บทที่ 6
เขาปัดทุกความนึกคิดที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ ที่ขณะนี้ยังเต้นเร่าอยู่ในสมองออก งานจะต้องมาก่อนเสมอ...หลังจากนั้นความรื่นรมย์จึงค่อยตามมา บิ๊คไม่อาจจะคิดถึงรางวัลตอบแทนที่ดีกว่านี้ที่กำลังรออยู่ ก่อนที่วันจะสิ้นสุดลงได้
เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงาน ทาเมร่าก็พบว่าตัวเองกำลังกำผ้าพันคอหลากสีผืนนั้นไว้แน่น เธอคลี่มันออกช้าๆ รีดด้วยฝ่ามือให้เรียบก่อนจะพันไว้รอบไหล่อีกครั้งและครั้งนี้เธอผูกปมปลายผ้าไว้ถึง 2 ชั้น เพื่อที่มันจะได้ไม่หลุดร่วงอีก กลิ่นหอมอ่อนๆของเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายยังติดอยู่บนผ้า ความรู้สึกขุ่นใจติดค้างอยู่ในอารมณ์จากเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้น
ทาเมร่าหลับตาลง สั่นศีรษะแรงๆราวจะขับไล่ประกายในดวงตาคู่สีเขียว ที่จ้องมองเธออยู่เมื่อครู่ให้เลือนหาย แต่เธอก็ยังมองเห็นภาพร่างสูงๆไหล่กว้างๆของผู้ชายคนที่อยู่ในสูทสีทรายที่ส่งผ้าพันคอคืนให้และเป็นเจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆที่ติดอยู่
ใบหน้าของเขาบอกความเป็นชายที่สมลักษณะอย่างยิ่ง คล้ำเป็นสีน้ำตาลอ่อนด้วยแสงแดด มีรอยย่นบางๆด้วยประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา แสงแดดยามเช้าส่องต้องเรือนผมสีน้ำตาลเข้มราวจะเปลี่ยนให้กลายเป็นสีทองแดง สายลมแรงปัดเส้นผมให้ปรกลงมาเหนือหน้าผากและทำให้เขาดูคล้ายเป็นคนไม่เอาถ่านอยู่ ริมฝีปากค่อนข้างบางแต่ก็ได้รูป ฝ่ามือค่อนข้างใหญ่ประกอบด้วยเล็บที่ตัดสั้นจนติดปลายนิ้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ นับตั้งแต่เสื้อผ้าราคาแพง ที่ตัดได้รูปทรงพอเหมาะกับเรือนร่างของเขา ทรงผมที่ตัดและหวีไว้อย่างประณีตเตือนใจให้ทาเมร่าคิดไปถึงเพชรที่ได้รับการเจียระไนมาแล้วอย่างดี ซึ่งแม้ว่าจะได้รับการตกแต่งด้วยฝีมือประณีตสักเพียงไรก็ตาม แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงในความแข็งแกร่งของมันได้
ผู้ชายทุกคน มักจะแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธออย่างเห็นได้ชัดและทาเมร่าก็รู้ซึ้ง ถึงความจริงในเรื่องนี้ เมื่อตอนที่เขาถามชื่อเธอนั้น ประกายในดวงตาของเขาราวจะละลายร่างเธอลงเสียให้ได้ เธอเองก็เกือบจะพลั้งปากบอกออกไปเสียด้วยซ้ำ แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า...? เพราะถึงแม้เขาจะติดต่อกับเธอและขอให้เธอได้ออกเดทด้วย เธอก็ไม่อาจไปกับเขาได้อยู่ดี ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการ ดังนั้น จึงมองไม่เห็นเลยว่า ทำไมจะต้องไปเหนี่ยวรั้งเขาไว้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ทาเมร่าก็ถอนหายใจด้วยความหนักหน่วงในอารมณ์
เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน วางกระเป๋าถือลงในลิ้นชักชั้นล่างสุด เก้าอี้หมุนส่งเสียงดังขึ้น เมื่อเธอทรุดตัวลงนั่ง เท้าข้อศอกลงบนโต๊ะ ประสานนิ้วไว้ตรงปาก เธอยังไม่อาจหาทางแก้ปัญหาเรื่องความคลาดเคลื่อนของตัวเลขในบัญชีบริษัทได้ และเวลาสำหรับการตรวจสอบบัญชีก็ดูจะเคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทาเมร่าเคยตัดสินใจว่าจะเพิ่มจำนวนตัวเลขเข้าไปในช่องบัญชีรายจ่ายเอาเอง แต่ถ้าถูกจับได้เธอจะต้องตกอยู่ในภาวะลำบากกว่านี้มาก ท้องที่ว่างเปล่าขณะนี้เหมือนมีปมแห่งความเครียดขมวดไว้ เป็นเวลาหลายวันมาแล้วที่เธอไม่มีความรู้สึกอยากกินอาหารเลย
