บท
ตั้งค่า

บทที่18 ความในใจที่ยังไม่บอกเธอ

1อาทิตย์ต่อมา

เรือหลวง...

” พี่เข้ม เฮียเป็นอะไรอ่ะ ซึมๆ “ เรือเอกสิชลหรือชล ต้นปืนแห่งเรือหลวงลำนี้เอ่ยถาม เรือเอกคมินทร์หรือเข้ม นายธงแห่งเรือหลวงลำนี้ ที่รู้ใจกัปตันเรือเป็นที่สุด

“ไม่รู้ว่ะ ใจลอยแบบนี้มาตั้งแต่เรือเดินแล้ว เฮ้ยนายพีม รู้มั้ยเฮียเป็นอะไร” เรือเอกคมินทร์ที่หาคำตอบไม่ได้หันไปถามนักเรียนนายเรือผู้ที่ใครๆก็รู้ว่าเป็นลูกชายผู้การเพลิงตะวันเพื่อนสนิทของผู้การเรือ

”คิดถึงคนที่บ้านน่ะครับ น้าเข้มอย่าสนใจเลย” พีมตะวันเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนบิดาแล้วยิ้มขำ

อาทิตย์นึงแล้วสินะที่เรือหลวงขนาดใหญ่ลำนี้ออกจากท่าเทียบเรือ หนึ่งอาทิตย์ที่พวกเขาตรวจความเรียบร้อยให้ท้องทะเลแห่งนี้ ภารกิจที่สื่อเข้าไม่ถึง ภารกิจพวกเขาทำเพื่อรักษากฏหมายทางท้องทะเล และให้การช่วยเหลือชาวเรือที่ลอยลำอยู่บนท้องทะเลไทย ภารกิจที่บางครั้งจะอันตรายแต่เขาก็สุขใจเสมอเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของชาวเรือที่ได้พบเจอ ไม่มีสักครั้งที่เขารู้สึกเหงาเมื่ออยู่บนเรือหลวงลำนี้ และท้องทะเลไทยแห่งนี้ ยกเว้นครั้งนี้ คงเป็นเพราะครั้งนี้เขามีใครอีกคนรออยู่ที่บ้านละมั้ง หลายครั้งที่เห็นลูกน้องในเรือกระวนกระวายใจอยากกลับฝั่งเพราะเป็นห่วงลูกเมีย ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะเป็นตัวเขาเองที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง

”เฮียคิดถึงคุณนายเหรอครับ เฮ่อ มีเมียเด็กก็งี้แหละ ใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว” เรือเอกคมินทร์ที่เดินเข้ามาพร้อมเรือเอกขัตติยะหรือผู้กองเคน ต้นหนเรือ และเรือเอกชีวิน ต้นเรือผู้เป็นรองผู้บังคับการเรือรุ่นน้องคนสนิทของผู้การหนุ่มเอ่ยถามอย่างล้อเลียน ทุกคนบนเรือลำนี้ต่างเคยเห็นคุณนายวัยกระเตาะของผู้การหนุ่มกันมาแล้วในวันแต่งงานถึงบางคนจะไม่รู้ว่าทำไมผู้การหนุ่มวัย37ถึงได้เข้าพิธีแต่งงานกับนักเรียนม.ปลายวัยเพียง17ปีก็ตามแต่ก็ไม่เคยคิดถามเพราะเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ควรอยากรู้

”พวกนายนี่น๊า เฮ่อ อยากกลับฝั่งว่ะ” คนเป็นเฮียของทั้งสามเอ่ย ให้ตายเถอะ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมามันทรมานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากจะกลับไปตอนนี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าภารกิจยังไม่จบ เฮ่อ เรือหลวงลำนี้ยังไม่ถึงวาระกลับเข้าฝั่ง

“เอาน๊าเฮีย อีกสองอาทิตย์เอง “ ต้นหนเรือหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนที่จะหัวเราะเมื่อกัปตันเรือหนุ่มถอนหายใจออกมา

“ พีม ถ่ายพระอาทิตย์ตกมุมนั้นด้วย” ธนกฤตหันไปเอ่ยบอกพีมตะวันที่กำลังถ่ายรูปท้องทะเลตามคำสั่งคุณนายผู้การเรือที่อยากเห็นทะเลแบบใกล้ๆ

