บทที่20 ดูแลกันตามประสา...คนรักกัน
4ชั่วโมงต่อมา
เปลือกตาที่ปิดสนิทมาหลายชั่วโมงค่อยๆลืมขึ้นเผยให้เห็นดวงตาคม ธนกฤตมองไปรอบๆก่อนที่จะเห็นร่างของคนที่เขาคิดถึงกำลังปอกเปลือกผลไม้อยู่ที่โต๊ะ
“หนูครับ หนูพริกของพี่ ขอน้ำหน่อยสิ” ธนกฤตเอ่ยอย่างคนอยากอ้อนเมียขึ้นมากะทันหัน
“ พี่ธามฟื้นแล้ว” เด็กสาวหันตามเสียงก่อนจะพูดอย่างดีใจแล้วหยิบน้ำไปให้ชายหนุ่ม
“ว้าย” เด็กสาวร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจเมื่อคนที่เธอหยิบน้ำให้ใช้แขนกอดเอวแล้วกระตุกให้ร่างของเธอล้มลงไปนั่งบนเตียงข้างๆเขา
“ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะครับหนู” ธนกฤตเอ่ยเสียงออดอ้อน
”ทำไมต้องคิดถึงด้วยเล่า ไม่ได้คิดอะไรกันซะหน่อย” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกทั้งที่จริงๆอยากจะกอดเขาตอบด้วยซ้ำ
”ใครบอกไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดไงเลยคิดถึงหนู อยากกอดอยากหอมอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา” ธนกฤตเอ่ยบอก
“คิดอะไรอ่ะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามทั้งที่ใจลุ้นจนแทบจะช็อค
“จริงพี่จะรอให้หนูโตกว่านี้ก่อนค่อยบอก แต่ชีวิตคนเราไม่แน่นอนพี่กลัวว่าจะไม่ได้บอกหนู พี่รักหนูนะครับ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง “หนูจะรักพี่รึเปล่าไม่สำคัญ แต่ตอนนี้อยากให้หนูรู้ ว่าพี่รักหนู หนูคือคนที่ใช่สำหรับพี่”
“หนูก็รักพี่ เกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้แต่หนูรักพี่” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะกอดชายหนุ่มไว้แต่ก็ไม่กอดแรงเพราะรู้ว่าเขาเจ็บ ก่อนที่ทั้งสองจะผละออกจากกันด้วยความสุขที่ได้บอกความในใจที่ตรงกันให้อีกฝ่ายรู้ ธนกฤตมองหน้าหวานก่อนที่จะค่อยๆโน้มหน้าลงไปหมายจะจุมพิตริมฝีปากบางแต่แล้ว
“อุ๊ยขอโทษ! “ พรปวีร์เอ่ยอย่างไม่รู้สึกผิดตามคำที่เอ่ยออกไปเมื่อเปิดประตูเข้ามา หลานสาวที่ตอนนี้อายม้วนถอยห่างจากธนกฤตอย่างเขินอาย
”ยัยปีศาจจจจ” คนเจ็บเอ่ยแต่พรปวีร์ก็ยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่พีรวัศและเพลิงตะวันยืนหัวเราะอาการของเพื่อนรักที่อดของหวาน
“ขอบใจมากนะธาม” เพลิงตะวันเอ่ยบอกหลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว
