เจ้าสำนักคุ้มกันรัก

83.0K · จบแล้ว
มู่ตาน
43
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เซี่ยหลิ่งเฟยและเจียงจิวอินเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็ก ตอนอายุสิบห้า บ้านของเขาเกิดเรื่องมากมาย เขาหายตัวไปพร้อมกับครอบครัว ทิ้งให้นางเฝ้ารอคอยอย่างไร้ความหวัง ทว่าเจ็ดปีต่อมา เซี่ยหลิ่งเฟยกลับมาเพื่อสู่ขอเจียงจิวอินเป็นภรรยา... ท่ามกลางความดีใจหลังจากได้พบกันอีกครั้ง เจียงจิวอินกลับพบว่าการมาของเซี่ยหลิ่งเฟยครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้นางรู้สึกสับสน เขายังสร้างความเจ็บปวดทางกายและจิตใจให้กับนาง คล้ายได้กลายเป็นใครอีกคน คนที่นางไม่รู้จัก คนที่เย็นชา และชื่นชอบความรุนแรง นั่นก็คือเซี่ยหลิ่งเฟยในตอนนี้!

นิยายจีนโบราณนิยายรักนิยายรักโรแมนติก

บทที่ 1

ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตกอยู่รอมร่อ แต่ในลานกว้างของสำนักคุ้มภัยวิหคเหินกลับมีชายหนุ่มนับสิบคนฝึกฝนวรยุทธ์อย่างขันแข็ง โดยมีชายสูงวัยผู้มีผมขาวทั้งศีรษะ ยืนทำมือไพล่หลังมองดูชายหนุ่มทั้งหลายด้วยใบหน้าชื่นชม

ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม สวมใส่ชุดดำเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านหลังของชราซึ่งมีอายุเกือบแปดสิบปี เขาประสานมือทำท่าเคารพ

“ท่านเจ้าสำนักซ่ง...”

ชายหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้น ชายชรานามว่าซ่งเถียนที่ยืนหันหลังให้ หันหน้ากลับมามองเขาด้วยสายตาเฉียบคม แตกต่างจากชายชราที่มีอายุเท่ากันอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะบอกผู้น้อยว่า “หลิ่งเฟย เจ้าลืมแล้วหรือว่าต้องเรียกข้าว่า ‘ท่านปู่’ น่ะ”

ถึงจะโดนตำหนิ แต่เซี่ยหลิ่งเฟยยังคงยิ้มด้วยความนอบน้อม

“เรื่องนั้นช่างเถอะ” ชายชราพูดพลางถอนหายใจ “หลิ่งเฟยเอ้ย ข้ารู้จักบิดาและมารดาของเจ้ามานานหลายปี ก่อนมารดาของเจ้าจะสิ้นลมนางได้ฝากเจ้าไว้กับข้า ข้าเองก็เห็นเจ้าเป็นหลานชายแท้ๆ ในวันพรุ่ง ก่อนที่ข้าจะสละตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ให้กับเจ้า ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องเจ้าในฐานะเจ้าสำนัก”

เซี่ยหลิ่งเฟยมีสีหน้ากลับมากระด้างดังเดิม ก่อนจะรับปากด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านปู่ หากท่านต้องการ จะกี่เรื่องข้าล้วนทำให้ท่านได้”

ชายชรายิ้มพร้อมพยักหน้าบอก “ดี”

“ท่านปู่มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”

ซ่งเถียนเปลี่ยนมาทำสีหน้าจริงจัง เริ่มบอกอีกฝ่ายว่า “ข้าอยากเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่แสนสุข อย่าได้เหมือนกับข้าที่ชักช้าไม่ยอมสู่ขอสตรีที่ตนรักมาเป็นภรรยา กระทั่งนางถูกแย่งชิงไป ถึงสำนึกได้ทีหลังว่าตนไม่อาจแต่งงานกับสตรีคนไหนได้อีก”

เดิมใบหน้าของเซี่ยหลิงเฟยแข็งกระด้างอยู่แล้ว พอได้ยินประโยคเหล่านั้น หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นกระด้างมากกว่าเดิม “ท่านปู่หมายถึง?”

“ข้ามีหลานสาวคนงามอยู่นางหนึ่ง อยากแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก” ชายชราพูดต่อ “เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร”

“หากเป็นนางล่ะก็ข้าปฏิเสธ” ชายหนุ่มพูดขึ้นโดยไม่ต้องหยุดคิด เพราะรู้ดีว่าหลานสาวคนงามที่ซ่งเถียนต้องการแนะนำนั้นเป็นใคร จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ข้ามีหญิงในดวงใจแล้วขอรับ”

ซ่งเถียนเลิกคิ้วด้วยความหลากใจ เพราะไม่คิดว่าเซี่ยหลิ่งเฟยที่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้จะตอบกลับด้วยเสียงที่แข็งและท่าทางมั่นอกมั่นใจ ถึงกระนั้นเขาก็ยังเอ่ยต่อไปว่า “ความจริงแล้ว ข้าก็ไม่อยากฝืนใจบังคับให้ชายหญิงที่ไม่ได้รักใคร่ชอบพอมาแต่งงานกันนักหรอก เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผิดบาป ว่าแต่ว่า เจ้ามีหญิงในดวงใจแล้วจริงหรือ หือ?”