“คร๊าบอาธาม” ช่างภาพจำเป็นเอ่ยก่อนที่จะถ่ายตามที่ผู้การหนุ่มสั่ง

“ถามจริงเฮีย ให้พีมมันถ่ายรูปทำไม เราก็เห็นกันอยู่ประจำ” ต้นหนหนุ่มยังเอ่ยถามอย่างสงสัย

“พริกหวานอยากเห็น ไปๆๆ ไปทำหน้าที่ของตัวเองเลยไป ไม่ต้องมาถามมาก ฉันจะไปตรวจ” ผู้บังชาการเรือหนุ่มเอ่ยไล่ก่อนที่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาจะล้อเลียนคนหายใจเข้าก็พริกหวาน หายใจออกก็พริกหวาน

”หกโมงเย็นแล้ว กินข้าวรึยังน๊าหนูของพี่” ธนกฤตเอ่ยอย่างคิดถึงคนที่บ้านก่อนจะมองพระอาทิตย์ค่อยๆหายลงไปในทะเล

” อาธามครับ” พีมตะวันเอ่ยเรียกคนที่ยืนมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก่อนที่จะเข้าไปยืนใกล้ๆ

”พีมไม่เข้าใจอาธามตอนนี้เลย ทั้งที่เพิ่มเจอกับพริกหวานได้ไม่นานแท้ๆ แต่อาธามกลับทำให้พีมและคนอื่นๆเห็นเหมือนรักพริกหวานมากๆแถมรักมานานแสนนานอีก “ พีมตะวันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ อาจจะเพราะเขายังไม่เคยรักใครล่ะมั้งเลยไม่เข้าใจ

”ไม่รู้สิ อาคิดถึงแต่เด็กคนนั้นตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันแล้ว พริกหวานเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวหลับตาลงก็เห็นแต่เธอ อาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลยตลอด37ปี มีคนบอกอาว่าความรักมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เราสามารถรักคนๆนึงได้เพียงแรกเห็น และพริกหวานอาจจะเป็นรักแรกพบของอา อีกอย่างเหมือนอาผูกพันกับพริกหวานตั้งแต่เด็กคนนั้นยังอยู่ในท้อง ถ้าไม่มีบางอย่างรั้งอาไว้ในวันนั้นไม่แน่พริกหวานอาจจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกและโตมาเจอกันแบบนี้” ธนกฤตเอ่ยบอก สายตาอ่อนโยนและหวานซึ้งทอดยาวไปยังพืนน้ำทะเล

” ในโลกใบนี้มีผู้คนเป็นร้อยเป็นพัน แต่มีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นที่เรารักได้หมดหัวใจในเวลาไม่นาน และอาเจอคนนั้นแล้ว อาจะไม่ปล่อยให้หลุดลอยไป “ ชายหนุ่มเกือบใหญ่เอ่ยบอก พีมตะวันยิ้มออกมา นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผู้การหนุ่มเปิดเผยความในใจออกมาก็เป็นได้ ความในใจที่แม้แต่พิมพ์ลภัสก็ยังไม่รู้

“แล้วอาธามรักพริกหวานตรงไหน ผมดูพริกหวานไม่เหมือนกับพวกหมอกวาง หรือคนที่อาคุยๆมาเลยแถมยังดูแสบ ทโมนนิดๆ รั้นๆอีกต่างหาก” พีมตะวันเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ ยอมรับว่าตอนแรกว่าชอบที่หน้าหวานๆ แต่ต่อมาก็ปากร้ายๆเสียมารยาทนิดๆแสบๆนั้นล่ะที่ทำให้อาตกหลุมรักถึงขนาดแอบรอเห็นหน้าเธอ พริกหวานอาจจะไม่ใช่พวกมีอุดมการณ์รักชาติ แต่พริกหวานก็รักชาติรักความสงบ เธอไม่ใช่คนที่เชื่อฟังทุกคน แต่ถ้าทำให้เห็นว่าสิ่งที่ตักเตือนไปมันดีเธอก็เชื่อทันที บางครั้งอาจดูเอาแต่ใจแต่มันแค่บางเรื่องที่เธอคิดแล้วว่าไม่ผิด อาชอบที่พริกหวานเป็นแบบนี้ ไม่ต้องแสนดี ไม่ต้องคลั่งอุดมการณ์ ไม่ต้องอ้อนน้อมเชื่อฟัง แต่แค่พริกหวานไม่ได้เห็นแก่ตัวไม่ฟังเหตุผลใคร แค่นี้อาก็รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว” กัปตันเรือหลวงขนาดใหญ่ลำนี้เอ่ยบอก จะบอกว่าชอบเธอที่ตรงไหนก็คงเพราะเธอแสบ