“จะมาขอบจงขอบใจอะไร ขืนไม่ช่วยนายได้ฆ่าฉันสิ” ธนกฤตเอ่ยบอก เขาไม่ชอบให้ใครมาขอบคุณขอบใจอะไรทั้งนั้น
“หมอกวางบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว อึดใช้ได้นิหว่า เห็นพีมบอกว่านายลุยเดี่ยวสู้กับสี่คน จะทำซ่าไปไหนว่ะ” พีรวัศเอ่ยก่อนที่จะเดินไปหยิบแอปเปิ้ลมากิน
“ไอ้คุณพี ไอ้ที่กินเข้าไปนั้นไม่ใช่ของคนไข้เหรอ” ธนกฤตเอ่ยอย่างหวงๆไม่ได้หวงที่มันกินผลไม้นะแต่หวงที่ไอ้แอปเปิ้ลลูกนั้นมันที่พิมพ์ลภัสปอกเมื่อกี้
“ไม่ทราบคุณธามหวงแอปเปิ้ลหรือหวงคนปอกมิทราบ555” พีรวัศเอ่ยแซว คนปอกถึงกับหน้าแดงขึ้นมา
“ เออหวงคนปอก แต่ก็สิทธ์หวงไม่ใช่เหรอ ไอ้เกือบจะเป็นสามีกระเทย” ธนกฤตเอ่ยพร้อมทั้งล้อเลียนคนเคยเกือบพลาดท่าให้เพศที่สาม
“เท่าที่จำได้แอนนี่บอกว่านายด้วยไม่ใช่เหรอธาม” พรปวีร์เอ่ยก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ มีปกป้อง เฮ้ย ใช่สิไอ้เรามันคนนอกนิสามีภรรยากันต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว หนูพริกครับรู้มั้ยอาพลอยของหนูเกือบจะทำให้พี่กับนายพีถูกรุกประตูหลังด้วยนะ” ธนกฤตเอ่ยแซวกลับก่อนที่จะหันไปฟ้องเด็กสาว
“นี่อย่ามาใส่ร้ายฉันให้พริกหวานฟังนะยะ” พรปวีร์เอ่ย ดูๆนี่แค่บอกรักกันมันก็ฟ้องหลานสาวเธอแล้ว ร้ายกาจน้อยที่ไหนอีตานี่นะ
“ใส่ร้ายที่ไหน จะเอาหลักฐานมั้ยมีนะเบอร์โทรยัยส้มจี๊ดกรี๊ดปรอทแตกน่ะ” เป็นพีรวัศที่เอ่ยขึ้น ไอ้รักมันก็รักนะแต่เขาเคยเกือบถูกรุกประตูหลังมันก็ฝังใจ
“ ขอโทษนะคะ คนไข้ต้องได้รับการผักผ่อน ขอเชิญญาติกลับไปก่อนนะคะ” กนกกานต์ที่เข้ามาตรวจอาการคนไข้เอ่ยบอกพรปวีร์และคนอื่นๆจึงต้องยอมออกไป
“อ้าวจะไปกันหมดเหรอคะ น้องไม่อยู่เฝ้าไข้ผู้การเหรอเดี๋ยวขโมยซะนี่” กนกกาน์เอ่ยบอกเมื่อเห็นพิมพ์ลภัสจะเดินตามออกไป
“ ใครกล้าขโมยเจอดีแน่” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะกลับมานั่งบนเตียงเกาะเเขนชายหนุ่มไว้อย่างหวงแหน
“งั้นเดี๋ยวอาเอาเสื้อผ้ามาให้นะ ชุดนักเรียนด้วยใช่มั้ยพรุ่งนี้วันจันทร์” พรปวีร์เอ่ยบอกก่อนที่จะถามออกมา
“ ก็เอามาสิคุณพลอยจะให้พริกหวานเสียเวลากลับไปเอาทำไม” คนนั่งอยู่บนเตียงเอ่ย พรปวีร์อยากจะไปบิดหูกับคำพูดของพ่อคุณจริงๆ ชิ แบบนั้นไม่ต้องเฝ้าดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา ฮึย
