บทที่ 1 (2)
“เอ่อ...เจ้านายจะให้พริ้นซ์เอาเอกสารเหล่านี้ไปให้ทะ...ท่านชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ เซ็นถึงที่ประเทศ
อัสดารานส์หรือคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก เธอไม่กลัวเรื่องการเดินทางไปไกลถึงอีกซีกฝั่งของโลก แต่เธอกลัวที่จะต้องพบกับเจ้าของประเทศ ชีคหนุ่มที่มีสายตาคมกริบด่ำลึกดุจพญาเหยี่ยว
“ถูกแล้วคุณต้องนำคู่สัญญาไปให้ท่านชีคเซ็นถึงที่ประเทศอัสดารานส์” กรกฏเน้นย้ำเสียงทุ้ม
“เอ่อ...ทำไมต้องเป็นพริ้นซ์ด้วยคะ ให้คุณอื่นไปแทนไม่ได้หรือคะ ให้น้องพันธิสาไปก็ได้นี่คะ”
หญิงสาวปัดปฏิเสธไม่เต็มซุ่มเสียงนัก พันธิสาที่เธอพูดถึงเป็นเลขาของกรกฏอีกคนซึ่งทำงานได้ดีไม่แพ้กัน
“คุณน่ะดีแล้ว คุณพูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าพันธิสาเยอะ แล้วที่สำคัญคุณก็สามารถแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้เก่งกว่าพันธิสา ถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินทันด่วนผมเกรงว่าพันธิสาจะไม่ทันกิน”
“แต่น้องพันธิสาก็พูดภาษาอังกฤษคล่องนะคะ พริ้นซ์เกรงว่าตัวเองจะสื่อสารกับท่านชีคไม่รู้เรื่อง”
ปิณฑิราพยายามยกสารพัดเหตุผลมาเป็นข้ออ้าง
“ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดกับท่านชีคไม่รู้เรื่องหรอกน่ะ ท่านชีคฟาซิซต์ พูดภาษาไทยได้ชัดเจน นัยว่าท่านมีแม่เป็นคนไทยเลยทำให้พูดและอ่านเขียนภาษาไทยได้ด้วย”
กรกฏเอ่ยบอกยิ้มๆ ตามข้อมูลที่ตนเองศึกษาประวัติของชีคหนุ่มท่านนี้มา
ปิณฑิราก้มหน้านิ่งขอบตาร้อนผ่าวเอ่ยตอบเจ้านายหนุ่มอยู่ในใจ
‘ถูกแล้วค่ะ ชีคฟาซิซต์พูดภาษาไทยได้ชัดเจน ยิ่งเวลาที่พริ้นซ์ตอบสนองทำให้ท่านพึงพอใจ ท่านยิ่งชอบและพึมพำเป็นถ้อยคำภาษาไทยหวานซึ้งสละสลวย’
กรกฏเห็นลูกน้องสาวก้มหน้านิ่งราวกับลำบากใจจึงเอ่ยถามออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าพริ้นซ์ ปกติคุณไม่เคยบ่ายเบี่ยงปฏิเสธงานที่ผมมอบให้สักครั้ง แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเกิดอึกอักไม่อยากรับงานล่ะครับ”
ปิณฑิราหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อถูกเจ้านายตำหนิ เธออยากจะบอกกรกฏว่าจะส่งเธอไปทำงานที่ไหนไกลหรือทุรกันดารเพียงใดเธอก็ไม่เกี่ยง...ขอเพียงแค่อย่างเดียว...อย่าส่งเธอไปหาชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ เลย
“คือ...พริ้นซ์เกรงว่าคุณแม่จะดูลูกชายของพริ้นซ์แค่ตามลำพังไม่ไหวนะคะ”
“พริ้นซ์...ช่วงที่คุณเดินทางไปอเมริกาคุณแม่คุณก็ดูแลลูกชายคุณได้นี่”
กรกฏเอ่ยค้านเขาชักอยากจะรู้แล้วสิว่าทำไมหญิงสาวแสนสวยและเก่งกาจเรื่องการทำงานคนนี้ถึงได้คิดปฏิเสธที่จะทำงานชิ้นสำคัญชิ้นนี้
