บท
ตั้งค่า

บทที่24 งานประมูล

“พี่ธามขยับไปหน่อยสิ หนูกำลังทำงานอยู่” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกคนที่เอาแต่นั่งแนบชิดแทบจะเข้าสิงเธอก่อนที่จะหยิบดินสอขีดๆเขียนๆลงบนกระดาษ

“คุณนายวรัญญากะจะแกล้งหนูชัดๆ ให้เป็นแม่งานจัดงานประมูลการกุศลแบบนี้ทั้งที่มีงานตั้งสองอย่างแต่กลับยื่นงานที่ตัวเองถนัดให้หนู นี่สามวันแล้วนะที่หนูนั่งขีดๆเขียนๆอยู่เนี้ย พี่ว่าหนูไม่ต้องทำหรอก” ธนกฤตเอ่ยบอก

“นี่ใคร?...พิมพ์ลภัสนะ ถ้ายอมง่ายๆก็ไม่ใช่พิมพ์ลภัส และคนอย่างพิมพ์ลภัสจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรือปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยัยป้านั่นแกล้งแต่ถ้าหนูยอมก็ไม่ใช่พิมพ์ลภัสแล้ว” คนไม่ยอมใครเอ่ยบอกก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงวันที่ไปประชุมที่สมาคม

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันค่ะงานประมูลการกุศลเนี้ยให้หนูพริกหวานจัดการแล้วกันนะคะ ส่วนงานอีกอย่างวรรณทำเอง” วรัญญาเอ่ยบอกก่อนที่จะส่งยิ้มเยาะหยันให้พิมพ์ลภัสโดยคนอื่นมองไม่เห็น ในความคิดของเธอไม่มีทางที่พิมพ์ลภัสจะสามารถเป็นแม่งานจัดงานนี้ได้ ไหนจะการรวบรวมของประมูลจากสมาชิกและนายทหารเรือในกองบัญชาการทัพเรือภาค1อีกไม่มีทางที่เด็กสาวที่เพิ่งเข้ามาอยู่ไม่นานจะทำได้แถมกำหนดงานอีกแค่สามอาทิตย์อีกต่างหาก

“หวังว่าหนูจะทำได้นะจ๊ะ เด็กน้อย” วรัญญาเอ่ยก่อนที่จะเดินออกไป

“ยัยคุณนายวรัญญานั่นทำอะไรหนูไม่ได้หรอก งานนี้พี่ต้องช่วยหนูหน่อยนะ นะคะ” พิมพ์ลภัสสะบัดอดีตออกไปจากสมองก่อนที่จะเอ่ยบอกธนกฤต

“หอมหนึ่งครั้งช่วยหนึ่งอย่าง ถ้าอยากให้ช่วยมากกว่า5เรื่องเอามาหนึ่งจูบ” คนถูกอ้อนให้ช่วยเอ่ยอย่างเป็นต่อ

“พี่นี่เจ้าเล่ห์คิดหากำไรกับเด็ก” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะยืดตัวขึ้นหอมแก้มคนเจ้าเล่ห์สองฟอด

“อย่างแรกช่วยพาไปหาของประมูล อย่างที่สองพาไปกรุงเทพหน่อยจะไปขอให้พี่สาวเพื่อนช่วย” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก ธนกฤตมองอย่างงงๆจนเด็กสาวหัวเราะ “555 พี่สาวเพื่อนหนู พี่สาวข้าวฟ่างน่ะค่ะเขาเปิดบริษัทเกี่ยวกับงานอีเว้นยิ่งงานประมูลเนี่ยเขาถนัด”

สามอาทิตย์ต่อมา

และแล้วก็ถึงวันก่อนงานประมูล สามอาทิตย์ที่ผ่านมาธนกฤตได้เห็นความพยายามที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคแม้จะไม่ค่อยมีเวลาได้พักของพิมพ์ลภัสยิ่งทำให้ความรักที่มีให้เด็กสาวที่มากอยู่แล้วยิ่งมากขึ้นไปอีก