หลังจากที่พรปวีร์และคนอื่นๆกลับไปแล้วคนป่วยเอาแต่ใจก็ใช้ลูกอ้อนที่ไม่ค่อยมีใครเคยเห็นอ้อนคนเฝ้าไข้จนพิมพ์ลภัสยอมมานั่งให้คนป่วยกอดตามที่เขาต้องการ
“กอดอะไรนักหนา ทำไมพี่ไม่นอนพักค่ะ” เด็กเฝ้าไข้เอ่ยถามคนไข้ขี้อ้อนที่เอาแต่กอดเธอไว้ด้วยแขนซ้าย ใบหน้าหล่อเหลาอิงแอบแนบชิดกับใบหน้าหวาน
“อยู่แบบนี้อีกซักพักนะครับ พี่คิดถึงหนูอยากอยู่ใกล้ๆ” คนป่วยกระซิบบอกเสียงอ่อนโยนข้างๆหู พิมพ์ลภัสยิ้มอ่อนออกมา หมอกวางจะต่อว่ามั้ยล่ะเนี้ยมาเฝ้าแต่คนไข้ไม่ยอมพักเลย
“เดี๋ยวหมอกวางก็ว่าหนูเอาหรอก มาเฝ้าแต่คนไข้ไม่ยอมพักเลย” เด็กสาวเอ่ยบอก พอว่าที่แมวขโมยบอกเรื่องที่เขาเพ้อ เธอก็เริ่มมองหมอสาวดีขึ้น แต่ก็ยังต้องคอยระวังก็เจ้าหล่อนบอกคอยเสียบอยู่นิ อีตาพี่ธามเนี้ยของรักของหวง
“ หมอกวางไม่ว่าหรอก ถ้าเค้าจะให้พี่ได้พักคงไม่รั้นหนูไว้หรอก เค้าอยากให้เราอยู่ด้วยกัน” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะอดใจไม่ไหวหอมแก้มเนียนๆของเด็กสาว
” เอาเปรียบกันอีกแล้ว พี่ชอบเอาเปรียบอะ หนูจะไม่คุยด้วยแล้วนะ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมทำท่างอนๆ ชิๆฉวยโอกาส ชอบเอาเปรียบ นี่เจ็บจริงปะเนี้ย ไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย
”เอาเปรียบเหรอ งั้นหนูหอมคืนสิครับ จะได้หายกัน” ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมทั้งใช้นิ้วเคาะเบาๆที่แก้มตัวเอง
“ชิ แก้มคนแก่ไม่หอมหรอก” พิมพ์ลภัสแกล้งว่า คนแก่ออกอาการงอนขึ้นมาทันตา เด็กสาวหัวเราะในลำคอก่อนที่จะยืดตัวขึ้นหอมแก้มคนแก่
“ร้ายจริง เป็นสาวเป็นนางมาขโมยหอมแก้มผู้ชาย พี่เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะหอมกันแล้วรับผิดชอบด้วย” คนถูกหอมแก้มเอ่ยอย่างกะล่อน
“อันนั้นมันควรเป็นคำพูดของผู้หญิงปะพี่ เห็นนิ่งๆจริตจะก้านนี่ไว้ใจไม่ได้ กะล่อน” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนจะหยิกแก้มคนกะล่อนมารยา
“อยู่กันไปนานๆ หนูจะรู้ว่าไอ้มาดนิ่งๆเงียบๆนั้นแค่หน้ากาก พี่ยังมีตัวตนที่หนูต้องหมั่นไส้อีกเยอะ จะอยู่ดูมั้ยล่ะ” ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมทั้งถามอย่างอ่อนโยน
“ หนูจะอยู่ดูไปตลอดชีวิตเลย พี่นั้นแหละอย่าเบื่อหนูซะก่อน” พิมพ์ลภัสเอ่ยพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่ารัก
