม่ได้พบเจอกับพี่ชาย มีแค่เงินเดือนที่พะนายโอนเข้าบัญชีให้ เมื่อสองพี่น้องช่วยกันเก็บสะสมเงิน ไว้สำหรับ ‘บ้าน’ หลังน้อยในฝัน
“พี่นาย พ่อ...”
หญิงสาวรำพันเสียงแผ่ว...เสียงเธอขาดหายไป เพราะกลั้นสะอื้น
พะแพงนั่งอยู่ตรงนั้น จนคนทยอยหายไปเกือบหมด บางคนหลบมุมนอนซุกอยู่ข้างทาง เพราะคงไม่อยากห่างคนที่เขารัก แม้จะลำบากลำบนก็ยอมทน หญิงสาวตัดใจลุกขึ้นยืน...เธอเหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ แค่ประเดี๋ยวเดียว เวลาผ่านไปนานโข จวนจะล่วงเข้าวันใหม่เต็มทน...
“พ่อจ๋า แพงกลับบ้านก่อนนะ เช้าแพงจะรีบมา...”
หญิงสาวเปรยฝากสายลม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบิดาจะรับรู้
แม้จะไม่อยากถอยห่างไปจากตรงนี้เลย...แต่หากยังนั่งอยู่ ก็คงช่วยอะไรบิดาไม่ได้ แถมยังเกะกะขวางทางคนอื่นๆ ด้วย
สายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านใบหน้า แล้วก็เลยผ่านไป เมื่อพะแพงควบรถจักรยานยนต์คู่ใจกลับห้องเช่าของตัวเอง ถนนตอนกลางคืนแทบจะร้างรารถยนต์ มีไฟฟ้าสว่างพอสมควร แต่ก็ช่วยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอุ่นใจขึ้น เธอขับรถด้วยความเร็วคงที่ ไม่ช้าและก็ไม่เร็วเกินไป เกือบ10 นาทีที่เธออยู่ตัวคนเดียวบนท้องถนน จนกระทั่งถึงชุมชนแออัดที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ ร้านค้าข้างทางก็ยังมีบ้าง แต่ไม่มากเท่ากับช่วงเย็นๆ...
หญิงสาวขมวดคิ้ว ยกมือเปิดฝาครอบของหมวกกันน็อค เมื่อรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เข้าใกล้ตัวห้องเช่า แสงไฟฟ้าตรงบ้านเธอสว่างมากกว่าปกติ!! มีคนชุมนุมกันหนาตา มีเสียงดังโครมคราม พร้อมกับสิ่งของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้น
เกิดอะไรขึ้น!!
ใคร? ทำอะไรกับบ้านของเธอ...
พะแพงกระโจนลงจากรถจักรยานยนต์แบบไม่กลัวเจ็บ เมื่อสิ่งที่เธอเห็นน่าตระหนกมากกว่า
“แพงๆ ไอ้พวกนี้มันรื้อของในบ้านแพงออกมาโยนทิ้งไว้อะ ใครกันเหรอ?”
เสียงถามรอบตัวดังลั่น พะแพงส่ายหน้า เธอแน่ใจว่าไม่รู้จักใครในกลุ่มคนนั่น สักคนเลย
หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอมองแผ่นหลังเหยียดตรงของผู้ชายที่ยืนชี้นิ้วสั่ง...เบื้องหน้ากับฝูงผู้ชายวัยฉกรรจ์ เสียงของเขาดังลั่น แฝงแววอำมหิตจนขนแขนของเธอลุกเกรียว
“ขนออกมาให้หมด...หึ!! มีแต่ขยะ ให้มันรู้ไปว่ามันจะมุดหัวหลบซ่อนตัวอยู่ได้อีก!!”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาโกรธแค้นอะไรกับครอบครัวเธอนักหนา ถึงได้ใจร้ายใจดำเช่นนี้ ใช่...สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นหิ้วมาโยนทิ้ง...มันอาจจะเป็นขยะในสายตาเขา...แต่สำหรับเธอมันคือสมบัติทางใจ ไม่ว่าจะเป็นตำราเก่าๆ หรือแม้แต่หม้อ ไห กระทะ ที่เก่ากึก แต่มันอยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้
“หยุดนะ!! คุณต้องการอะไรกับฉันกันแน่ นี่บ้านฉันเองค่ะ และถ้าหากคุณยังไม่หยุดทำบ้าๆ นี่ ฉันจะแจ้งความ”
หญิงสาวตะโกนลั่น เสียงดังจอแจรอบตัวสงบลง พร้อมกับการที่ชายผู้นั้น หมุนขวับ!! กลับมามองจ้องหน้าเธอ
ภาคิน อภิเษศโยธา เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขากวาดตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ไอ้นายมันมุดหัวอยู่ไหน?!!”
เขาไม่ได้นึกกลัว หลังหรี่ตามองผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่แผดเสียงใสเขา ภาคินตวาดกลับเสียงกัมปนาทปานฟ้าผ่า พะแพงเสหลบตา เมื่อดวงตาเรืองรองของผู้ชายตรงหน้าเหมือนดวงตาพยัคฆ์ร้ายที่จ้องจะตะปบเหยื่อ
“คุณเป็นใครคะ?” พะแพงยืนกำหมัดแน่นรวรวมความกล้าย้อนถามเขาเสียงแข็ง มองสภาพห้องพักที่ใช้ซุกหัวนอนที่ถูกทำลายจนยับเยินด้วยสายตารวดร้าว