บทที่25 ง้อ
หลายชั่วโมงต่อมา
ใบหน้าหวานที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสวยงามยืนอยู่ด้านหลังเวทีพร้อมกับคุณหญิงพรรณสิตา หญิงวัยห้าสิบกว่ามองอย่างเอ็นดูก่อนที่จะหยิบเครื่องเพชรแต่ล่ะชิ้นมาใส่ให้เด็กสาว
“สวยมาก อาเพิ่งจะเห็นคนใส่เพชรชุดนี้แล้วดูสวยสง่าขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่อาใส่ยังไม่ถึงกับสง่างามขนาดนี้ เพชรชุดนี้เหมาะกับหนูมากรู้มั้ยลูก” คุณหญิงพรรณสิตาเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสยิ้มอ่อนๆก่อนที่จะหายใจเข้าลึกๆอย่างตื่นเต้น
“เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาชมของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้กันดีกว่าค่ะ” พิธีกรสาวเอ่ยก่อนที่ร่างบางจะเดินขึ้นไปบนเวที สายตานับร้อยคู่ของแขกในงานมองอย่างไม่ละสายตาโดยเฉพาะนายทหารเรือหนุ่มโสดและไม่โสดแต่แสนเจ้าชู้ที่ยืนมองอย่างหลงไหล ไม่เว้นแม้แต่ธนกฤตที่มองอย่างไม่อาจละสายตาได้
“สวยว่ะ ใครวะ น่ารักชะมัด” เสียงนายทหารเรือหนุ่มใหญ่ที่มีดีกรีความเจ้าชู้ชั้นครูเอ่ยขึ้น
“นั้นสิ แหม่น่ารักแบบนี้อยากเอาไปนอนกอดที่บ้าน” ชานนท์ นายทหารเรือรุ่นน้องคนสนิทอีกคนของธนกฤตเอ่ย
“แหม่เห็นหน้าสวยๆแล้ว อยากจะนั่งทาแม็คชีนไปเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนจะได้โสด จะได้จีบนางฟ้า” กรินทร์เอ่ยออกมาสายตายังจ้องบนเวทีอย่างเพลิดเพลิน
“ไอ้เพลิง ช่วยทำอะไรกับฉันสักอย่างก่อนที่จะอาละวาดงานพัง ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว” ธนกฤตเอ่ยบอกเพลิงตะวันก่อนหันไปมองสายตาแต่ละคนที่มองเมียเขา คิดผิดจริง ๆที่เห็นด้วยให้หนูพริกขึ้นไปเดินโชว์บนเวที ดูสายตาสิแต่ละคนช่างน่าหงุดหงิดนัก
“เอาล่ะค่ะ เครื่องเพชรชุดนี้เริ่มประมูลที่1แสนบาทค่ะ” พิธีกรสาวเอ่ยบอก
“เดี๋ยวครับ. ผมมีข้อเสนอ ถ้าผู้หญิงประมูลได้ก็ขอให้มีความสุขมาก ๆ แต่…ถ้าผู้ชายประมูลได้ขอเต้นรำกับนางแบบคนสวยได้มั้ยครับ” ชีวานนท์ นายทหารเรือที่ใคร ๆก็บอกว่าเพลย์บอยและมีเสน่ห์สาวรักสาวหลงเอ่ยขึ้นและได้รับเสียงสนับสนุนอยู่มาก ก่อนที่ชีวานนท์จะเอ่ยบอก “ผมทุ่มสองแสนห้าเลย”
“ห้าแสน!” ธนกฤตเอ่ยอย่างยอมไม่ได้ ไอ้ชีวานนท์มันคิดจะประมูลเพชรแล้วเต้นรำกับเมียเขาเหรออย่าได้หวัง
“เอ่อ ผู้การธนกฤตให้ห้าแสนนะคะ ห้าแสนครั้งที่1ห้าแสน” “หกแสนห้าครับ” พิธีกรสาวยังไม่ทันเอ่ยจบชีวานนท์ก็เสนอราคาประมูลขึ้น
“ 1ล้าน” เสียงของชานนท์เอ่ยขึ้นชักอยากจะเต้นรำกับสาวสวยที่แม้แต่รุ่นพี่อย่างธนกฤตยังต้องร่วมประมูลด้วย
“หนึ่งล้านนะคะ หนึ่งล้านครั้งที่หนึ่ง หนึ่งล้านครั้งทะ” “5ล้าน” ธนกฤตเอ่ยขึ้นก่อนที่พิธีก่อนจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ
“10ล้านครับ” ชีวานนท์เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ยังไงเขาต้องได้เต้นรำกับสาวสวยที่ทำให้คนไม่ค่อยสุงสิงกับใครอย่างธนกฤตทำเรื่องน่าตกใจได้
“มีใครให้มากกว่านี้มั้ยคะ ถ้าไม่มีอิงจะขอปิดการประมูลที่ราคา10ล้านบาทนะคะ 10ล้านครั้งที่1” พิธีกรสาวเอ่ย ธนกฤตหันมองหน้าชีวานนท์ที หน้าชานนท์ทีก่อนที่จะถอนหายใจ
“50ล้านครับ” ธนกฤตเอ่ย ทุ่มหมดตัวก็ไม่ยอมให้ใครมาเต้นรำกับเมียเขาเด็ดขาด ดีนะที่บ้านพอมีฐานะ