“ไม่เบื่อหรอกครับ แค่หนูอยู่ใกล้ๆก็หายเบื่อแล้ว” ฟอดดด ไม่พูดเปล่าธนกฤตก็หอมแก้มสาวอีกครั้ง
“ชิ หายเบื่อสิได้เอาเปรียบกันนิ” คนถูกหอมพูดอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหยิกแก้มคนชอบเอาเปรียบด้วยความหมั่นไส้
วันต่อมา
ร่างบางในชุดนักเรียนยืนมองกนกกานต์ที่เข้ามาตรวจอาการคนไข้ก่อนที่จะเอามือกอดอกให้ดูดุนิดๆ
“ช่วงที่หนูไปเรียนห้ามพยาบาลสาวๆเข้ามาที่นี่เด็ดขาด รวมถึงหมอกวางด้วย ถ้ารู้ว่ามีพยาบาลหรือหมอมาใช้สายตาแทะโลมพี่ธามเจอดีแน่” เด็กสาวเอ่ยบอกกนกกานต์ก่อนจะหันมาหาธนกฤต “ ถ้ารู้ว่าทำตัวเป็นอาหารตาให้คุณหมอคุณพยาบาลล่ะก็หนูโกรธจริงด้วย”
“ครับผม พี่จะอยู่เฉยๆไม่เป็นอาหารตาให้ใครครับ” ผู้การหนุ่มเอ่ยบอก ไม่ได้กลัวนะ แค่ไม่อยากให้เมียโกรธ
“งั้นหนูไปล่ะ สวัสดีค่ะหมอกวาง” พิมพ์ลภัสเอ่ยกับธนกฤตก่อนจะหันมาไหว้หมอสาว
“จ๊ะ งั้นหมอออกไปก่อนดีกว่านะเดี๋ยวจะว่าไม่บริสุทธิ์ใจ” กนกกานต์เอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไปก่อน พิมพ์ลภัสทำท่าจะเดินออกไปแต่ธนกฤตเอ่ยขึ้นก่อน
“เดี๋ยวครับหนู หอมแก้มก่อนสิ นะครับคนดี” ”ขี้อ้อนจริงๆคนแก่เนี้ย จุ๊บ” คนถูกอ้อนเอ่ยก่อนที่จะจุ๊บแก้มสากแล้ววิ่งออกไปจากห้องไปอย่างเขินๆ ชายหนุ่มมองตามอย่างมีความสุขก่อนที่จะนอนลงพักผ่อน
หลังเลิกเรียนพิมพ์ลภัสมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับพีรวัศ พรปวีร์ เพลิงตะวัน และ พัญวลัย เด็กสาวมองคนที่หลับอยู่ก่อนจะอมยิ้มพยาบาลบอกว่าชายหนุ่มหลับไปตั้งแต่บ่ายสองจนถึงตอนนี้ เขาคงได้นอนเต็มอิ่มหลังจากไม่ได้พักเต็มที่มาเป็นอาทิตย์
” อ้าวขนกันมาทำไมเยอะแยะ มาแค่หนูพริกก็พอแล้ว” คนเพิ่งตื่นเอ่ยอย่างไม่ค่อยชอบใจนิดๆ คิดว่าจะได้อยู่กับหนูสองต่อสอง นี่อะไรโผล่มาเต็มหมด
“อ้าวเฮ้ยพูดงี้อยากแผลฉีกเหรอว่ะ คนเขาอุตส่าห์มาเยี่ยม” พีรวัศเอ่ยบอกอย่างหมั่นไส้ ก็ไม่ได้คิดจะมาเยี่ยมมันหรอกอยากให้อยู่กับเมียมันแต่เมียเขานี่สิไปโกรธแค้นอะไรมันก็ไม่รู้สั่งให้พามาไม่สิเรียกว่าแห่มาเกือบหมดเพื่อมาขวางมันเนี่ย
“เหอะ อุตส่าห์มาเยี่ยม ไม่ใช่คุณพ่อบ้านใจกล้าถูกเมียบังคับมาเหรอ” คนถูกมาเยี่ยมเอ่ยอย่างรู้ทัน ทำไมจะไม่รู้ว่าแม่เพื่อนสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มนั้นคอยแกล้งเขาอยู่ตลอด อิจฉาเขาล่ะสิที่หนูพริกห่วง