ถึง 3 ครั้งที่เธอขอเข้าพบฮาโรลด์ สเตน เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เธอได้ทำลงไป แต่ดูเหมือนเขาจะหมดความสนใจในงานบริษัทไปแล้ว ทั้งทางด้านงานขายจนถึงงานการบัญชีและกำลังยุ่งอยู่กับการทดลองงานชิ้นใหม่ และเขาก็มักจะขัดจังหวะด้วยการสาธยายถึงประสิทธิภาพอันสุดแสนวิเศษของเครื่องมือชิ้นใหม่ที่เขาคิดประดิษฐ์ขึ้น เมื่อไม่สามารถทำให้เขาสนใจได้ ทาเมร่าก็จำต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำตามความมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ได้
ผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรกันแน่...คำถามที่ผุดขึ้นในใจทำให้เธอรู้สึกตกใจขึ้นมาทันทีถึงกับผลุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง ถามตัวเองอยู่ว่า...ทำไมความคิดของเธอจึงได้วนเวียนกลับไปหาคนแปลกหน้าคนนั้นอีก...?เขาถามหาฝ่ายขาย...บางทีเขาอาจจะสั่งเครื่องมือสักชิ้นกระมัง...หรือมีโครงการที่จะสั่งทำ...? มันสำคัญอะไรนักหรือ...?
ทาเมร่าพยายามสงบระงับอารมณ์ให้คงที่เข้าไว้ แม้ว่าเธอจะได้พบกับเขาอีกหรือได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา...แต่มันจะมีประโยชน์อะไร...ในเมื่อเธอไม่ได้มีอิสระอะไรเลย มีแต่ปัญหาส่วนตัวร้อยแปดที่จะต้องรับผิดชอบ
ในที่สุดเธอก็ปัดความคิดคำนึงถึงเขาออกไปเสียจากใจ เอื้อมไปหยิบรายการบัญชีแยกประเภทต่างๆที่วางอยู่ในตะกร้าขาเข้า มีงานอีกมากมายที่ยังรอมือเธออยู่ ถึงเวลาที่จะต้องยุติความฝันกลางวันและลงมือทำงานเสียทีได้แล้ว
1ชั่วโมงผ่านไป เธอก็พบว่ามันมีความผิดพลาดอย่างมากมายอยู่ในอินวอยซ์ที่ส่งมาทางแอร์เมล์ ทาเมร่าจึงเดินออกจากห้องทำงานเดินไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นห้องทำงานของแผนกบัญชีและพนักงานทุกคนจะนั่งรวมกันอยู่ในห้องนั้น เธอเดินตรงไปยังโต๊ะของเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกบิลชื่อ ซูซาน ดันน์ แต่แล้วก็พบว่าขณะนี้พนักงานแต่ละคนกำลังจับกลุ่มซุบซิบพูดจาเรื่องบางอย่างกันอยู่ บางคนก็เดินเพ่นพ่านไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้ บรรยากาศมีความตื่นเต้นแฝงอยู่อย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่เธอเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของซูซาน มีเสียงพูดคุยกันดังอยู่รอบๆตัว แต่ดูจะไม่ใช่การพูดคุยกันเรื่องปกติธรรมดาเสียแล้ว คล้ายกับมีความลับอะไรบางอย่างที่วิ่งวนอยู่ในบรรยากาศรอบๆห้อง
“ซูซาน...” เรียกชื่อเจ้าหน้าที่ผู้นั้นขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดจังหวะการพูดคุยกันอยู่ระหว่างซูซานกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหลัง
“โอ...”หญิงสาวร่างท้วมเจ้าของชื่อซูซานอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อหันมาเห็นทาเมร่าเข้า ก็ยกมือขึ้นลูบอก หัวเราะเขินๆออกมาเบาๆ
“แหม...เธอทำเอาฉันตกใจหมดเลย ได้ยินเรื่องนั้นหรือยังล่ะ?” ซูซาน ดันน์ ไม่รอให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องอะไรหรือ?” ทาเมร่าถามออกไป รู้สึกกังวลลึกๆอยู่ในใจ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและไม่รู้ด้วยว่า ทำไมจะต้องรู้สึกอย่างนั้น
“อ้าว...เรื่องที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร2 คน จากบริษัทเทย์เลอร์เขามาที่นี่น่ะสิ ท่าทางคงจะมาตรวจงานนะเธอฉันว่า...แพมเขาเพิ่งไปคุยกับแอนดี้ที่แผนกบริการมาแล้วแอนดี้ก็บอกว่า วันนี้เขาคงไปไหนไม่ได้หรอก เพราะมีคนใหญ่คนโตจากบริษัทเทย์เลอร์ แมชชีนส์มาที่นี่”
คำบอกเล่านั้น ราวกับนิ้วที่เย็นเฉียบกรีดลงมาตามกระดูกสันหลังของทาเมร่า...!
“ไม่...ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย” เธอกล่าวอย่างยอมรับ ขณะเดียวกันก็ยักไหล่ ราวกับเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวนั้นเลย เธอวางอินวอยซ์ลงบนโต๊ะทำงานของซูซานชี้ที่ผิดให้เห็น พร้อมกับบอกว่า “เธอไม่ได้ตรวจสอบตรงนี้อีกครั้ง ตอนที่บวกจำนวนสิ่งของกับจำนวนเงินเข้าด้วยกัน เธอต้องส่งอินวอยซ์ใบใหม่ที่ถูกต้องไปให้ลูกค้าแล้วก็ขอแก้ไขยอดเงินในบัญชีของเขาด้วย”
“ตายจริง...นี่ฉันทำผิดไปแล้วสินะนี่...!” ซูซานรับผิดอย่างงงๆ แต่แล้วก็หันความสนใจกลับไปยังเรื่องเดิมที่น่าสนใจมากกว่า “เธอว่าพวกเขาจะมาที่นี่กันไหม?”
“แน่ใจเลยละว่าต้องมา แต่คิดว่าก่อนจะมาก็คงจะต้องแจ้งให้เรารู้ตัวล่วงหน้ากันเสียก่อน” มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าฮาโรลด์ สเตน จะใช้สมองกับเรื่องนี้บ้าง...
ซูซาน ดันน์ เปิดลิ้นชักกลางโต๊ะทำงานออก หยิบลิปสติกกับกระจกออกมาทันที ชำเลืองมองทาเมร่าก่อนจะเติมลิปสติกสีแดงสดเคลือบลงบนริมฝีปาก
“เราควรจะต้องสร้างความรู้สึกที่ดีที่สุดแก่เจ้านายคนใหม่นะ จริงไหม...?” เธอหลิ่วตาให้เพื่อนสาว
“ซูซาน...เธอนี่เสียนิสัยจริงๆเลยนะ” ทาเมร่าส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ก็แทนที่จะไปห่วงเรื่องการสร้างความรู้สึกที่ดีอะไรนั่น ฉันว่าเราน่าจะห่วงเรื่องที่จะต้องเสียหลักเกาะเสียก่อนจะดีกว่าไหม...?” ขณะเธอขยับจะเดินออกจากตรงนั้น ทาเมร่าก็เตือนขึ้นอีกว่า “แล้วก็อย่าลืมแก้ใบอินวอยซ์เสียก่อนล่ะ”
เมื่อกลับเข้ามาอยู่ตามลำพังในห้องทำงานส่วนตัวอีกครั้ง ทาเมร่าก็รู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเฉยๆ ขณะนี้คนพวกนั้นมาถึงที่นี่แล้วซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า เวลาแห่งการรอคอยของเธอได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน เธอควรจะดีใจด้วยซ้ำเมื่อเรื่องราวจะได้รับการเปิดเผยออกมาและความรู้สึกหวาดวิตกที่กำลังลิดรอนจิตใจอยู่จะได้ยุติลงเสียที