บทที่ 4
ยิ่งนานนับวันที่ทาเมร่าได้เห็นมารดาอ่อนเปลี้ยลง กำลังใจของเธอก็ยิ่งกล้าแข็งขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสงสารใครสักคนที่ไม่ได้คิดสงสารตัวเองเลย แม่ของเธอเป็นคนที่มีกำลังใจดีมาตลอด ตราบใดที่แม่ยังไม่ยอมแพ้ ทาเมร่าก็จะยอมแพ้ไม่ได้เช่นกัน
ในช่วง 2-3 เดือนหลังนี้ อาการของแม่ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนที่หมอได้เตือนไว้แล้วก่อนหน้านี้ แม่ของเธอไม่อาจช่วยเหลือตัวเองแม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆได้อีกต่อไป และเพราะเหตุนี้เองทาเมร่าจึงจำเป็นต้องจ้างนางพยาบาลให้มาอยู่เป็นเพื่อนมารดาในตอนกลางวันขณะที่เธออกไปทำงาน
ค่ารักษาพยาบาลที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงในวันใด,ค่ายา,เงินเดือนของซาดี้และบิลค่ารักษาต่างๆจากหมอ ทำให้เงินที่สะสมไว้ขาดมือลงไปนานแล้วและถึงกับต้องเอาบ้านไปจำนองไว้เต็มราคาของมัน แม้แต่เงินมรดกที่แม่ของเธอได้รับมาจากญาติห่างๆผู้หนึ่ง เมื่อ 7 เดือนก่อนก็หมดลงแล้วเช่นกัน และเมื่อ 3 เดือนก่อน เมื่อทาเมร่าก็มาถึงจุดหนึ่ง เนื่องจากไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครได้ และทางออกในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็เสนอตัวของมันเองเข้ามา ในช่วงที่เธอจะต้องได้รับคำตอบในทันทีเสียด้วย ด้วยความฉลาดหลักแหลมที่เธอได้รับพรมาควบคู่กับความงาม ทำให้ทาเมร่ามั่นใจว่าเธอจะต้องได้รับคำตอบนั้นไม่ด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง...
หญิงสาวผลักไสความคิดที่กำลังรบกวนอยู่ในสมองออกไป...
“หนูไม่ทราบว่าแม่จะว่ายังไงนะคะ แต่ว่าหนูหิวจัง วันนี้แม่อยากทานอะไรพิเศษไหมคะ?”
“ก็...เอาสเต๊กสักชิ้นก็แล้วกัน สุกปานกลาง แล้วก็มันฝรั่งอบราดด้วยครีมเปรี้ยว อ้อ...ของหวานขอเป็นชีสเค๊กสักชิ้นเถอะ” มารดาสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“โอเค...สเต๊กสุกปานกลาง...กำลังมาแล้วค่ะ” ทาเมร่าตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก มันเป็นเวลานานนักหนามาแล้ว ที่งบประมาณในการใช้จ่ายซื้อข้าวของและสเต๊กที่แม่อยากจะได้รับประทานเหลือเกินนั้นหมดลง จนทาเมร่าเองก็ให้สงสัยว่าเธอยังจำรสชาติของมันได้อยู่หรือเปล่า...เห็นจะมีก็แต่แฮมเบอเกอร์กับสตูว์เนื้อเท่านั้น ที่พอจะหาซื้อกินกันได้ สลับกับปลาและไก่เป็นบางครั้งบางคราว
“รอเดี๋ยวนะคะแม่ หนูขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยก่อน”
“พักผ่อนเสียสักครู่ก็ได้นี่ลูก ยังไม่ต้องรีบร้อนทำอาหารค่ำตอนนี้หรอก”
ซึ่งทาเมร่าก็ได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ เมื่อเธอกลับออกมาในห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่งนั้น ซาดี้กำลังเตรียมตัวจะกลับอยู่แล้ว
“ขอบใจมากนะ ซาดี้ ที่อยู่ช่วยจนป่านนี้”
“คุณไม่ต้องขอบใจดิฉันหรอกค่ะ หน้าที่ของนางพยาบาลก็ต้องดูแลคนไข้อยู่แล้ว แต่คุณรู้ไหมคะว่ายิ่งนานวันเข้า ดิฉันก็ยิ่งชอบคุณแม่ของคุณมากขึ้นทุกที อยากจะอยู่ให้เปล่าๆไม่เอาอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ฉันหวังว่า มันจะไม่ต้องถึงวันที่จะต้องขอร้องให้คุณทำอย่างนั้นหรอกค่ะ” ทาเมร่ารู้สึกรวดร้าวขึ้นมาในลำคอ
“เชิดหน้าไว้ค่ะ” ซาดี้ปลอบอย่างตั้งใจและด้วยความหวังที่จะให้กำลังใจนายจ้างสาว
และทาเมร่าก็ยิ้มให้นาง เชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างเชื่อฟัง
“เอาละค่ะ แล้วพบกันพรุ่งนี้นะซาดี้”
หลังจากที่นางพยาบาลลากลับไปแล้ว ทาเมร่าก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลสลับเหลือง เธอพยายามแต่งตัวให้ดูทันสมัยอยู่เสมอ ด้วยการแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนตามร้านขายเสื้อผ้าลดราคาอยู่เป็นประจำ รู้สึกอยากจะให้ตัวเองมีความสามารถในการใช้ด้ายกับเข็มเป็น เพื่อจะได้ซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุดหรือเปลี่ยนแบบให้ดูทันสมัยได้ด้วยตนเอง
เธอปลดปอยผมที่ขมวดมุ่นเป็นมวยลง ปล่อยให้พวงผมคลี่กระจายลงประบ่า ซึ่งทำให้เปลี่ยนภาพของหญิงสาวผู้มีท่าทางชาเย็นอยู่เป็นนิจให้ดูมีชีวิตจิตใจสดใสขึ้น แต่ทาเมร่าก็ไม่ได้บังเกิดความรู้สึกยินดีหรือแปลกตาในรูปโฉมโนมพรรณของตัวเองแต่อย่างใด
ขณะที่แฮมเบอเกอร์กำลังอุ่นอยู่ในตะแกรง ทาเมร่าก็ช่วยประคองให้มารดาได้นอนลงในเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับเข้าไปในครัวเพื่อจัดเตรียมถาดอาหาร ซึ่งก็เป็นการจัดง่ายๆ โดยมีแฮมเบอเกอร์,มันฝรั่งบด,เจลโลสลัดกับซุปถั่ว ทาเมร่าวางถาดอาหารของตัวเองลงไว้ก่อน ยกถาดอาหารของมารดาเดินเข้าไปในห้อง ทรุดตัวลงนั่งตรงขอบเตียงเพื่อช่วยป้อนอาหารให้ ซึ่งการทำหน้าที่นี้ทำให้เธอยังกินอาหารของตัวเองไม่ได้
“เล่าให้แม่ฟังสิว่า วันนี้ที่ทำงานเป็นยังบ้าง?” มารดาชวนคุยขณะกินอาหารไปพลาง
ทาเมร่าออกจะลังเลอยู่แต่ในที่สุดก็คิดว่า มันน่าจะเป็นการดีถ้าจะบอกให้มารดาได้รับรู้ไว้ก่อนเป็นเลาๆว่า มันอาจมีอะไรเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
“วันนี้ตอบบ่าย มิสเตอร์สเตนเข้ามาหาหนูในห้อง แล้วก็บอกว่า บริษัทของเราได้รวมเข้ากับบริษัทเทย์เลอร์ บิสสิเนส แมชชีนส์แล้ว”
มารดาเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจ...
“เมื่อไหร่กันล่ะ?”
“ก็คงประมาณปลายเดือนละมังคะ หนูเดาเอาเองนะ” ทาเมร่าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เก็บงำความรู้สึกภายในไว้อย่างมิดชิด “หนูเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่จริงก็รู้อยู่หรอกค่ะ ว่ามิสเตอร์สเตนไม่
อยากดำเนินกิจการของบริษัทต่อไปเท่าไหร่นัก” เธอตักถั่วป้อนใส่ปากมารดา “ถ้าจะพูดกันตามความจริงแล้ว เขาก็เป็นคนที่มีน้ำใจคนหนึ่ง ไม่เคยคิดที่จะปิดบังเรื่องที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปในครั้งนี้”
“แล้วหนูจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นอย่างนั้นหรือลูก?”
“ก็อาจจะเป็นได้ค่ะ” ทาเมร่าฝืนยิ้ม อยากให้มารดารับรู้แต่เฉพาะเรื่องดีๆเท่านั้น “หรือมิฉะนั้นก็อาจจะหมายถึงตกงานไปเลยก็ได้ ผู้บริหารชุดใหม่เขาอาจจะกวาดหนูทิ้งเมื่อเข้ารับงานก็เป็นได้นะคะแม่”
“หนูคิดว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือลูก?” สีหน้าของมารดาบอกความไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“มันก็อาจจะเป็นไปได้นี่คะแม่ แต่หนูไม่ห่วงหรอกค่ะ ถ้ามันเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ” ทาเมร่ายืนยันเสียงแข็ง “มีข่าวลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์เยอะแยะไป ที่เขาประกาศรักสมัครพนักงานทำบัญชี หนูหางานได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
“จริงสินะ” มารดาเงียบไปเป็นครู่ก่อนจะถามต่อ “แล้วหนูจะรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ล่ะ?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกค่ะ ต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนหน้า”
ทาเมร่าไม่ได้เล่าให้มารดาฟัง ถึงเรื่องที่นายจ้างของเธอได้ให้คำมั่น รับประกันในเรื่องตำแหน่งงานของเธอไว้ เพราะมันยังมีความจริงในอะไรบางอย่าง ที่เขายังไม่รู้นั่นเอง และก็เป็นความจริงเรื่องเดียวกันกับที่เธอไม่ได้บอกให้มารดารับทราบด้วย เพราะไม่ต้องการให้ทุกข์ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาเรื่องเงินๆทองๆที่กำลังขัดสนอยู่ขณะนี้ แม่ของเธอมีความเชื่ออยู่เสมอว่า จนถึงขณะนี้แล้วก็ยังมีเงินจำนวนที่ได้รับมรดกมาเหลืออยู่ ไม่เคยมีโอกาสรับรู้เลยว่า ความจริงทาเมล่าได้ใช้เงินไปมากกว่าเงินจำนวนนั้นมาก เกือบจะ 2 เท่าแล้วด้วยซ้ำ ด้วยการจ่ายบิลค่ารักษาพยาบาล
ทั้งเงินเดือน เงินที่ได้รับจากการรับจ้างพิมพ์งานเป็นพิเศษตอนกลางคืน ไม่อาจพอเพียงกับค่าใช้จ่ายทั้งหลายในบ้าน แต่ทาเมร่าก็แสร้งทำเป็นว่า เงินจำนวนนั้นยังคงเหลืออยู่พอที่จะใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลจริงๆ ซึ่งทำให้มารดาคลายใจลงมาก
“แม่เอง บางครั้งก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่เหมือนกันนะลูก” น้ำเสียงของผู้เป็นมารดาเศร้าๆ ซึ่งทำให้ทาเมร่ารู้สึกแปลกใจชะงักมือที่ป้อนอาหารค้างอยู่ “ที่ทำให้หนูต้องมาสูญเสียความสดชื่นของชีวิตวัยนี้ไป”
“โธ่ แม่คะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย” เธอกล้ำกลืนก้อนแข็งๆลงในลำคอก่อนที่จะพูดต่อ “หนูยังไม่เคยบ่นอะไรสักนิด ยังมีเวลาอีกทั้งชีวิตนะคะที่จะออกงานสังคม ไปเต้นรำให้สนุกได้” ทาเมร่าไม่อยากจะเอ่ยถึงเวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ พอที่จะได้เห็นหน้ากันประสาแม่ลูกได้ เพราะโรคร้ายที่กำลังคุกคามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“แม่ขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ได้หนูมาเป็นลูก”
หยาดน้ำตาหล่อรื้นขึ้นในดวงตาทาเมร่า เธอเบือนหน้าซ่อนหยาดน้ำตาไว้
“หนูก็เช่นเดียวกันค่ะแม่” เธอฝืนหัวเราะออกมา เพื่อจะเปลี่ยนอารมณ์มารดาในยามนั้นเสีย
“หนูน่ะใจแข็งจริงๆลูก” แม่ของเธอพลอยหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินทาเมร่าพูดอย่างนั้น
...