“ เออฉันมันพ่อบ้านใจกล้า แต่อย่าให้เป็นแบบนี้บ้างล่ะกันเสียชื่อนาวาเอกธนกฤตผู้น่าเกรงขามเลยนะเว้ย” พีรวัศเอ่ยก่อนที่จะนั่งลงข้างๆลูกสาวที่ทำหน้าสงสัยอยู่ข้างๆพิมพ์ลภัสที่ทำหน้าไม่ต่างกัน
“เป็นอะไรรึเปล่าน้องพั้น ทำหน้าสงสัยมาตั้งแต่ออกจากโรงเรียนแล้วน้องพริกหวานด้วย” พีรวัศเอ่ยถามลูกสาวและหลานสาวของเมียรัก
“คือแบบนี้ค่ะพ่อพี ยัยกิ่งเพื่อนที่ห้องเอามาอวดให้พั้นกับเพื่อนๆฟังว่านางไปจูบกับรุ่นพี่มา แถมยังว่ามันรู้สึกดีซาบซ่าน หวานแล้วยังรู้สึกอีกมากมายซะโอเว่อร์ พั้นกับพริกเลยสงสัยว่ามันเป็นอย่างที่ยัยกิ่งพูดหรือนางเว่อร์ไปเอง จูบมันเป็นไงอะพ่อพี” พัญวลัยเอ่ยเล่าก่อนที่จะถามผู้เป็นพ่อ พีรวัศกับพรปวีร์มองกันนิดหน่อยอย่างรู้สึกเขินๆขึ้นมา
“พ่อว่ามันเร็วไปที่ลูกจะมาสนใจเรื่องแบบนี้ สนใจเรื่องการเรียนดีกว่า” พีรวัศเอ่ยบอก
“แต่กิ่งแก้วเขาเล่าโอเว่อร์มากเลยนะคะอาพี พริกหวานสงสัย กิ่งแก้วน่ะเว่อร์ อาพีบอกเราสองคนหน่อยสิว่ามันเป็นยังไงจะได้เอาไปท้วงกิ่งแก้วว่าเธอเล่าเว่อร์” คราวนี้เป็นพิมพ์ลภัสที่เอ่ยบ้าง
”ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์เอง หนูพริกหวาน น้องพั้น ลุงว่าไม่ช้าก็เร็วพวกหนูก็รู้เองนั้นแหละ” เพลิงตะวันเอ่ยบอก ก่อนที่จะอ้ำอึ้งเมื่อทั้งคู่เอ่ยถามพร้อมกัน “เมื่อไหร่คะ”
“เอ่อ เมื่อพวกหนูมีแฟนล่ะมั่ง” เพลิงตะวันเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสและพัญวลัยมองหน้ากัน
“งั้นพั้นคงไม่รู้เร็วๆนี้หรอก พ่อพีหวงจะตายอีก20ปี30ปีนู่นมั้ง” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะหัวเราะออกมากับความขี้หวงของบิดา
”รู้ว่าพ่อหวงก็อย่าไปแอบมีแฟน หรือพิสูจน์ล่ะ ไม่งั้นล่ะก็พ่อเอาผู้ชายคนนั้นเละคามือ” คนหวงลูกเอ่ยบอก ธนกฤตมองอย่างขำๆ ชักอิจฉาคนมีลูกสาวให้หวงแฮะ ไม่เป็นไรหวงเมียไปก่อนก็ได้ อีกหลายปีเลยกว่าจะมีลูกสาวให้หวง
“ เออเมื่อกี้ไปถามหมอกวางมา ทีแรกออกได้วันนี้แต่หมอกวางเปลี่ยนใจดูอาการอีกวัน พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วนะกลับไปแล้วหนูพริกหวานคงต้องเหนื่อยดูแลมันสักหน่อยนะ” เพลิงตะวันเอ่ยบอก
“อีตานี่ไม่เป็นอะไรมากหรอกน๊า พริกหวานแค่คอยดูเฉยๆก็พอ ไม่ต้องเอาใจมาก” พรปวีร์เอ่ยบอก