“มีใครให้มากกว่านี้อีกมั้ยคะ ถ้าไม่อิงขอปิดการประมูลที่50ล้านเลยนะคะ 50ล้านครั้งที่1 50ล้านครั้งที่สอง 50ล้านครั้งที่สามปิดการประมูลที่มูลค่า50ล้านบาท ผู้ชนะการประมูลได้แก่นาวาเอกธนกฤตค่ะ” พิธีกรสาวเอ่ยก่อนที่จะมีเสียงตบมือดังขึ้นก่อนที่พิธีกรจะเอ่ยขึ้น “และโอกาสนี้ขอเชิญคุณหญิงพรรณสิตาขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ”
“เดี้ยนต้องขอบคุณทุก ๆท่านที่ร่วมประมูลเครื่องเพชรชุดนี้นะคะ ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ผิดหวังด้วยนะคะเเต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ธนกฤตจะไม่ยอม หลานสามีเดี้ยนหวงเมียน่ะค่ะ555” คุณหญิงพรรณสิตาเอ่ยบอกก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องอ๋อดังขึ้นพร้อมกับเสียงซุบซิบ ส่วนคนถูกหวงถึงกับหน้าแดงไปหมดที่ถูกแนะนำกลายๆว่าเป็นเมียของคนขี้หวง
“ที่แท้ก็คุณนายนี่เอง มิน่าผู้การธามถึงโผล่หน้าออกงานแถมยังมองพวกเราตาขวาง เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าผู้การธามขี้หึงและขี้หวงมากกับคนอื่นเค้าด้วย” ชีวานนท์เอ่ยก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ใครจะไม่หัวเราะบ้างที่ได้เห็นคนเงียบๆนิ่งๆทำตาขวางยอมทุ่มทุนขนาดนี้ แม้ทุกคนจะรู้ว่าบ้านของธนกฤตมีฐานะดีแต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้การหนุ่มจะใช้สอยอย่างสิ้นเปลืองแต่ครั้งนี้ถึงกับทุ่มทุนเพียงเพราะหวงเมีย
“พี่เป็นอะไรอะ ไม่ยิ้มเลยเอาแต่เงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามคนที่เอาแต่เงียบมาตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเปิดฟลอเต้นรำ ตอนนี้ทั้งสองเต้นรำอยู่กลางฟลอตามคำเรียกร้องของแขกในงาน
“หึงอยู่รู้มั้ย ดูสิมีแต่คนมองหนู” คนที่ทั้งหึงทั้งหวงเอ่ยบอก นี่ขนาดแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้แล้วไอ้พวกไม้เลื้อยทั้งหลายยังพากันมองไม่หยุด ชักหงุดหงิดเสียจริง ถ้าหนูของเขาไม่สวยไม่น่ารักขนาดนี้คงดีจะได้ไม่มีใครมามองเมียเขา
“เขาแค่มองเฉยๆเท่านั้นเอง จะหึงอะไรนัก พี่ไม่ต้องไปมองสายตาคนพวกนั้นแล้วมองตาหนูนี่” คนโดนหึงเอ่ยบอกก่อนที่จะสั่งให้ชายหนุ่มหันมามองสบตาเธอแทนที่จะไปมองสายตาของคนอื่น
“คืนนี้หนูสวยมั้ย” อยู่ ๆคนโดนหวงก็ถามขึ้น
“พี่มองหนูสิ แล้วบอกหนู ไม่ใช่ไปสนสายตาคนอื่น” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก จริง ๆแค่อยากให้เขาไม่ไปหึงกับสายตาคนอื่น ๆเท่านั้น
“สวยสิ หนูพริกของพี่สวยที่สุดในงานเลย ไม่งั้นไอ้ไม้เลื้อยทั้งหลายจะมองไม่หยุดเหรอ” ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมทำเสียงหมั่นไส้พวกไม้เลื้อยที่ยังคงเอาแต่จ้องเด็กสาวไม่ยอมวางตา
“สวยแล้วทำไมไม่มองหนูล่ะ มองแต่คนอื่น แบบนี้หนูจะงอนนะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกแกล้งทำเสียงน้อยใจ
“โอ๋ๆไม่เอาค่ะ พี่ไม่สนใจคนอื่นแล้วจะมองแต่หนูไม่ละสายตาเลย อย่างอนนะคะคนดี” ธนกฤตเอ่ยเสียงอ่อน ไม่อยากให้เด็กสาวงอน
“ก็ได้ไม่งอนก็ได้ วันนี้พี่บ้ามากเลยนะที่ทุ่มเงินขนาดนั้น” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกพร้อมทั้งบอกอย่างทึ้งๆ อันนี้ละมั้งลูกบ้าที่ย่ากิ่งบอกเมื่ออาทิตย์ก่อน ‘หลานย่านะมีลูกบ้าที่ไม่มีใครคิดหรอก ลองได้โกรธหรือได้หวงแล้วทำได้ทุกอย่างแหละอย่าทำให้พ่อคนนั้นหึงล่ะเพราะพ่อคนนั้นมีความบ้าระห่ำเลยเชียว’
“ใครยอมได้ล่ะ ชีวานนท์นั้นหวังจะเต้นรำกับหนู ต่อให้ทุ่มเป็นร้อยล้านพี่ก็ไม่ยอมให้ใครมาใกล้หนูของพี่หรอก รู้มั้ยว่ารักมาก หวงมาก ๆ หึงมากด้วย” ธนกฤตเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่นในตอนท้ายจนคนถูกบอกรักหน้าแดงขึ้นมาใบหน้าหวานแดงระเรื่อราวลูกตำลึงสุกจนคนบอกยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“จบเพลงนี้กลับบ้านเลยนะมันดึกแล้ว หนูต้องนอนพักผ่อน” ธนกฤตเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง พิมพ์ลภัสได้แต่พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเต้นรำไปพร้อม ๆกันด้วยจังหวะและลีลาของเพลงราวกับหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพลง การออกงานคู่กันครั้งแรกของเขาและเธอมันก็ผ่านไปด้วยดี แม้ว่าธนกฤตจะทำอะไรบ้าระห่ำไปแต่เธอรู้สึกมีความสุขมากๆที่เขาหวงกันขนาดนี้
“รอให้ง้ออยู่นะรู้ยัง” เสียงทรงเสน่ห์และอำนาจเอ่ยขึ้นหลังจากพาเด็กสาวกลับมาที่บ้าน
“ง้อยังไงอีกล่ะหึงเองก็หายงอนเองสิ หนูไม่ได้ทำอะไรสักนิด” เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินไปหยิบโยเกิร์ตมาสองถ้วยแล้ววางลงตรงหน้าธนกฤต “ง้อด้วยไอ้นี่ล่ะกันนะ หนูรู้ว่าพี่คงเหนื่อย”
“แค่นี้เหรอ ไม่พอหรอกทีหนูงอนพี่ยังจุ๊บหน้าผากง้อเลย จูบแก้มแล้วจบได้มั้ยคะ” ธนกฤตเอ่ยบอกเรียกร้องความยุติธรรมจากคนตรงหน้า
“งั้นจุ๊บจมูกแทนได้มั้ย แก้มตั้งสองข้างเลยจมูกมีแค่อันเดียวเดี๋ยวพี่ก็จะว่าแก้มอีกข้างจะน้อยใจ” คนถูกเรียกร้องความยุติธรรมดักทางคนจะให้หอมแก้ม
“จมูกก็จมูกค่ะ แต่พี่ของอนจนกินโยเกิร์ตหมดก่อนละกันนะ” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะตักโยเกิร์ตเข้าปาก พิมพ์ลภัสเห็นอาการงอนๆแล้วทนไม่ไหวจึงเริ่มขยับเข้าไปใกล้หมายจะจูบแก้มอย่างที่เขาขอแต่อารามรีบทำให้สะดุดขาเก้าอี้จนล้มลงไปหาเข้าทั้งตัว ธนกฤตรับไว้ก่อนที่จะมองริมฝีปากอวบอิ่มที่เกือบจะชนกับหน้าผากของเขาในใจนึกอยากจะยื่นหน้าเข้าไปจูบให้รู้แล้วรู้รอด
เร็วกว่าความคิดก็คงร่างกายของเขาที่สั่งการให้ชายหนุ่มยื่นหน้าขึ้นค่อยๆประกบริมฝีปากกับเธออย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากลมหายใจร้อนรินรดแก้มจนทำให้พิมพ์ลภัสหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา เขาค่อยๆบดริมฝีปากบางกว่าอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวานดื่มด่ำกับความหวานเพียงครู่ก่อนจะห้ามใจตัวเองและถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ในสักวันนึกเขาจะไม่ยอมหยุดแค่นี้ แต่ตอนนี้เธอยังเป็นแค่เด็กสาว รออีกหน่อยอีกนิดอีกไม่กี่ปี
ยังไม่ใช่ตอนนี้ ธนกฤตได้แต่ห้ามปรามและปลอดใจตัวเองก่อนที่จะยิ้มให้คนที่ถูกจูบที่ตอนนี้ร่างบางอ่อนระทวยลงมานั่งอยู่บนตักแกร่งราวกับหมดเรี่ยวแรง
“ปากพี่กับโยเกิร์ตอันไหนหวานกว่ากันคะ” ธนกฤตเอ่ยเย้าแหย่ก่อนที่จะยิ้มออกมากับไปหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกอย่างรักใคร่ก่อนที่คนตัวโตจะโอบกอดร่างบอบบางไว้ส่งผ่านความรักจากการกอดให้คนตัวเล็กได้รับรู้