“อย่าทำให้ผมผิดหวังน่ะพริ้นซ์ งานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นเอกที่จะเชิดหน้าชูตาบริษัทของเราและจะทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณอีกหลายๆ คนมีงานมีเงินไปจุนเจือครอบครัวด้วย”
เมื่อถูกมัดมือชกแบบนี้ก็ทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป ใบหน้างามเนียนเงยขึ้นสบตากับเจ้านายก่อนจะเอ่ยถามอย่างยอมจำนนต่อเหตุผล
“เจ้านายจะให้พริ้นซ์เดินทางไปเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้...เครื่องออกตอนตีห้าครึ่ง” กรกฏยิ้มกว้างอย่างโล่งอกเมื่อลูกน้องสาวยอมตอบรับทำงานชิ้นเอก
ปิณฑิราได้ยินกำหนดเส้นตายเวลาเดินทางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ทำไมเร็วจังเลยคะ พริ้นซ์นึกว่าอีกวันสองวันถึงได้ออกเดินทาง”
“ไม่ได้หรอกพริ้นซ์ ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาสในการทำธุรกิจ และอีกอย่างท่านชีคก็เร่งมาด้วยอยากให้ทางเรานำคู่สัญญาไปให้ท่านเซ็นโดยด่วน”
“พริ้นซ์เกรงว่าจะเตรียมเอกสารการเดินทางไม่ทัน”
“ทันสิ พาสปอร์ตคุณยังไม่หมดอายุไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับคำเสียงแผ่วเบา
“ถ้างั้นคุณกลับบ้านจัดกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางได้เลย ส่วนตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปเบิกกับ
พันธิสา ผมสั่งให้เธอเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่พักก็ไม่ต้องเป็นห่วง พันธิสาโทรไปจองโรงแรมให้คุณแล้ว”
“เจ้านายคะ พริ้นซ์ต้องอยู่ที่อัสดารานส์กี่วันคะ” หญิงสาวรวบแฟ้มเอกสารทั้งสองแฟ้มมาถือไว้ในมือขณะที่เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“อันนี้ขึ้นอยู่กับท่านชีคฟาซิซต์น่ะพริ้นซ์ ผมตอบไม่ได้ ถ้าหากท่านชีคเห็นว่าสัญญาไม่มีปัญหาท่านเซ็นเอกสารให้เร็ว คุณก็ได้กลับเร็ว แต่ถ้าท่านเห็นว่าสัญญามีปัญหาไม่เซ็นให้ คุณก็ต้องอยู่จนกว่าจะได้ลายเซ็นของท่านชีคมา”
“แบบนี้ก็แย่สิคะ ถ้าชีคฟาซิซต์ไม่เซ็นให้สักที พริ้นซ์ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ที่อัสดารานส์หรือคะ”
หญิงสาวเอ่ยประท้วงเสียงอ่อยหมดหนทางที่จะปฏิเสธงานชิ้นเอกชิ้นนี้แล้ว
“เพราะเหตุนี้ไงผมถึงตัดสินใจเลือกให้คุณเป็นคนส่งสาส์น ถ้าหากชีคฟาซิซต์ไม่ยอมเซ็นเอกสารให้สักทีคุณก็ต้องใช้นี่...หาหนทางและวิธีที่จะให้ท่านเซ็นให้ได้”
กรกฏเอ่ยแนะนำพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หัวสมองของตนเอง เขาเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้หญิงสาวจะสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ และอีกอย่างข้อสัญญาที่เขียนขึ้นมาเขาก็ได้ส่งตัวอย่างสัญญาเข้าอีเมล์ของท่านยาฟัสส์องครักษ์ของท่านชีคได้ดูล่วงหน้าแล้ว เมื่อฝ่ายท่านชีคพึงพอใจกับสัญญาที่เขียนขึ้นมาก็ได้ตอบตกลงให้นำเอกสารมาให้เซ็นที่อัสดารานส์
