บทที่ 2
ฝนตกลงมาแล้ว พร้อมกับเสียงฟ้าคำรามที่ดังขึ้นเป็นระยะ
ที่นั่งติดกับหน้าต่าง หญิงสาวหน้าตาสดสวยคนหนึ่งนั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปด้านนอก ฝนที่ตกแรงทำให้นางมองเห็นเพียงม่านฝนสีเทา และละอองฝนที่กระเซ็นเข้ามาทางหน้าต่าง จนบนเส้นผมสีดำขลับที่ถูกเกล้าขึ้นครึ่งศีรษะนั้นมีละอองฝนเกาะพร่างพราย
“โธ่ คุณหนูจิวอิน เข้าไปข้างในเถิดเจ้าค่ะ นั่งตรงนี้จะเป็นหวัดเอาได้นะเจ้าคะ” สาวใช้ที่เข้ามาปรนนิบัติหญิงสาว เห็นนางนั่งตรงริมหน้าต่างก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เจียงจิวอินได้สติ หันหลังกลับไปยิ้มให้กับสาวใช้ “รู้แล้วๆ ข้าจะกลับเข้าข้างในเดี๋ยวนี้ละ” พูดแล้วนางก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องส่วนใน
พอเห็นคุณหนูของตนนั่งลงบนเตียงแล้ว สาวใช้รีบหยิบผ้าผืนหนาคุมไหล่ให้นาง และยังหันกลับไปรินชาร้อนกรุ่นที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ก่อนจะลุกขึ้นช่วยซับละอองฝนที่เกาะบนศีรษะให้กับคุณหนู
เจียงจิวอินยกชาขึ้นจิบ พบว่าชาถ้วยนี้มีส่วนผสมของขิง นางก็แสร้งตัดพ้อว่า “ข้าอ่อนแอขนาดนี้เชียวหรือ ฝนตกแค่นี้บำรุงข้าเหมือนกับว่าข้าป่วยแล้วกระนั้นแหละ”
สาวใช้ที่ซับละอองฝนบนเส้นผมของคุณหนูเสร็จแล้ว ขยับตัวออกมายืนด้านข้าง ก้มหน้าตอบว่า “ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนู นี่เป็นคำสั่งของนายท่านและฮูหยิน พวกท่านกำชับมาว่าต้องเป็นชาผสมขิงเท่านั้นถึงจะช่วยให้ร่างกายของคุณหนูอบอุ่นขึ้นเจ้าค่ะ”
เจียงจิวอินพยักหน้า จิบชาอีกอึกหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ออกไปข้างนอก “เจ้าก็ออกไปได้แล้ว ข้าจะนอนกลางวันสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับคำสั่ง ก่อนเดินออกจากห้อง
สาวใช้เดินออกจากห้องของนางไปแล้ว แต่เจียงจิวอินไม่ได้ทิ้งตัวลงนอนอย่างที่ปากว่า นางเอาผ้าคลุมไหล่ลง จากนั้นก้าวลงจากเตียง และนั่งลงด้านหน้าตู้ไม้ที่ตั้งวางอยู่ข้างเตียงนอน
นางเปิดตู้ไม้ออก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของเด็กผู้ชายที่ถูกพับเก็บไว้อย่างดีออกมา
หญิงสาวยกเสื้อคลุมนั้นขึ้นมาแนบอกด้วยท่าทางทะนุถนอม พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังคิดถึงใครบางคน
ช่วงเวลาไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ เจียงจิวอินเหม่อลอย ก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า “เจ็ดปีที่ไม่ได้พบหน้า ท่านไปอยู่เสียที่ไหน หลิ่งเฟย...”
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
เมื่อวานฝนตกตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงหัวค่ำ เช้าวันนี้ต้นไม้ดอกไม้ในสวนที่ได้รับน้ำจึงเบ่งบานสดใส เหล่าแมลงและผีเสื้อก็ออกมาดอมดมน้ำหวาน
เจียงจิวอินกระตือรือร้นถือตะกร้าออกมาเก็บดอกไม้หลากสีสันที่ปลูกในสวน โดยด้านหลังของนางมีสาวใช้นางหนึ่งคอยติดตาม
“คุณหนูเก็บดอกไม้เยอะแยะขนาดนี้ จะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ”
หญิงสาวยิ้มตอบ แต่ไม่หันไปมองสาวใช้ด้านหลัง “ประดับแจกันไง ประดับแจกัน”
“เช่นนั้นให้ข้าช่วยถือตะกร้านะเจ้าคะ”
เจียงจิวอินหันกลับไปยื่นตะกร้าให้สาวใช้ถือ ส่วนนางเดินเลือกดอกไม้ช่อที่สวยที่สุดและใหญ่ที่สุด ก่อนจะใช้กรรไกรตัดดอกไม้นั้นใส่ลงตะกร้าช่อแล้วช่อเล่า
สาวใช้ที่คอยติดตามเจียงจิวอินอยู่ด้านหลัง เห็นท่าทางสดใสของเจ้านายตนก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้ นั่นก็เพราะคุณหนูทั้งสวยและใจดี หากได้ออกเรือนกับคุณชายตระกูลใหญ่คงดีไม่น้อย แต่น่าเสียดาย แม้คุณหนูอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ทว่านายท่านกลับไม่อนุญาตให้คุณหนูออกเรือน ประหนึ่งว่ากำลังรอคอยใครบางคนอยู่...