“พริกหวาน” เสียงใสของเด็กสาวคนหนึ่งทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาหันไปมองก่อนที่จะยิ้มอย่างคิดถึง เธอคือกรรณิการ์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของพิมพ์ลภัสนั่นเอง

“ข้าวฟ่าง มาได้ไง” พิมพ์ลภัสที่เพิ่งเข้ามาดูความเรียบร้อยก่อนวันงานเอ่ยถาม ร่างทะมัดทะแมงในชุดพละเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิท

“พรุ่งนี้วันหยุด เลยขอพี่ข้าวปั่นมา” กรรณิการ์เอ่ยบอกเพื่อนสนิทที่อยู่ ๆมาขอให้พี่สาวเธอช่วยหลังจากย้ายโรงเรียนไปเกือบเดือน

“ดีเลยงั้นวันนี้ไปนอนบ้านเค้านะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงยินดีก่อนที่จะเข้าไปกอดเพื่อนสาว กรรณิการ์มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังพิมพ์ลภัสก่อนจะผละออกจากเพื่อน

“จะชวนไปนอนที่บ้าน ถามคุณสารึยังคะคุณเพื่อน” กรรณิการ์เอ่ยแซวเพื่อนสาว พิมพ์ลภัสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังตั้งแต่วันแรกๆทำให้เธอเข้าใจที่เพื่อนต้องย้ายโรงเรียน ใครจะคิดล่ะว่านายทหารเรือที่ไปแนะแนวที่โรงเรียนและบังเอิญได้เจอและช่วยชีวิตพิมพ์ลภัสไว้ที่เกาะสมุยคนนั้นตอนนี้จะกลายเป็นคุณสามีของเพื่อนไปซะแล้ว

“ได้อยู่แล้ว เนาะพี่ธามเนาะ” พิมพ์ลภัสบอกเพื่อนสาวก่อนที่จะหันไปถามธนกฤต ธนกฤตได้แต่ยิ้มไม่ตอบ จะให้ตอบว่าได้เหรอ นอนกอดกันทุกวันถ้าตอบว่าได้เขาก็คงนอนไม่หลับ ถ้าว่าไม่ได้เมียโกรธอีก

“ สวัสดีค่ะผู้การ น้องพริกหวาน” เสียงที่ดังมาทำให้ทั้งสามหันไปมอง กนกกานต์ยืนยิ้มให้ทั้งสาม

“สวัสดีค่ะพี่หมอกวาง ข้างฟ่างนี่พี่หมอกวาง นางแบบที่จะมาใส่เครื่องเพชรที่จะประมูลในงานพรุ่งนี้”พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก คุณหญิงพรรณสิตาเข้าร่วมในการนำของมาประมูลครั้งนี้ด้วย โดยให้นำชุดเครื่องเพชรเก่าแก่ของตระกูลสามีออกมาประมูลเธอจึงต้องหาคนมาใส่เครื่องเพชรชุดนี้โชว์และไปถูกตาต้องใจกับทรวดทรงองค์เอวของกนกกานต์จึงขอให้หญิงสาวมาเป็นนางแบบรับเชิญพิเศษ

“ชุดเครื่องเพชรของอาสิตาที่ตกทอดมาจากย่าทวดพี่น่ะเหรอ” ธนกฤตเอ่ยถาม พิมพ์ลภัสพยักหน้าก่อนที่จะอธิบาย “ใช่ค่ะ พอดีกำลังหาคนมาช่วยใส่โชว์ วันนั้นหนูไปเพื่อนพี่ที่โรงพยาบาลแล้วเห็นพี่หมอกวางยืนโพสต์ท่าหลอกล่อให้เด็กไม่กลัวเข็ม โดนใจคนนี้ใช่เลย”

“กวางเห็นว่าทำเพื่อการกุศลเลยช่วยน้องเค๊าน่ะ แต่กวางว่าชุดเครื่องเพชรเก่าของจากบรรพบุรุษผู้การควรจะให้น้องเค๊าใส่มากกว่า” กนกกานต์เอ่ยบอก