“แล้วก็อย่าลืมถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ของอัสดารานส์มาด้วยน่ะพริ้นส์ เอาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าหากถ่ายทุกซอกทุกมุมของประเทศมาได้ก็ยิ่งดี จะทำให้ทีมงานของเราที่นี่วางแผนการทำสื่อได้ง่ายมากขึ้น”
“เอ่อ...เจ้านายคะ ทำไมไม่ให้ใครไปกับพริ้นซ์อีกสักคนล่ะคะ”
ที่เอ่ยขอไม่ใช่เพราะกลัวลำบากในเรื่องการทำงานตามที่สั่ง แต่หญิงสาวต้องการให้เพื่อนร่วมงานที่จะเดินทางไปด้วยเป็นคนเอาเอกสารไปให้ชีคฟาซิซต์แทนเธอ
กรกฏโบกมือปฏิเสธว่อน “ไม่ได้หรอกพริ้นซ์ คุณไม่รู้หรือไงว่าค่าใช้จ่ายในประเทศนี้แพงลิบลิ่วพอๆ กับราคาน้ำมันที่เขาส่งออกขายทั่วโลก ผมอยากให้คุณเข้าไปเก็บข้อมูลก่อน เอาเท่าที่คุณจะสามารถเก็บรวบรวมมาได้ จากนั้นค่อยให้ทีมงานของเราลงพื้นที่อีกครั้ง”
“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ พริ้นซ์จะพยายามค่ะ”
หญิงสาวรับคำเสียงอ่อนอย่างหมดหวังสำหรับหนทางในการหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับชีคหนุ่มผู้มีนัยน์ตาลึกลับยากที่จะหยั่งถึง
“อย่าทำให้ผมผิดหวังน่ะพริ้นซ์” กรกฎเอ่ยย้ำหนักแน่นจริงจัง
“ไม่ผิดหวังค่ะ”
ปิณฑิราตอบรับด้วยสีหน้าและน้ำคำที่หนักแน่นพอๆ กัน ทั้งๆ ที่ในใจแอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่กล้าเผยให้เจ้านายรับรู้และผิดหวังในตัวเธอ
“กลับไปได้แล้วพริ้นซ์ ไปพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทาง เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงถ้าหากคุณอยู่นานแค่ไหนทางบริษัทจะออกให้ทั้งหมด”
เจ้านายผู้ใจดีเอ่ยบอกก่อนจะหมุนเก้าอี้เข้าหาเครื่องโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานใหญ่บ่งบอกว่าต้องการตัดบทการสนทนาแล้ว
ปิณฑิราลอบถอนหายใจยาวอย่างหนักใจก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หนานุ่ม เท้าเรียวเล็กพาเรือนร่างโปร่งบางก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานใหญ่แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกพ้นจากห้องดี เจ้านายวัยค่อนคนก็เอ่ยเรียกอีกครั้งพร้อมกับเตือนออกมาด้วยความหวังดี
“พริ้นซ์...ก่อนเดินทาง คุณเข้าไปค้นหาข้อมูลศึกษาขนบธรรมเนียมของประเทศอัสดารานส์ไว้บ้างน่ะ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งก็ชนะทั้งร้อยครั้ง”
ปิณฑิราชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องหันมายิ้มบางๆ ให้เจ้านายแต่ไม่ได้เอ่ยตอบออกมา เมื่อก้าวพ้นห้องทำงานและประตูบานใหญ่ปิดลง หญิงสาวก็ค่อยๆ เอนกายพิงประตูไว้อย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจพร้อมกับเปล่งเสียงพึมพำออกมาอย่างรู้สึกท้อแท้
“คุณกรกฏพูดถูก รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ใช้ไม่ได้กับชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์”