“เธอนี่ขี้อิจฉาไม่เห็นใจคนป่วยซะบ้าง” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง “นี่ก็เย็นมากแล้วไปๆพากันกลับบ้านไปเลย คนไข้จะผักผ่อนคนเฝ้าไข้จะได้ทำการบ้าน”
”ได้ทีไล่เชียว คอยดูเถอะแม่จะยึดพริกหวานซักเดือนให้ลงแดงตาย” พรปวีร์เอ่ยอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ก่อนจะเดินออกไปพีรวัศและพัญวลัยเดินตามออกไป เพลิงตะวันหันไปกระซิบกับพิมพ์ลภัสก่อนจะหัวเราะออกไป “ถ้าสงสัยมันช่วยพิสูจน์ได้นะ”
พิมพ์ลภัสหน้าแดงขึ้นมาทันทีก่อนที่จะแกล้งไม่สนใจหยิบการบ้านขึ้นมานั่งทำ แต่แล้วก็สงสัยขึ้นมาอีกก็คำพูดของเพื่อนใหม่ยังวนเวียนอยู่ในหัวนิ
“หนูครับ มานี่หน่อยสิ พี่หิวน้ำ” ธนกฤตที่มองคนทำการบ้านอยู่เอ่ยบอก “เอาการบ้านมาด้วย เดี๋ยวพี่สอนให้”
“ทำหน้าสงสัยแบบนี้ทำการบ้านไม่ถูกหรือยังสงสัยอยู่ครับ” เมื่อดื่มน้ำเสร็จแล้วใช้มือรวบเด็กสาวมานั่งข้างๆได้ธนกฤตก็เอ่ยถาม
“เอาตรงๆก็สงสัยนะ กิ่งแก้มเล่าโอเว่อร์ หนูไม่เชื่อหรอก อือ” เด็กสาวที่เอ่ยบอกต้องตกใจเมื่อไอ้ที่สงสัยอยู่มันถูกพิสูจน์ขึ้นหลังจากพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากสีธรรมชาติถูกริมฝีปากหนาครอยครองอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่ลิ้นร้อนจะแทรกเข้าไปในปากของคนตัวเล็ก แต่แล้วเหมือนคิดได้ธนกฤตรีบผละออกอย่างเเผ่วเบา
”พิสูจน์แค่นี้ก่อนนะครับ ขืนมากกว่านี้พี่คงห้ามใจไม่ไหว หนูได้ใจแตกกันพอดี” คนป่วยเอ่ยบอกทีเล่นทีจริง กลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วต้องค้างนะสิ
ด้านคนได้พิสูจน์สิ่งที่สงสัยยังคงรู้สึกประหลาดกับความรู้สึกแปลกใหม่ จูบแรกของเธอ โอ้แม่เจ้า กิ่งแก้วไม่ได้เว่อร์หรอก ตอนนี้เธอรู้สึกประหลาดยิ่งกว่าที่กิ่งแก้วพูดเพ้อด้วยซ้ำไป
“ตื่นๆ หนูครับ ไม่เอาไม่คิดมากครับ ทำการบ้านดีกว่านะ” ธนกฤตเอ่ยบอกคนถูกขโมยจูบแรกอย่างไม่ทันตั้งตัว พิมพ์ลภัสทำหน้าเขินๆก่อนที่จะหยิบสมุดการบ้านไปนั่งทำไกลๆ ธนกฤตได้แต่ขำคนเขินอายก่อนที่จะค่อยๆนอนลงมองเด็กสาวอย่างมีความสุขจนหลับไป พิมพ์ลภัสที่ทำการบ้านเสร็จหันกลับไปมองแล้วยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปห่มผ้าให้คนป่วยก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มสาก “ฝันดีค่ะพี่ธามของหนู”
