บทที่ 2
“ก็คงเป็นยังงั้นละมังคะ”...สำหรับตัวเขาน่ะสิ...ไม่ใช่สำหรับเธอแน่
เสียงเครื่องโทรศัพท์ภายในดังรัวขึ้น เธอจึงเอื้อมมือไปรับ และเงยหน้าขึ้นมองนายจ้าง
“เลขาฯคุณค่ะ มิสซิสแดนบี้บอกว่ามีโทรศัพท์ทางไกลมาถึงคุณ”
สีหน้าของมิสเตอร์สเตนเคร่งขรึมไปทันที ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ผมดีใจอย่างที่สุดเลยนะ ถ้าจะมีใครมารับช่วงเรื่องบ้าๆอย่างนี้ไปจากผมเสียที บอกแดนบี้ว่าผมจะไปเดี๋ยวนี้ละ”
พูดจบเขาก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของเธอ ขณะทาเมร่าทำตามคำสั่งนั้น
เมื่อวางโทรศัพท์ลง ทาเมร่าก็วางมือลงบนสมุดบัญชี ราวจะปกป้องมันไว้ เธอรู้มาตลอดว่าฮาโรลด์ สเตนนั้น ไม่ต้องการดำเนินกิจการของบริษัทต่อไป แต่ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชี ทาเมร่าก็แน่ใจมาตลอดเช่นกัน ว่าถ้าเขาจะต้องขายบริษัทนี้ไปเสียก็ควรจะได้ปรึกษาหารือกับเธอเสียก่อน และเธอก็ไม่เคยนึกฝันว่าบริษัทใหญ่อย่างเทย์เลอร์ บิสสิเนส แมชชีนส์ จะทาบทามเข้ามาในรูปของการรวมบริษัท
ซิกเนท แมชชีนส์ เป็นเพียงบริษัทเล็กๆที่ผลิตอุปกรณ์ต่างๆออกสู่ตลาด แต่เธอได้มองข้ามการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไป และบัดนี้มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดไปแล้ว...!
ทาเมร่านึกย้อนไปถึงในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่นายจ้างของเธอได้เข้ามาสอบถามรายละเอียดต่างๆมากมาย ซึ่งทาเมร่าก็เพิ่งจะมองเห็นอย่างกระจ่างชัดในตอนนี้เอง ว่ามันมีความเคลื่อนไหวในอะไรบางอย่าง อยู่เบื้องหลังการซักถามรายละเอียดนั้น ในตอนแรกๆเธอคิดเอาเองว่า มันเกิดขึ้นเพราะความที่เขาไม่มีความรู้ความชำนาญในการบริหารงานมากกว่า เพราะเป็นการสอบถามถึงรายละเอียดต่างๆที่ไม่ได้มีความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ในงานประจำที่เขาทำอยู่แต่อย่างใด
ถ้าบริษัทเทย์เลอร์ บิสสิเนส แมชชีนส์ จะเข้ามารับงานภายในระยะเวลา 1 เดือน นั่นย่อมหมายความว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและพนักงานของบริษัท จะต้องเข้ามาเตรียมงานกันก่อนหน้านั้น ซึ่งแสดงว่าเธอกำลังถูกผูกมัดเข้ากับปัญหาที่ได้ก่อขึ้น โดยไม่ได้มีสัญญาณใดๆเตือนให้รู้ตัวล่วงหน้าเลย...
ถ้าเพียงแต่มันจะมีเวลามากกว่านี้ เธอก็อาจจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ได้ แต่ว่าเมื่อมาถึงเวลานี้แล้ว ยังจะมีโอกาสเหลืออยู่อีกละหรือ...?...คำตอบคือไม่มีเลย...แต่บางที อาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นบัญชีที่มันไม่ลงตัวนี้บ้างก็ได้...หรือว่า...ถ้าเธอจะอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าของคนใหม่ทราบ บางทีเขาอาจจะเข้าใจกระมัง...เพราะอันที่จริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันก็ไม่ใช่ปัญหาคอขาดบาดตายอะไรเลยนี่...
ทาเมร่ารวบรวมสมุดบัญชีแยกประเภทปกสีดำทั้งหมดเข้าด้วยกัน หอบมันไปเก็บในตู้เอกสารแบบนิรภัย ทันทีที่เธอปิดประตูตู้ลงและหมุนกุญแจเพื่อที่จะปิดล็อกให้เรียบร้อย ก็เป็นขณะเดียวกับที่ช่วงแขนคู่หนึ่งโอบรั้งร่างเธอจากทางด้านหลัง ริมฝีปากของเจ้าของแขนคู่นั้นซุกไซ้อยู่กับช่วงลำคอของเธอ
“จวนถึงเวลาเลิกงานแล้วละที่รัก” เสียงเขาพึมพำอยู่ข้างหู “ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้ผมพาไปให้พ้นๆไอ้กองเอกสารบ้าๆพวกนี้เสียทีล่ะ?”
ทาเมร่ายืนตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนนั้น เธอจำเสียงบุคคลผู้นี้ได้ดี จำสัมผัสที่รุกรานนั้นได้ด้วย รวมทั้งเรือนร่างล่ำสันที่กกกอดเธอไว้ เธอพยายามแกะอ้อมแขนที่โอบกอดอยู่ออก พร้อมกับถอยหลังห่างออกมาด้วยท่าทางเย็นชา
“รู้สึกว่ายังเหลือเวลาอีกตั้ง 20 นาทีเต็ม กว่าจะถึงเวลาเลิกงานนะเอ็ดดี้” ทาเมร่าเดินไปยังโต๊ะทำงาน “คุณอาจไม่มีงานทำแต่ฉันมี”
“อ้าว...ก็ทิ้งมันไว้สิ” เอ็ดดี้ คอลเลียร์ เดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ไม่สะดุ้งสะเทือนกับท่าทางไม่แยแสที่เธอกำลังแสดงต่อเขาอยู่ “สเตนเขาก็กำลังยุ่ง คงจะไม่กลับมาอีกแล้วละ มันจะแปลกอะไรถ้าคุณจะเลิกงานให้เร็วกว่าทุกวัน เขาเองก็ยกพวกเราขายให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ไปแล้วนี่”
“คุณไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหนกัน?” เธอเดาเอาว่าเขากำลังหย่อนเบ็ดลงมา เพื่อใช้เหยื่อล่อหาข้อมูลต่างๆจากเธอมากกว่า และเธอก็จะไม่ยอมงับเหยื่อนั้นแน่
“ก็จากสเตนนั่นแหละ เขาแวะไปเยี่ยมเราที่แผนกขายและบริการก่อนจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ” แววในดวงตาเอ็ดดี้คล้ายจะเยาะ “ผมรู้น่าว่าคนอย่างคุณไม่มีวันที่จะเปิดปากบอกอะไรใครหรอก...คนสวยของผม”
ทาเมร่าปล่อยให้พยางค์สุดท้ายในคำพูดของเขาลอยผ่านหูไป เอ็ดดี้ คอลเลียร์ เป็นคนที่กล่าววาจาแบบนี้ได้สะดวกปากกว่าใคร และลิ้นที่เคลือบน้ำตาลของเขานี่เองที่เป็นเสน่ห์อันทรงพลัง ซึ่งเมื่อประกอบเข้ากับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ วาจาที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและกับผู้หญิงอย่างมาก...
“ท่าทางคุณเหมือนไม่ตื่นเต้นยินดีกับข่าวนี้เลยนี่” เขาว่า
“ถึงยังไงมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับฉันหรอก” นิ้วเรียวงามของทาเมร่าแตะลงตรงตัวเลขบนหน้าปัดเครื่องคิดเลข สังเกตเห็นเอ็ดดี้ที่เดินห่างออกจากโต๊ะ หวังใจว่าเขาจะเดินออกไปจากห้องเสียที เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดจาหยอกล้อเล่นกับเขาได้
แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ทำตามที่เธอหวังเลยแม้แต่น้อย แทนที่จะทำเช่นนั้น เขากลับก้มลงถอดปลั๊กเครื่องคิดเลขที่ติดอยู่บนผนังห้องออก เครื่องมือตรงหน้าเธอหยุดทำงานลงทันที ทาเมร่าถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น
“นี่...เสียบปลั๊กไว้ตามเดิมได้ไหม ฉันไม่มีเวลาจะมาเล่นอะไรบ้าๆอย่างนี้นะ” เธอไม่อาจซ่อนความไม่พอใจไว้ในท่าทีที่แสร้งทำเป็นสุภาพได้
“นี่คุณ...การทำแต่งานไม่มีการพักผ่อนเลยน่ะ มันก็ทำให้คนโง่ได้เหมือนกันนะ” เอ็ดดี้ทำเสียงตำหนิ
“ฉันยอมรับ ว่าฉันคือไอ้ตัวงั่งตัวนั้น ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับเสียทีล่ะ” เธอโต้กลับไป
“ก็เพราะว่า...ไม่เคยมีใครที่แสนสวยอย่างคุณจะกลายเป็นคนโง่ไปง่ายๆน่ะสิ” ดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอเลย กลับเดินมานั่งตรงขอบโต๊ะทำงานของเธอ
และเมื่อทาเมร่าหมุนเก้าอี้ออก เพื่อจะลุกขึ้นไปเสียบปลั๊กเครื่องคิดเลขเขาที่เดิม มือของเอ็ดดี้ก็เอื้อมมาจับแขนเธอไว้ ดวงตาสีน้ำตาลของเขาโลมเลียมไปตามส่วนโค้งของเรือนร่าง ที่อยู่ภายใต้เสื้อสีน้ำตาลที่เธอสวมอยู่ และมองเห็นชีพจรตรงช่วงลำคอที่เต้นรัวแรงขึ้นด้วยความขุ่นเคืองในอารมณ์ ดวงตาคู่นั้นมาหยุดอยู่ที่ใบหน้ารูปไข่ปราศจากตำหนิใดๆนั้น เพียงแต่ขณะนี้กำลังเคร่งเครียด เรือนผมสีบลอนด์ของเธอประหนึ่งกรอบหน้าสีซีดถูกขมวดมุ่นขึ้นเป็นมวยไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือทรงผม ก็ไม่อาจทำให้ความสวยของเธอลดลงได้เลย ขนตางอนงามช่วยเน้นดวงตาสีฟ้าให้กระจ่างสดใสขึ้น และขณะนี้ ดวงตาคู่นั้นก็กำลังส่งประกายเรืองด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ทาเมร่ารู้ซึ้งถึงความงามตามธรรมชาติของตัวเองและทำให้เธอต้องยอมยกประโยชน์ให้กับความปากหวาน ที่คอยแต่จะสรรเสริญเยินยอในความงามของเธอ ที่เอ็ดดี้มักจะทำอยู่เสมอ แต่เธอก็ไม่ได้ถือว่า ความงามนั้นเป็นรูปสมบัติอันมีค่า หรือจะต้องคอยเป็นภาระรับผิดชอบไปกับมันด้วย แต่จะอย่างไรก็ตาม จากภาพสะท้อนของตัวเองที่มองเห็นอยู่ในกระจกเงาทุกวัน มันก็เป็นอะไรบางอย่างที่เธอมักจะคิดว่า เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น ความเป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว บุคลิกภาพและความเป็นคนมีอารมณ์ขัน น่าจะเป็นคุณสมบัติอันมีค่ามากกว่าความสวยตามธรรมชาติมากนัก
“นี่...คุณออกไปให้พ้นๆหน่อยได้ไหม ฉันจะได้ทำงานให้มันเสร็จๆเสียที” เธอพยายามข่มใจถามอย่างสุภาพ
แต่เอ็ดดี้กลับสั่งศีรษะปฏิเสธ...
“ไปทานอาหารค่ำกับผมนะ” เขาว่า “เราจะได้เลี้ยงฉลองกันเนื่องในโอกาสที่ได้เข้าร่วมงานกับบริษัทใหญ่นั่นด้วยยังไงล่ะ”
“คุณก็รู้นะว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันจะต้องรีบกลับบ้าน” เธอตอบคำถามของเขาอย่างนั้นมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และในครั้งนี้ก็ยังต้องเตือนความจำเขาอีกอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปบ้านกับคุณด้วย เราจะได้ทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างที่ตั้งใจยังไงล่ะ ฟังเพลงเบาๆแล้วก็กระซิบคุยกัน...แล้วก็...”
“ไม่ละ ขอบใจ” ทาเมร่าปฏิเสธข้อเสนอของเขาโดยสิ้นเชิง “ครั้งหลังสุดที่ฉันเชิญคุณไปบ้าน มันก็กลายเป็นว่า...เกือบจะต้องเล่นมวยปล้ำกันบนเก้าอี้แล้ว...เพราะฉะนั้นเสียใจด้วยนะ ที่ฉันไม่ได้สนใจที่จะแสดงอะไรพรรค์นั้นซ้ำอีก”
“แต่ไอ้มวยปล้ำนั้น มันยังล้มไม่ถึง 3 ครั้งนี่นา” เอ็ดดี้ไล้ปลายนิ้วจากเนียนแก้มลงมายังริมฝีปากของเธอ “ครั้งที่ 3 นี้ ผมคิดว่าคุณต้องชอบแน่เลย”
ทาเมร่าปัดมือเขาออกทันที...