เผลอแปบเดียว เจียงจิวอินก็เก็บดอกไม้จนเต็มตะกร้า
นางหันหน้ามารับตะกร้าจากสาวใช้ ก่อนบอกว่า “ขอบใจเจ้ามาก เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ ข้าจะถือตะกร้านี้กลับเข้าเรือนเอง”
สาวใช้ที่ก่อนนั้นยืนครุ่นคิดได้สติ รีบตอบกลับทันทีว่า “เจ้าค่ะคุณหนู”
หญิงสาวยิ้ม ก่อนจะเดินถือตะกร้าดอกไม้ก้าวเดินไปข้างหน้า
ระหว่างเดินกลับเข้าเรือน เจียงจิวอินหยิบดอกไม้ที่เพิ่งตัดขึ้นมาชมดู ครุ่นคิดว่าแจกันแรกที่นางจะประดับเป็นห้องโถงหรือห้องนั่งเล่นดี
เอ... ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่น่าจะกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ห้องโถง เช่นนั้นไปหาพวกท่านก่อนดีกว่า
คิดแล้ว หญิงสาวก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องโถงทันที
เวลาเดียวกันในห้องโถง บนโต๊ะอาหารเจียงซูเจ๋อและเจียงฮูหยินกำลังรับประทานมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย
มิใช่อาหารมื้อนี้เปลี่ยนพ่อครัวคนใหม่ แต่เพราะความรักของพวกเขายังคงหวานชื่นไม่เปลี่ยน เจ้าคีบอาหารให้ข้า ข้าคีบอาหารให้เจ้า ต่อให้รสชาติของอาหารจืดกว่านี้ พวกเขาก็ยังคงว่าอร่อย!
“มา ฮูหยิน เนื้อไก่ผัดขิงช่วยบำรุงร่างกาย กินอีกสักหน่อยนะ” เจียงซูเจ๋อพูดพลางคีบเนื้อไก่ให้ฮูหยินของเขาไปพลาง
เจียงฮูหยินเอียงหน้าเขินอาย
ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี บนเสื้อมีลายปักของเหยี่ยวที่กำลังกางปีกโผบิน เดินเข้ามาหยุดใกล้โต๊ะรับประทานอาหาร ซ้ำยังประสานมือค้อมกายคารวะผู้สูงวัยทั้งสองด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
“คารวะท่านอาเจียงทั้งสอง”
เสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มเรียกความสนใจของสามีภรรยาแซ่เจียงให้หันไปมอง
เจียงซูเจ๋อที่ถือตะเกียบกำลังจะคีบเนื้อไก่ให้ภรรยาเหลือบตาขึ้น พลันเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนก็เผลอปล่อยตะเกียบหลุดมือ จนเกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’
เช่นเดียวกับฮูหยินของเขาที่อ้าปากเหวอ ตาโตขณะกวาดมองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
สามีภรรยาแซ่เจียงนิ่งมองชายหนุ่ม ไม่มีใครพูดสิ่งใด ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
แต่กระนั้น บนสีหน้าที่แสดงออกอย่างตกตะลึงนี้ พวกเขาล้วนจดจำได้ว่า ภายใต้ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนาเฉียงขึ้นเหมือนใบดาบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูปของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร
ชายหนุ่มเห็นผู้อาวุโสทั้งสองเงียบนิ่งนานแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านอาเจียงทั้งสอง?”
ได้ยินเสียงกระตุ้นเตือน เจียงซูเจ๋อสะดุ้ง กวาดตามองชายหนุ่มหนึ่งตลบ ก่อนพูดขึ้นว่า “...ล... หลิ่งเฟย... เซี่ยหลิ่งเฟย?!”
ชายหนุ่มกำลังพยักหน้าตอบ
ทว่าตอนนั้นเอง เจียงจิวอินเดินเข้ามาในจังหวะที่ได้ยินบิดาเรียกชื่อชายหนุ่มพอดิบพอดี ตะกร้าที่มีดอกไม้เต็มตกลงพื้น พร้อมตาโตตะลึงกับภาพตรงหน้า
ตุบ!
ชายหนุ่มหันกลับมามอง หลุดปากเรียกชื่อของนาง
“จิวอิน?”
นางเองก็เช่นกัน
“หลิ่งเฟย”