“คิดผิดแล้วค่ะพี่หมอ ขืนให้ยัยพริกหวานขึ้นไปเดินโชว์คงได้ตกส้นสูงไม่ก็ตกเวที ชียิ่งทโมนอยู่” กรรณิการ์เอ่บอกอย่างทีเล่นทีจริง

“ตัวไม่รู้อะไรข้างฟ่าง ไอ้ความทโมนเนี่ยถูกย่ากิ่งละลายพฤติกรรมไปเกือบหมด” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะหัวเราะออกมา ย่ากิ่งละลายพฤติกรรมไปเยอะแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มี

“เหรอ ไม่น่าเชื่ออะ” คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเอ่ยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหัวเราะเมื่อพิมพ์ลภัสไม่เถียง

“งั้นนกวางกลับก่อนดีกว่านะคะ พรุ่งนี้เจอกันหกโมงเย็นใช่มั้ยน้องพริกหวาน” กนกกานต์เอ่ยถามแม่งานวัยใสหลังจากที่ฟังเด็กสาวหัวเราะกันมาพักใหญ่

“ค่ะ มีของประมูลทั้งหมด45ชิ้นแบ่งเป็น5ช่วง ช่วงแรก10ชิ้นแล้วเบรก จากนั้นก็ช่วงสอง10ชิ้นแล้วเบรกทานข้าว ช่วงสามกับสี่ช่วงล่ะ10ชิ้นแล้วเบรก จากนั้นจะมีการแสดง แล้วก็ตอนสามทุ่มจะจัด5ชิ้นที่รวมชุดเครื่องเพชร หลังจากนั้นตามที่อาสิตาบอกก็มีงานเต้นรำ” แม่งานวัยใสเอ่ยบอกร่ายยาวโปรแกรมของวันพรุ่งนี้ที่แน่นเอี๊ยดตลอดทั้งวัน โปรแกรมของพรุ่งนี้แน่นขนัดและยังพลาดไม่ได้อีกด้วย

“งานเต้นรำเหรอน่าสนุก แต่ไม่มีคู่เต้นรำอะ” ข้าวฟ่างเอ่ยบอก

“เดี๋ยวหาให้เอาป่ะ เค๊ามีเพื่อนใหม่คนนึงหน้าตาดีต่อใจเชียว” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกพลางคิดไปถึงพีมตะวันที่คราวนี้กลับบ้านมาอีกแล้วแต่รอบนี้ดีหน่อยที่มาคนเดียวนายตัวกวนประสาทไม่มาด้วย

“งั้นหาให้พี่ด้วยสิ คนโสดไร้คู่ยืนอยู่นี่จะสามสิบสองอยู่แล้วยังไม่มีใครเลย มีคนคุยมาสามคนพอเลิกคุยก็หนีพี่ไปแต่งงานหมด เมื่อไหร่จะถึงวันของพี่บ้างล่ะเนี้ย” กนกกานต์เอ่ยบอก ชีวิตเธอช่างไม่มีดวงเรื่องความรัก คุยๆกับผู้ชายมาสามคน คนแรกพอห่างๆไปก็ดันไปแต่งงานกับหญิงอื่น พอมาคุยกับอีกคนพอถ่อยห่างไม่นานพ่อคุณก็ร่อนการ์ดแต่งงานไปอีกราย แต่ทำร้ายใจเธอสุดสุดคงเป็นสามีของแม่งานสาววัยใสที่ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายขอจบแถมยังไปแต่งงานกับเด็กสาวตรงหน้า

“คนที่สามก็หนีหมอไปแต่งงานแล้วผมว่าคงอีกไม่ถึงปีหรอก คนที่ใช่ของหมอต้องมา” ธนกฤตเอ่ยบอก นึกไปก็น่าสงสารแต่ถ้าวันนั้นเขากับเธอไม่ถ่อยห่างจากกันเขาคงไม่ได้มาเจอหนูน้อยของเขาหรอก

“แหม่ พูดได้สิผู้การ ผู้การเจอแล้วนิ อ้อ…ต้องขอบคุณกวางเลยนะที่ตอนนั้นยอมจบไม่งั้นผู้การไม่ได้เจอคนที่ใช่หรอก” กนกกานต์เอ่ยอย่างทวงบุญคุณก่อนที่จะขอตัวกลับ “กวางว่ากวางกลับก่อนดีกว่า ไปนะคะทุกคน”

พิมพ์ลภัสโบกมือลาก่อนที่จะไปดูความเรียบร้อยของสถานที่พร้อมทั้งคุยกับเพื่อนสาวไปด้วยด้านธนกฤตก็เดินตามไปโดยไม่พูดอะไร

เช้าวันต่อมา

โครม!