”น้ำเน่าอะ คนมีความรักเนี่ยชอบพูดอะไรลิเกๆแบบนี้สินะ พ่อเพลิงก็อีกคน ยิ่งอาธามนี่สุดๆเมื่อก่อนนิ่งๆเงียบๆเดี๋ยวนี้พูดอะไรน้ำเน่าได้สุดๆ” พีมตะวันเอ่ยก่อนที่จะส่ายหน้า

”สักวันหนึ่งนายจะเป็นแบบนั้นไอ้พีม แล้ววันนั้นนะอานี่แหละจะหัวเราะซ้ำเติมแกคนแรก” ธนกฤตคาดโทษก่อนจะเอ่ยบอก “ความรักอาจทำให้เราน้ำเน่าแต่เราจะเห็นว่ามันมีความสุขออกมาจากหัวใจ อาเชื่อว่าวันนึงนายจะต้องไม่มองว่ามันน้ำเน่า”

”เฮียครับ ขวาที่สองห้าห้ามีเรือต้องสงสัยอาจลักลอบขนยาเสพติดจากฝั่งกัมพูชามาฝั่งไทยตามที่ได้รับรายงานมาครับ” ต้นเรือหนุ่มวิ่งมาเอ่ยบอก ธนกฤตหันมามอง

”ห่างจากเรือเราเท่าไหร่” ธนกฤตเอ่ยถามก่อนที่จะเดินไปยังทิศที่รองผู้บังคับการเรือเอ่ยบอก

”ประมาณ100 ไมล์ทะเล” ต้นหนเรือเอ่ยเสริม

“เป่าแตรสัญญาณรวมพลด่วน อ้อ เบาๆอย่าให้ฝั่งนั้นได้ยิน” ธนกฤตเอ่ยสั่งก่อนที่จะหันมามองพีมตะวัน แม้นี่ไม่ใช่เรื่องประหลาดสำหรับการออกเรือลาดตระเวนของเขา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกทีเพราะมีนักเรียนนายเรืออีกห้าคนร่วมด้วย เด็กหนุ่มทั้งห้าคนยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้มันอันตรายเกินไป

“ทุกคนคงทราบถึงสาเหตุที่ผมสั่งรวมพล ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเรามีนักเรียนนายเรือมาด้วย ครั้งนี้ทุกคนต้องระวังมากที่สุด อีกอย่างเรายังไม่มั่นใจว่าเรือลำนั้นใช่เรือประมงธรรมดาหรือเรือขนยาเสพติดข้ามชาติ การขอเข้าตรวจค้นซึ่งๆหน้าเราไม่รู้ได้ถึงอันตรายเลย “ ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง

“วันนี้เดือนดับถือว่าโชคเข้าข้างแล้ว ผมจะแอบขึ้นไปบนเรือถ้าทุกคนได้ยินเสียงพลุสัญญาณก็โจมตีได้เลย” ผู้เป็นกัปตันเรือเอ่ยบอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้หลายครั้งแล้วที่เขาบุกเดี่ยว

“พวกเราลูกประดู่ไม่เคยกลัวที่จะตายเพื่อชาติ ยอมรับว่าครั้งนี้มีความเสี่ยงมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมาแต่ขอให้ทุกคนมีความสามัคคี ประกาศศักดาให้ได้เห็นว่าเรือหลวงแห่งราชนาวีไทยไม่ใช่สิ่งที่พวกนั้นจะไม่สนใจได้ ให้พวกนั้นได้เห็นว่าน่านน้ำทะเลไทยไม่ใช่สถานที่ที่จะมาทำผิดกฏหมายได้ง่าย” ธนกฤตเอ่ยบอก นายทหารเรือทั้งหมดฟังอย่างตั้งใจและฮึกเหิม

“ผมขออาสาไปด้วยครับ” พีมตะวันเอ่ยบอกเสียงดังฟังชัด

“ไม่ได้ นายและเพื่อนต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่” ธนกฤตเอ่ยเสียงเข้มจนพีมตะวันต้องยอมฟังปล่อยให้ธนกฤตกระโดดลงน้ำว่ายไปยังเรือลำดังกล่าว ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่นายทหารเรือบนเรือกำลังเคร่งเครียดประจำหน้าที่ของตนใส่เสื้อชูชีพแล้วกระโดดน้ำว่ายตามธนกฤตไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel