บทที่17 ใจลอยไปหาใคร
ป่านนี้พี่ธามจะทำอะไรอยู่นะ ?จะกินข้าวรึยัง? แล้วพี่เค๊าอยู่แถวไหนของอ่าวไทย? ทำไมถึงได้คิดถึงแต่เขาล่ะเนี้ย? คำถามเดิมๆถูกตั้งขึ้นในหัวเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นสามี เด็กสาวได้แต่สงสัยตัวเองที่คิดถึงเขาได้ตลอดเวลา ทำไมกันนะ อยู่ด้วยกันไม่นานทำไมถึงได้รู้สึกผูกพันอย่างนี้ กลับมาเร็วๆนะพี่ธาม หนูคิดถึง
“ตัว ใจลอยออกอ่าวไทยไปแล้วหราาาา” พัญวลัยเอ่ยถามขณะวางจานข้าวราดแกงเขียวหวานลงตรงหน้าพิมพ์ลภัส เพราะเพื่อนใหม่ของเธอยังไม่รู้ที่ทางนักเธอจึงให้มารอที่โต๊ะประจำของเธอส่วนตัวเองเดินไปซื้ออาหารเอง เสียงของพัญวลัยไม่ได้ทำให้คนใจลอยหลุดจากภวังค์ความคิด
“นี่ๆๆ ตัว เลิกใจลอยได้แล้ว กลับมาๆ. “ พัญวลัยเอ่ยพร้อมกันเขย่าแขนเพื่อน
“โอ้ยตัวทำอะไรเนี้ยยัยเพี้ยน มาเขย่าทำไม ไม่ใช่นมกล่องจะได้เขย่าก่อนดื่ม” พิมพ์ลภัสเอ่ยโวยใส่ กำลังคิดถึงพี่ธามอยู่ดีๆยัยเพี้ยนจะเขย่าทำไมก็ไม่รู้
“นี่ยัยพริกหยวก ก็คนเขาเรียกแล้วไม่ขาน มัวแต่ใจลอยออกอ่าวไทยอยู่ได้ ชิๆ จะบอกว่าข้าวมาแล้วรีบๆกินซะจะพาไปสมัครเข้าชมรม “ พัญวลัยเอ่ยบอก ‘ รู้หรอกว่าใจลอยไปไหน ออกอ่าวไทยไปจริงๆนั้นแหละ โอ๊ยยยย พั้นไม่เข้าใจความรัก ฟ้าจะสร้างให้รักแล้วห่างกันทำไม’
“นั่งด้วยดิพริกหวาน” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้น พัญวลัยหันควับไปมองอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่มีเพื่อนคบไง๊ ถึงจะมานั่งตรงนี้” พัญวลัยเอ่ยถามอย่างปากเสีย เธอล่ะไม่ค่อยชอบอีตานี่ เพราะพ่อเลี้ยงของนายนี่ชอบหาเรื่องพ่อพี ลุงเพลิงและอาธาม ของเธออยู่บ่อยๆ พ่อเลี้ยงของไตรณรงค์ เป็นผู้การวัย40ต้นๆที่ชอบหาเรื่องสามผู้การหนุ่มที่ได้เป็นกัปตันเรือตั้งแต่อายุยังไม่ถึง40เพราะความหมั่นไส้ พัญวลัยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยพาลมาไม่ชอบเด็กหนุ่มด้วย
“เพื่อนน่ะมีแต่อยากรู้จักเพื่อนใหม่ เธอมาเข้าชมรมถ่ายภาพกับชมรมดนตรีมั้ยสนุกนะ” ไตรณรงค์เอ่ยบอกพัญวลัยก่อนจะหันมาชวนพิมพ์ชนกเข้าชมรมที่เขาเป็นสมาชิก
“อย่าไปฟังนายนี่นะยัยพริกหยวก มาเข้าชมรมการแสดงกับชมรมท่องเที่ยวและกีฬาดีกว่า” พัญวลัยเอ่ยแย้ง ใครจะยอมให้ยัยพริกหยวกไปอยู่ใกล้อีตานี่
“ที่นี่เลือกได้กี่ชมรมอะ ทำไมเสนอมาคนละสอง” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เลือกเองสามชมรม แล้วก็มีชมรมพิเศษที่ฝึกร่างกายกับทหารเรือด้วย” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ “คืองี้ ที่นี่อยู่ใกล้ฐานทัพเรือใช่มั้ยล่ะ ถึงจะไม่ใช่โรงเรียนนายเรือแต่ด้วยความสัมพันธ์อันดีของลุงธีกับฐานทัพเรือ ก็เลยมีกิจกรรมเสริมนันทณาการให้นักเรียนที่นี่ เป็นชมรมพิเศษทุกเย็นวันศุกร์และวันจันทร์จะมีการกิจกรรมร่วมกัน3ฝ่ายคือนักเรียน นายทหารเรือ และพลทหารเกณฑ์”