“โอ๊ยยยย เดินภาษาอะไรเนี่ย” กรรณิการ์เอ่ยว่าหลังจากที่มีคนเดินมาชนจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น

“โทษที พอดีรีบ” คู่กรณีเอ่ยก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนมากดหมายเลข

“ผิดแล้วไม่คิดจะช่วยเลยเหรอ ไอ้คนไม่มีน้ำใจ” เด็กสาวเอ่ยตัดพ้อจนคนกดสมาร์ทโฟนอยู่หันมอง

“ขอโทษแล้วไง ล้มแค่นี้ลุกเองได้อย่าสำออย” พีมตะวันเอ่ยบอกก่อนที่จะยืนมองคนล้ม จะว่าไปก็น่ารักดีนะ มาจากไหนเนี่ยไม่เคยเจอมาก่อน

“รู้ว่าลุกเองได้ แต่ฉันกำลังพูดถึงความมีน้ำใจและเป็นสุภาพบุรุษยะ” คนกองอยู่กับพื้นเอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้น

“น้ำใจอะมี แต่อยากเก็บไว้ช่วยคนที่ไม่ขี้โวยวายเข้าใจปะ หน้าตาก็น่ารักดีแต่ขี้โวยวายชะมัด” พีมตะวันเอ่ยก่อนที่จะเดินออกไป

“อีตาบ้า บังอาจมาว่าฉันขี้โวยวายเหรอ กลับมาขอโทษเดี๋ยวนี้นะ ฮึย ไอ้คนไม่มีน้ำใจเอ้ย” กรรณิการ์เอ่ยก่อนที่จะเดินไปหาพิมพ์ลภัสที่หน้าเวที

“อย่าให้เจออีกนะ แม่จะด่าให้สำนึกเลย” กรรณิการ์เอ่ยพึมพำขณะที่เดินมาหาพิมพ์ลภัส

“อ้าวข้าวฟ่างมาพอดีเลย พีม พั้นนี่ข้าวฟ่างเพื่อนเค๊า นี่พั้นลูกเลี้ยงอาพลอย นั้นพีมเพื่อนใหม่เค๊า” พิมพ์ลภัสเอ่ยแนะนำก่อนที่กรรณิการ์ชะงักแล้วก็ชะงักอีกเมื่อพิมพ์ลภัสกระซิบบอก “นี่ไงเพื่อนหน้าตาดีต่อใจที่บอก นักเรียนนายเรือเชียวน๊า”

“ไอ้คนไร้มารยาท” “ยัยขี้โวย” กรรณิการ์และพีมตะวันชี้หน้ากันก่อนที่จะเอ่ยอย่างจำได้

“อะไรยังไงไปรู้จักกันที่ไหน” สองสาวน้อยตัวแสบเอ่ยถามอย่างอยากรู้แต่ก่อนที่กรรณิการ์หรือพีมตะวันจะได้เอ่ยอธิบาย เพลิงตะวันก็เดินเข้ามา

“อ้าว นี่หนูข้าวฟ่างไม่ใช่เหรอ” เพลิงตะวันเอ่ยอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

“ลุงเพลิงรู้จักเพื่อนพริกด้วยเหรอคะ” พิมพ์ลภัสถามอย่างสงสัย

“อ๋อ แม่ของหนูข้าวฟ่างเป็นเพื่อนของแม่เจ้าพีมน่ะ” เพลิงตะวันเอ่ยบอก กรรณิการ์ยกมือขึ้นไหว้สามีเพื่อนมารดาก่อนที่จะยิ้ม