“ข้าพูดจริงขอรับ”

มุมปากของชายชรายกยิ้มพร้อมบอก “เช่นนั้นก็พานางมาอยู่เสียที่นี่ ข้าจะจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินให้พวกเจ้าเอง”

ได้ยินประโยคนั้น เซี่ยหลิ่งเฟยขมวดคิ้วมากกว่าเดิม

ถึงได้รับการสนับสนุน แต่สีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้แสดงออกถึงความดีใจ ซ่งเถียนนึกสงสัยจึงเอ่ยถาม “มีปัญหาอะไรรึ”

เซี่ยหลิ่งเฟยตอบตามตรง “ข้าไม่ได้พบนางมาเจ็ดปีแล้ว ไม่แน่ใจว่าตอนนี้นางจะเป็นเช่นไรขอรับ”

ซ่งเถียนคาดเดา “อ้อ ดังนั้นเจ้ากลัวว่านางจะแต่งงานออกเรือนไปแล้ว?”

เซี่ยหลิ่งเฟยตอบ “ขอรับ”

ชายชราเอ่ยถามต่อ “หากเป็นเช่นนั้น เจ้ายังต้องการนางหรือไม่ล่ะ”

ครุ่นคิดเล็กน้อย เซี่ยหลิ่งเฟยค่อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ต้องการ”

ความมั่นอกมั่นใจนี้มาจากไหน เซี่ยหลิ่งเฟยเองก็ไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือ... สตรีที่เขาต้องการมาเป็นภรรยาต้องเป็น ‘นาง’ เท่านั้น

ชายชราพูดต่อ “เช่นนั้นเจ้ายังจะกลัวอะไรเล่า”

ชายหนุ่มตอบ “นางคงไม่ยินยอมแน่”

“มีสิ่งใดบ้างที่เจ้าสำนักวิหคเหินต้องการ แล้วไม่ได้มาครอบครอง” ซ่งเถียนแนะนำ “หากเจ้าต้องการนางจริงๆ ล่ะก็ ควรทำอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ”

เซี่ยหลิ่งเฟยมองผู้อาวุโสกว่าด้วยสายตาค่อนขอด พูดไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวมิใช่เพิ่งบอกว่าถูกแย่งสตรีอันเป็นที่รักไปหรอกหรือ ไฉนตอนนี้ถึงพูดเหมือนต้องการให้เขาแย่งชิงด้วยเล่า

ซ่งเถียนร้อนตัว เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร จึงรีบโต้กลับไปทันทีว่า “สตรีที่ข้าปักใจรักนางแต่งงานกับพี่ชายของข้า ข้าจะหักหาญน้ำใจนางได้หรือ อีกอย่าง ข้ามิได้ชั่วช้าขนาดฉุดคร่าภรรยาของพี่ชายตัวเองนี่”

สีหน้าของเซี่ยหลิ่งเฟยแสดงออกถึงความเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามผู้อาวุโสต่อไปว่า “ท่านปู่ เช่นนี้ท่านหมายให้ข้าฉุดคร่านางมาเป็นภรรยาหรือขอรับ”

คราวนี้ซ่งเถียนตอบด้วยเสียงฉุนเฉียว “แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ! หลังเจ้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักในวันพรุ่งนี้ ข้าจะสั่งให้คนจัดเตรียมชุดบ่าวสาวและเตรียมโต๊ะพิธีการ หากเจ้าเดินทางไปพบนางแล้ว อยากรับนางเป็นภรรยาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เจ้า ข้าไม่ได้บังคับเสียหน่อย”

เซี่ยหลิ่งเฟยเงียบ คิดถึงใบหน้าของ ‘นางในดวงใจ’ ที่ค่อนข้างเลือนรางไปบ้างแล้ว ไม่ได้พบกันถึงเจ็ดปี ป่านนี้นางจะมีหน้าตาอย่างไร และแต่งงานออกเรือนกับสามีตระกูลใด...

พอคิดมาถึงว่านางแต่งงานออกเรือนไปแล้ว หัวใจของเขาก็เกิดความว้าวุ่นสับสน

ก่อนนั้นไม่เคยคิด ตอนนี้พอได้ไตร่ตรองเรื่องของนาง เขากลับยอมรับเรื่องที่นางออกเรือนแล้วไม่ได้!

พอคิดดีแล้ว เซี่ยหลิ่งเฟยตอบซ่งเถียนอย่างแน่วแน่ว่า “ท่านปู่ เรื่องนี้ข้ามีคำตอบในใจแล้วขอรับ”

ซ่งเถียนพยักหน้าบอก “หากคิดได้แล้วก็ดี เจ้ากลับไปทำธุระของเจ้าต่อเถอะ!”

“ขอรับ”

พอเดินแยกออกมา เซี่ยหลิ่งเฟยยิ่งรู้สึกว่าตนต้องการพบนางมากกว่าที่คิด

นางจะจำเขาได้ไหม

นางจะโตขึ้นกลายเป็นหญิงสาวที่สวยขนาดไหน

ใครกันที่นางออกเรือนด้วย

นางจะมีลูกสาวหรือลูกชายแล้วกี่คน

คำถามเหล่านั้น ผุดขึ้นในใจเซี่ยหลิ่งเฟยตลอดทั้งวัน แต่ทว่า สิ่งเหล่านั้นมิใช่อุปสรรคหรือปัญหาสำหรับเขา หากต้องการจริงๆ แล้วล่ะก็ ไม่มีสิ่งไหนที่เขาครอบครองไม่ได้