“น่าสนุกอะ งั้นสามชมรมที่เหลือล่ะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยอย่างยังไม่หายสงสัย
“แล้วแต่เราจะเลือก แต่ละชมรมจะใช้เวลาช่วงเย็น2ชั่วโมงก่อนกลับบ้านเพื่อทำกิจกรรมในหนึ่งอาทิตย์เราต้องเข้าสี่ชมรม สามชมรมเลือกวันเข้าไปได้ แต่ชมรมพิเศษเป็นชมรมบังคับ” พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“น่าสนุกดี ที่โรงเรียนเก่าเค๊าให้เลือกสองชมรม ชมรมบังคับเป็นชมรมมารยาทไทย บอกตามตรงเลือดตาแทบกระเด็น” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก
“คิคิ ตอนม.1 ก็มีบังคับเลือกชมรมนี่นะ เค๊าเองก็เลือดตาแทบกระเด็น” พัญวลัยเอ่ยบอก
“แล้วตกลงพริกหวานจะเข้าชมรมไหนอะ “ คนที่รู้สึกเหมือนไร้ตัวตนเอ่ยแทรกให้ทั้งสองรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้
“เมื่อก่อนอยู่ชมรมท่องเที่ยวและกีฬา กับชมรมเทควันโด” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกก่อนที่จะเอ่ยต่อ “งั้นเป็นชมรมเทควันโด ท่องเที่ยวและกีฬาแล้วก็ถ่ายภาพล่ะกัน ถือว่าเสมอนะ อย่าตีกัน “
“ชิ เวลาที่พริกหยวกไปชมรมถ่ายภาพ นายอย่าให้ใครมายุ่งกับเพื่อนฉันนะ ไม่งั้นเจอดี” พัญวลัยเอ่ยอย่างข่มขู่ก่อนที่จะกินข้าวต่อ
ห้องประจำชมรมพิเศษ
“สวัสดีค่ะผู้กองต้อม” พัญวลัยเอ่ยทักนายทหารเรือหนุ่มที่เป็นรับหน้าทีประจำชมรมพิเศษ หลังจากพาเพื่อนสาวไปสมัครชมรมที่ต้องการจนหมดแล้ว เด็กสาวจึงพาพิมพ์ลภัสมาลงชื่อเข้าชมรมพิเศษ
“สวัสดีครับ พาเพื่อนใหม่มาลงชื่อใช่มั้ย ชื่ออะไรคะคนสวย” เรือเอกอติเมษเอ่ยทักลูกสาวผู้บังคับบัญชาของเขาก่อนจะหันไปทักสาวน้อยข้างๆ
“พิมพ์ลภัส เอ่อ พิมพ์ลภัส เตชะนาวินทร์ค่ะ” เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่
“พิมพ์ลภัส เตชะนาวินทร์เนาะ ห่ะ เตชะนาวินทร์ ตะ ตะ เตชะนาวินทร์จริงๆอะ อย่าอำพี่นะน้อง” ผู้กองอติเมษที่กำลังเขียนชื่อเด็กสาวหันมาเอ่ยถามอย่างตกใจระคนไม่เชื่อ “อย่าบอกนะว่าคุณนายผู้การธามที่พวกแม่ค้าเม้าท์กัน
“ค่ะ คนนี้แหละคุณนายผู้การธาม อิอิ” พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะหัวเราะออกมา เมื่อกี้ยังชื่ออะไรคะคนสวยอยู่เลยตอนนี้หน้าซีดเชียว
“เชิญนั่งครับคุณนาย น้ำมั้ยครับ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินไปเอาน้ำให้ เขาไม่ได้เว่อร์นะ นี่คุณนายผู้การเชียวนะ คุณนายผู้การ แถมยังเป็นผู้การธามอีกด้วย
“เป็นอะไรกันไปหมด ทำไมกลัวพี่ธามกันจัง เขาชอบแยกเขี้ยวใส่เหรอคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัย ใครๆก็ชอบทำหน้าเหมือนกลัวธนกฤตกันจัง
“ก็ไม่ได้แยกเขี้ยวใส่หรอกครับ แค่ทำหน้าดุๆ ไม่ยิ้มแย้ม แถมเงียบๆแต่น่ากลัวแค่นั้นเอง แต่นอกนั้นผู้การก็เป็นคนรักลูกน้องและเพื่อนฝูงนะครับ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยบอก
“งั้นต่อไปพริกหวานจะขอให้พี่ธามยิ้มบ่อยๆคนอื่นจะได้ไม่กลัว” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก ทีกับเธอแทบจะแจกยิ้มเรี่ยราด ที่กับคนอื่นๆ หวงยิ่งกว่าทอง พี่ธามเนี่ยนะ แหน่ะคิดถึงอีกแล้วทำไมน๊าทำไม
หลังเลิกเรียน
“พวกพี่ไปส่งมั้ยครับคนสวยบ้านอยู่ไหนเอ่ย” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยบอกพิมพ์ลภัสขณะเดินไปที่จอดรถจักรยานของพัญวลัย
“บ้านผู้การธามค่ะ พี่รู้จักเปล่า” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก เธอเดินออกมาก่อนเพราะพัญวลัยลืมของไว้ที่ห้องเรียน
“บะ บ้านผู้การธาม 555 สงสัยพี่คงไปส่งไม่ได้ขอโทษครับ เฮ้ยไปเว้ย” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆ แน่สิใครจะไม่รู้จักหนึ่งในครูฝึกชมรมพิเศษ ที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุด แถมเด็กเกแบบพวกเขายังถูกผู้การหนุ่มเกือบใหญ่จับตาดูเป็นพิเศษอีก อย่าว่าแต่ไปส่งเด็กสาวเด็กนักเรียนใหม่ของโรงเรียนเลย แค่ขี้รถผ่านยังไม่กล้าแวะ
“ชิ นึกว่าแน่ ถ้าเอาพี่ธามมาอ้างยังไม่กลัว ได้เจอพิมพ์ลภัสภาคนางแม่มดน้อยแน่ เฮ่อ ทำไมมีแต่คนมาจีบนะ อย่าให้หมดความอดทนนะ จะทำให้เดี้ยงแบบไอ้โจเลย” พิมพ์ลภัสเอ่ยคนเดียวอย่างรำคาญ ไอ้โจที่ว่าคือ เด็กเกเรในโรงเรียนเก่าที่ชอบทำให้เธอรำคาญ ถึงขั้นเธอทนไม่ไหว วางแผนแกล้งจนไอ้โจ กลัวกลับใจเป็นเด็กเรียนไปเลย
“ร้ายอะ แบบนี้ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้” พัญวลัยที่ตามมาที่หลังเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสยักไหล่ก่อนที่จะเอ่ย “กลับกันเถอะ มังกร สิงโต พริกเกลือ เรือรบ คงหิวแล้ว”
“งั้นแวะซื้อลูกชิ้นร้านหน้าโรงเรียนไปกินด้วยนะ พ่อพีกับแม่พลอยคงมาถึงค่ำๆ “ พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะนั่งควบจักรยานคู่ใจ พิมพ์ลภัสพยักหน้าก่อนที่จะนั่งซ้อนท้าย “ไปเลย”
ดวงตาคู่หวานนั่งมองลูกแมวศุภลักษณ์ที่กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างน่ารักก่อนจะหันหน้าไปทางชายหาด สองวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอธนกฤตมันช่างดูเหงาๆ และขาดอะไรไป อย่าบอกนะว่าเธอรักเขาเข้าให้แล้ว บ้าน๊าแค่สองอาทิตย์เนี่ยนะ หรือว่าเธอชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ตั้งแต่ได้สบตากับเขาครั้งนั้น เฮ่อ ชอบคนง่ายจังเรา
“ เฮ่อ สงสัยจะจริง” พิมพ์ลภัสบอกตัวเองก่อนจะหันมายิ้มกับเจ้าแมวน้อย
“มังกรจ้า พริกหวานคิดถึงพี่ธามอะ นี่พริกหวานใจง่ายไปมั้ย ชอบคนง่ายจริง” เด็กสาวเอ่ยกับลูกแมวน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง
“มีคนเคยบอกอาว่า ไม่แปลกที่คนเราจะรู้สึกรักใครในเวลาไม่นาน เพราะรักแท้ไม่ต้องการเวลา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้พิมพ์ลภัสหันกลับไปมอง พรปวีร์ยืนยิ้มอยู่ก่อรที่จะเดินมานั่งใกล้ๆ
“คำว่ารักมันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่จำกัดระยะเวลา บางคนค่อยๆรัก บางคนตกหลุมรักแต่แรกเห็นแล้วค่อยๆรักมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่มีคำว่าผิด สำหรับความรักถ้ายังอยู่ในพื้นฐานของคุณธรรม การที่พริกหวานจะรักธาม ชอบธามในเวลาไม่นานก็ไม่ใช่เรื่องผิด บางคนเจอกันแค่นาทีเดียวก็ตกหลุมรักกันแล้ว” พรปวีร์เอ่ยบอกก่อนที่จะอุ้มลูกแมวน้อยขึ้นมาหยอกล้อ
“มันไม่ผิดจริงๆเหรอคะ” คนเป็นหลานยังคงสงสัย พรปวีร์ยิ้มออกมาก่อนจะหันมาตอบ “ไม่ผิดหรอกหลานรัก แค่รักอย่างถูกต้องและเหมาะสมก็พอ ความรักมันไม่ผิดแต่ต้องรักให้เป็นไม่ใช่รักจนไม่สนใจอย่างอื่น”
“งั้นพริกหวานรักพี่ธามได้มั้ยคะ” เด็กสาวเอ่ยถาม
“ได้สิคะ แต่อย่ายอมอีตานั้นมากนัก และอย่ามัวแต่คิดถึงเขาจนเสียการเรียน ไม่สนใจโลกภายนอก และที่สำคัญหนูต้องกำราบพ่อคนเจ้าเล่ห์ให้อยู่หมัด อีตาธามน่ะไม่ไปแรดที่ไหนเหมือนบางคนแต่ความเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสเนี่ย อาว่ามีแน่ๆ” พรปวีร์เอ่ยบอกแถมแขวะคนแรดบางคนอีกด้วย หญิงสาวอดจะหมั่นไส้เพื่อนหนุ่มไม่ได้ บังอาจมาทำให้หลานฉันรัก อิจฉาก็อิจฉา หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ คอยดูล่ะกันธาม นายได้นั่งไม่ติดแน่ นี่เป็นการเอาคืนเล็กๆน้อยๆ ฉันจะทำให้นายหึงพริกหวาน หึง หึง หึง แล้วก็หึงแต่ทำอะไรไม่ได้คอยดู
“ไปกินข้าวกัน อาทำของโปรดไว้เพียบเลย เห็นพริกหวานไม่ไปที่บ้านซะทีอาเลยมาตาม จริงๆน่าจะเอาเจ้าเหมี้ยวนี่ไปอยู่บ้านโน่นด้วย” พรปวีร์เอ่ยบอก
“พั้นบอกว่า อาพีแพ้ขนแมว พริกหวานเลยให้มังกรกับ เพื่อนๆอยู่ที่นี่ “ พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก พรปวีร์ยิ้มออกมา “จริงสินะนายนั่นแพ้ขนแมว ส่วนอีตานายธามแพ้เกสรลิลลี่ เพลิงแพ้ขนหมา สามคนนี้มีจุดอ่อนที่คนอื่นไม่รู้ เลยกลัวกันไป”