“สวัสดีค่ะพ่อเพลิง” เด็กสาวเอ่ยทักอย่างสนิทสนมจนคนเป็นลูกของพ่อเพลิงถึงกับหน้าม่าน

“พ่อเพลิงทำไมยัยขี้โวยนี่ถึงมาเรียกพ่อว่าพ่อเพลิงล่ะ” พีมตะวันเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ก็พ่อกับแม่เอ็นดูหนูข้าวฟ่าง อยากได้เป็นลูกอีกคน”เพลิงตะวันเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสกับพัญวลัยที่ฟังกลับยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าคำว่า ‘อยากได้เป็นลูกอีกคน’ของเพลิงตะวันต้องหมายความแฝงบางอย่างซ่อนอยู่ อยากจะถามจริงๆอะไรคืออยากได้เป็นลูกอีกคน

“เอ่อลืมไปเลย ลุงจะมาบอกหนูพริกว่าหมอกวางดันท้องเสีย เลยมาช่วยหนูไม่ได้แล้ว” เพลิงตะวันเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ พิมพ์ลภัสฟังแล้วถึงกับเครียดขึ้นมา “แล้วพี่หมอกวางเป็นยังไงบ้างคะ”

“ตอนนี้ให้น้ำเกลืออยู่ ไม่แน่ใจว่าหนักมากมั้ย อาสิตาให้มาเรียกหนูไปหลังเวที” เพลิงตะวันเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะเดินไปทางหลังเวที

“เจ้าพีมกับหนูข้าวฟ่างอยู่แถวนี้ดีกว่า พีมดูแลหนูข้าวเค้าด้วย” เพลิงตะวันเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินตามพิมพ์ลภัสไปพร้อมกับพัญวลัย

“เชอะ” สองหนุ่มสาวทำเสียงในลำคอก่อนที่จะหันหลังให้กัน ไม่ปลื้มในตัวฝ่ายตรงข้ามเอาซะเลย หงุดหงิดขึ้นมาเลยเชียว

ด้านพิมพ์ลภัสถึงกับตกใจเมื่อเดินเข้ามาถึงหลังเวทีเพราะคุณหญิงพรรณสิตาเสนอทางแก้ปัญหาโดยให้เด็กสาวเดินแทนกนกกานต์

“หานางแบบคนอื่นดีกว่าค่ะคุณอา พริกกลัวจะทำให้คุณอาขายหน้า” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกพร้อมทั้งหันหน้าไปมองธนกฤตที่ยืนกอดอกอยู่

“จริงๆ อาก็ไม่อยากให้ใครมาใส่เครื่องเพชรชุดนี้มากนะลูก นอกจากคนที่ประมูลได้ไป แต่ที่ยอมให้หนูกวางเพราะเห็นว่าหนูกวางใส่แล้วสวย พอหนูกวางไม่สบาย อาก็คิดว่าคนที่เหมาะสมที่จะใส่ก็ต้องเป็นสะใภ้ของเจ้าของเครื่องเพชรชุดนี้มากกว่า” คุณหญิงพรรณสิตาเอ่ยบอก ก่อนที่จะหันไปมองธนกฤตให้ช่วยพูด

“หนูครับ ไหนบอกว่าอยากจะพิสูจน์ให้คุณนายวรัญญาเห็นไงว่าหนูไม่ใช่เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แค่นี้พี่เชื่อว่าหนูทำได้” ธนกฤตเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสรู้สึกเหมือนถูกท้าทายเมื่อนึกถึงหน้าคุณนายวรัญญา

“ตกลงค่ะ แต่พริกไม่เคยทำอะไรแบบนี้คุณอาต้องหาคนมาสอนสักหน่อยนะคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก ทุกคนยิ้มออกมากับคำตอบที่ได้

“ไม่ต้องห่วงเลยลูก อาเคยเป็นเดินมาก่อนไม่เกิน5โมงเย็นหนูต้องเดินเป็น” คุณหญิงพรรณสิตาเอ่ยบอกก่อนที่จะยิ้มให้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel