บทที่14 ฉลองปีใหม่หัวใจใกล้กัน
หลังจากพูดคุยกับกิ่งกานต์ในวันนั้นพิมพ์ลภัสก็ไม่ค่อยกลัวหญิงชราแล้วมีแต่ความเคารพเท่านั้น วันนี้เป็นวันที่31ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่าที่พิมพ์ลภัสต้องใช้สายตาออดอ้อนให้ธนกฤตอยู่ที่นี่ต่อจนถึงวันปีใหม่ และเป็นอย่างที่ย่าของชายหนุ่มว่าคำพูดลูกอ้อนของเธอทำให้พ่อเทพบุตรน้ำแข็งทำน้ำแข็งละลายได้ไม่ยาก
“พี่จะไปซื้อขอมาเลี้ยงคนงานในสวน ไปด้วยกันมั้ยครับ” ธนกฤตเอ่ยถามหลังจากที่เด็กสาวเดินออกมาจากห้องย่ากิ่ง ตั้งแต่เมื่อวานที่ย่ากิ่งมาขัดจังหวะและเรียกเด็กสาวไปคุย แม่หนูพิมพ์ลภัสก็อยู่ติดย่ากิ่งแจจนเขานึกอิจฉาขึ้นมา ดูอย่างวันนี้สิคุณเธอเอาแต่ขลุกอยู่กับย่ากิ่งตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จ จนตอนนี้9นาฬิกาแล้วเพิ่งจะออกมา
“ไปค่ะ ไป รอเดี๋ยว “ เด็กสาวเอ่ยก่อนที่จะย่องเบาๆไปใส่รองเท้าก่อนที่จะตามชายหนุ่มไป
“ยื่นมือมา จับไว้แน่นๆนะเดี๋ยวหลง” ธนกฤตเอ่ยบอกหลังจากมาถึงศูนย์การค้าแห่งใหญ่
“ใครหลง คนแก่หลงทางอ่ะดิ” พิมพ์ลภัสเอ่ยแต่ก็จับมืออีกฝ่ายไว้แน่น “มาๆเดี๋ยวหนูจะจูงคนแก่เองนะคะ หูตาเริ่มฟ่าฟางแล้ว”
“ปากดีเดี๋ยวจะโดนหอมแก้มจนช้ำ” ชายหนุ่มเอ่ยบอก
“จะฟ้องย่ากิ่ง คอยดูสิ” เด็กสาวเอ่ยบอก ธนกฤตจึงหัวเราะออกมา “ ไหนละหลักฐาน จะฟ้องอะไรหนูต้องมีหลักฐานน๊า ไม่มีหลักฐานพี่ไม่รับสารภาพนะจะบอกให้555”
“ชิ “ คนไม่มีหลักฐานได้แต่หมั่นไส้ นี่ขนาดย่ากิ่งกับเธอคอยระมัดระวังตัวแล้วเขายังคอยหาโอกาสขโมยกอดหอมเธอทุกครั้งที่ย่ากิ่งและเธอเผลอ พอฟ้องก็อ้างหาหลักฐานจนเธอกับย่ากิ่งทำอะไรเขาไม่ได้
ธนกฤตจูงมือเด็กสาวเดินซื้อข้าวของจนครบทุกอย่างที่ต้องการก่อนที่จะรอจ่ายเงินและออกจากศูนย์การค้า แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงรถกลับมีหญิงสาวคนนึงเอ่ยทักชายหนุ่มขึ้น
“ผู้การธาม ใช่ผู้การธามจริงๆด้วย มาทำอะไรแถวนี้คะ” คนมาใหม่เอ่ยถามคนที่เธอรู้จัก
“หมอกวาง” คนถูกทักเอ่ยชื่ออีกฝ่าย ภายในใจนึกเครียดซวยแน่ๆถ้าแม่หนูพริกหวานรู้ว่าเขาเคยคบหากับหญิงสาวคนนี้
“พาหลานมาซื้อของเหรอคะ ไม่เจอกันสามปีผู้การยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะคะ” หญิงสาวที่ชายหนุ่มเรียกว่าหมอกวางเอ่ยบอกพร้อมส่งสายตาสื่อความหมาย
“แฟนค่ะไม่ใช่หลาน ขอตัวก่อนนะคะ” เด็กสาวเอ่ยบอกบอกก่อนที่จะดึงผู้การหนุ่มไปที่รถก่อนที่สายตาหวานของหญิงสาวจะขย้ำคนของเธอ ไม่ชอบสายตาแบบนี้เลยไปมองคนอื่นสิไป นี่คนของเธอนะ อีตาพี่ธามก็เหมือนกันยอมให้เจ้าหล่อนมองอยู่ได้ คอยดูนะจะไม่ยอมคุยด้วยเลย
“นี่ๆๆๆ จะไม่คุยกับพี่เลยเหรอ” ชายหนุ่ยถามคนที่นั่งร้อยมาลัยตามคำสั่งย่ากิ่งอยู่ หลังจากเจอกันกนกกานต์หรือหมอกวางตอนนั้นแม่หนูของเขาก็ไม่ยอมพูดกับเขาซักคำ
“หนูไม่คุยกับพี่ แบบนี้พี่ไม่ชอบเลย เรามาคุยกันดีกว่านะครับ” คนตัวโตเอ่ยบอกแต่เด็กสาวกลับหันหน้าหนีอย่างแสนงอน เอาแล้วไง โดนงอนแบบงงๆ
“เราหันมาคุยกันนะครับ” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะขยับไปโอบกอดเด็กสาวจากด้านหลัง
“ว้าย ปล่อยนะ” คนถูกกอดเอ่ยอย่างตกใจ ธนกฤตยิ้มให้ก่อนจะบอก
“ไม่ปล่อย ถ้าไม่คุยกันดีๆพี่ก็ไม่ปล่อย “ไม่ว่าเปล่าชายหนุ่มยังขยับมาหอมแก้มเด็กสาวอีกด้วย
“ย่ากิ่ง!!!” เสียงหวานตะโกนลั่นทำให้ธนกฤตรีบผละออกพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนอีกมุม ร้ายขึ้นเยอะ คอยดูเถอะเผลอกันเมื่อไหร่จะกอดให้หายใจไม่ออกไปเลย
“เอะอะโวยวายอะไรกันแม่ลิงทโมน นี่มารังแกน้องอีกล่ะสิ เผลอไม่ได้จริง ว่างนักสินะ หยิบเข็มร้อยมาลัยขึ้นมาร้อยซักพวงสิ เอาให้สวย นั่งทำข้างๆแม่ลิงทโมนนั้นแหละ ถ้าแม่ลิงทำเสร็จแล้วเรายังไม่เสร็จเจอดีแน่” ย่ากิ่งเอ่ยก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้หวายข้างๆเด็กสาว
'ตายแน่' คนเจองานช้างเอ่ยในใจ เขาร้อยมาลัยเป็นที่ไหน ทำมาหลายครั้งแล้วได้แผลครบทุกนิ้วทุกครั้ง แถมพิมพ์ลภัสยังทำไปได้เกินครึ่งแล้วด้วย
“สมน้ำหน้า แบร่” เด็กสาวเอ่ยเยาะ ธนกฤตล่ะอยากจะลงโทษปากจิ้มลิ้มที่สมน้ำหน้าเขานัก
“คุณกิ่งคะ ช่วยชิมหน่อยสิคะ นุ่มมันเพิ่งลองทำครั้งแรก” เสียงแม่บ้านเอ่ยขึ้นทำให้กิ่งกานต์เดินออกไปหา โดยไม่รู้เลยว่าพ่อหลานชายนั้นแอบยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเด็กสาว
“ยะ หึย” เด็กสาวอ้าปากจะเอ่ยฟ้องแต่ต้องหุบปากลงเมื่อคนตัวโตแกล้งทำเป็นนั่งร้อยมาลัยอย่างตั้งใจ เด็กสาวได้แต่หมั่นไส้ก่อนที่จะขยับหนี
“อะ” เสียงหวานอุทานขึ้นเมื่อเข็มร้อยมาลัยทิ่มเข้าที่นิ้วเรียว ธนกฤตวางของในมือลงก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อขึ้นมากดปิดเเผลห้ามเลือดไว้
“เจ็บมั้ยครับ ทนหน่อยนะเดี๋ยวก็หาย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง การกระทำของผู้การหนุ่มอยู่ในสายตาของกิ่งกานต์ตั้งแต่เด็กสาวร้องขึ้นแล้ว หญิงชราได้แต่ยิ้มก่อนจะหันมาพยักหน้าให้แม่บ้านออกไปก่อน
“แผลแค่แมวข่วน ทำหน้าซะจะเป็นจะตายเชียวนะพ่อคุณ” ย่ากิ่งเอ่ยยิ้มๆ
“แค่นี่ก็เจ็บนะครับย่ากิ่ง ผมรู้ผมโดนบ่อย” ธนกฤตเอ่ยบอก เขาไม่อยากให้เด็กสาวต้องเจ็บเลยสักนิด จะเจ็บมากเจ็บน้อยก็ตาม
“นิดเดียวเองหนูไม่เจ็บแล้ว “ พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก ในใจตื้นตันขึ้นมากับความห่วงใยของชายหนุ่ม
“น้องบอกว่าไม่เจ็บแล้วก็ปล่อยสิพ่อคุณ เผลอเป็นจับ เผลอไม่ได้เลย” ย่ากิ่งเอ่ยบอกทำให้ธนกฤตจำต้องปล่อยมือที่จับเด็กสาวไว้ ย่ากิ่งยิ้มก่อนจะเอ่ย “ เอ้าๆทำต่อสิ เสร็จไม่ทัน โดนดีนะ”
24.00น.
ค่ำคืนแห่งวันสุดท้ายของปีเก่าเต็มไปด้วยความเฮฮาสนุกสนานของบรรดาคนงานในสวน พิมพ์ลภัสนั่งดูอย่างมีความสุข แต่ก็มีคนตีเนียนโอบกอดเด็กสาวไว้จนถูกย่ากิ่งจ้องอยู่บ่อยๆ
“6ทุ่มแล้ว ไปดูพลุกันมั้ย คงเริ่มจุดกันแล้ว” ธนกฤตเอ่ยชวนเมื่อเริ่มได้ยินเสียงพลุและดอกไม้ไฟดังมาไกลๆ
“ที่ไหน” เด็กสาวเอ่ยถามพลางหันหน้าไปมองย่ากิ่งเหมือนปรึกษา
“ที่ใต้ต้นลำพูหน้าบ้านไง มีม้านั่งอยู่ น่าจะมีหิ่งห้อยมาเกาะเยอะอยู่ ตรงนั้นมองเห็นพลุอยู่” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้น เด็กสาวมองย่ากิ่งก่อนที่หญิงชราจะพยักหน้าเด็กสาวจึงลุกขึ้น
“ว้าว!!! หิ่งห้อยเยอะจัง ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งสีขาวมองดูแสงสว่างของหิ่งห้อยที่ล่องลอยอยู่รอบๆต้นลำพู
“นี่ชวนมาดูพลุ ไม่ใช่หิ่งห้อย” ธนกฤตเอ่ยอย่างขำๆก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
“อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยงคืน เรามาคุยเล่นๆกันดีกว่ามั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“ดีเหมือนกันถือว่าแลกเปลี่ยนเรื่องราวแก่กัน หนูถามก่อนนะพี่เคยมีแฟนรึเปล่า” เด็กสาวหันมาถาม “เอาตรงๆอย่าโกหก”
“ไม่มีครับ มีแค่เคยคุยๆกันไปแต่ไม่เคยคบใครเป็นแฟนจริงจัง” ผู้การหนุ่มเอ่ยบอก
“พี่ก็หน้าตาดี การงานก็ดี ทำไมถึงไม่เคยมีแฟนจริงจังจนอายุ37นี่นะ ถามจริง หนูมีสามีเป็นเกย์รึเปล่าเนี่ย” เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย มันน่าสงสัย เห็นนอกจากอาพลอยก็มีแต่เพื่อนผู้ชาย
“พี่นี่ผู้ชายทั้งแท่งแม่หนู ถ้าไม่เชื่อพิสูจน์มั้ยล่ะ “ ธนกฤตเอ่ยพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“อย่ามาฉวยโอกาส เรื่องอะไรจะยอมเสียเปรียบ ตอบคำถามมา” เด็กสาวบอกเสียงดุจนชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมา
“คงจะยังไม่เจอที่ถูกใจมั้ง หนูจำผู้หญิงที่เจอเมื่อเช้าได้มั้ย พี่เคยลองคุยๆกับเขา ไปๆมาๆก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ทั้งที่เรามีอุดมการณ์คล้ายๆกัน แถมเธอก็เป็นคนดีเสียสละเพื่อสังคม ฐานะก็เท่าเทียมกัน แต่พี่ก็ยังคิดว่าเธอยังไม่ใช่สำหรับพี่ ขนาดไอ้เพลิง ไอ้พี หรือแม้แต่พลอยยังหาว่าพี่โง่ที่ยุติความสัมพันธ์กับเธอ แต่คนเราก็ไม่อยากอยู่กับคนที่เราไม่โอเคหรอก ฝ่ายนั้นเองก็ยอมจบเพราะเค้าชอบคนที่เอาอกเอาใจแต่พี่ออกจะเงียบๆก็เลยจบกันไป “ ชายหนุ่มเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสนั่งฟังเงียบๆ
“แล้วตอนนี้พี่เจอคนที่ใช่คนนั้นรึยัง” เด็กสาวเอ่ยถาม
“พี่คิดว่าตอนนี้เจอแล้วนะ แต่ไม่บอกหรอกว่าใคร” ชายหนุ่มเอ่ยบอก
“ใจร้าย บอกหน่อยก็ไม่ได้ กลัวหนูจะขัดขวางรึไง” เด็กสาวว่าพร้อมทั้งสะบัดหน้าหนี
“อะๆ พี่บอกก็ได้ยื่นหูมาสิ” ธนกฤตเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสขยับเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเอียงหูไปใกล้ๆ
“คนนั้นก็คือ...” ธนกฤตเอ่ยแต่ก่อนที่จะได้พูดจบก็มีเสียงพลุดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันไปสนใจจนลืมเลือนคำถามนั้นไป
ฟีด! ตูม!!! ตูม!!!
พิมพ์ลภัสมองแสงของพลุและดอกไม้ไฟอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะก้มลงมองนาฬิกา
“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ธาม ขอให้มีความสุขมากๆนะ อย่าทิ้งหนูนะ ให้หนูเป็นคนทิ้งพี่ ทำตัวน่ารักๆนะคะ” เด็กสาวเอ่ยบอก
“สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้หนูมีความสุขในบ้านหลังใหม่นะครับ ต่อไปนี้พี่จะดูแลหนูเอง พี่จะไม่ทิ้งหนูแน่ๆแต่หนูก็อย่าทิ้งพี่นะ” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะหยิบสายตุ๊กตาหมีคู่รักห้อยโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ “นี่ของขวัญปีใหม่ครับ”
“น่ารักอ่ะ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างดีใจก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่มอย่างลืมตัว ธนกฤตชะงักไปครู่นึงก่อนที่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ
“แม่ลิงทโมนขึ้นมาหาย่าได้แล้ว” เสียงของกิ่งแก้วดังขึ้นทำให้เด็กสาวเด้งตตัวขึ้นจากม้านั่งแล้ววิ่งขึ้นไปบนเรือนทรงไทย ธนกฤตมองตามก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตามไป
เช้าวันต่อมาย่ากิ่งก็พาพิมพ์ลภัสและธนกฤตมาทำบุญที่วัดเพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิต
“นี่น่ะรึหลานสะใภ้ครูกิ่ง น่ารักดีนะ” หญิงชราที่เป็นเพื่อนกับกิ่งกานต์เอ่ยบอกขณะที่กำลังเดินหยอดเหรียญทำบุญลงในบาตรที่เรียงกันเป็นแถว
“ใช่จ๊ะพี่เพ็ญ เหลนสาวแม่พิมลเขานะ “ ย่ากิ่งเอ่ยบอกเพื่อนรุ่นพี่
“สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ขอให้มีความสุขมากๆนะย่าอวยพรให้พ่อผู้การกับเมียมีแต่ความสุขความเจริญไม่เจ็บไม่ไข้นะลูกนะ” เพ็ญศรีเอ่ยอวยพรจากใจจริง ธนกฤตและพิมพ์ลภัสยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นไหว้รับพรจากผู้ใหญ่
“ขอบคุณครับย่าเพ็ญ ขอให้ย่าเพ็ญกับลูกหลานมีความสุขมากๆนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ” ธนกฤตเอ่ย เพ็ญศรียิ้มก่อนที่จะลูบหัวหลานชายเพื่อนรุ่นน้อง
“จริงสิ ครูกิ่งน่าจะพาหลานๆไปให้หลวงปู่รดน้ำมนต์ อวยพรให้ชีวิตคู่จะได้ราบรื่น เป็นมงคลแก่ชีวิตคู่” เพ็ญศรีเอ่ยแนะนำ
“ก็คิดๆอยู่จ๊ะพี่เพ็ญ ถ้างั้นกิ่งขอพาหลานๆไปหาหลวงพี่ท่านก่อนนะ” กิ่งกานต์เอ่ยก่อนที่จะชวนธนกฤตและพิมพ์ลภัสขึ้นไปบนโบสถ์ที่มีหลวงปู่กรณ์ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของกิ่งกานต์นั่งให้พรชาวบ้านอยู่
“พอหลานมารดน้ำมนต์รึโยมน้อง” หลวงปู่กรณ์ที่บวชเรียนมาตั้งแต่เด็กและบวชเป็นพระตั้งแต่อายุ20จนถึงปัจจุบันเอ่ยถามน้องสาว ชาวบ้านต่างว่ากันว่าหลวงปู่กรณ์บวชเรียนมานานจนมีวิชาอาคมถอดจิตหยั่งรู้ฟ้าดินเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าค่ะหลวงพี่ เจ้าธามพาเมียมาเที่ยวที่บ้านกิ่งเลยพามาขอพรจากหลวงพี่” กิ่งแก้วเอ่ยบอกหลังจากกราบนมัสการหลวงปู่กรณ์
“ถ้าเช่นนั้นก็ตั้งจิตนะ อาตมาจะอวยพรให้” หลวงปู่พูดก่อนที่จะให้ศีลให้พรทั้งสองคนก่อนที่จะรดน้ำมนต์ให้
“โยมทั้งสองเกิดเป็นคู่กันแล้ว ไม่แคล้วกันหรอก ขอให้โยมค่อยๆเรียนรู้กันไป อะไรที่อภัยได้ก็อภัย ชั่วชีวิตนี้ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาพรากโยมออกจากกันได้นอกจากพวกโยมเอง” หลวงปู่เอ่ยก่อนที่จะหยิบสายสิญจน์มาสองเส้นมาผูกข้อมือให้ทั้งคู่
“ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน อย่าใจร้อน ความหึงหวงคือจุดด้อยของโยมทั้งสอง สักวันความหึงหวงจะทำให้ทะเลาะกันแต่ก็ไม่หนักหนา “ หลวงปู่ยังคงเอ่ยบอกอย่างรู้เห็นอนาคต
“อาตมาบอกอนาคตไม่ได้หมด บอกได้แค่ว่าโยมน้องได้อุ้มเหลนก่อนตายแน่ อีก5-6ปีไม่มาก แม้จะเป็นเรื่องไม่คาดคิดแต่ขอให้โยมตั้งสติฝ่าฟันกันไปให้ได้” หลวงปู่เอ่ยบอก “อ้อ ลืมไปโยมหลานสะใภ้ดูแลอาสาวให้ดีนะ ช่วงนี้ไปจนถึงตุลาอย่าให้ทำอะไรหักโหมหรือโลดโผนมากนัก “
“ทำไมเหรอคะหลวงปู่” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่หลวงปู่ชรายังคงเงียบ
“หลวงปู่ได้แค่เตือน บอกอนาคตให้ไม่ได้ เอาเป็นว่าทำตามที่หลวงปู่บอกและโยมจะเข้าใจเอง ส่วนโยมหลานช่วงนี้ระวังเนื้อระวังตัวให้มากๆระวังจะเจ็บหนัก ก่อนที่จะทำอะไรคิดไว้เสมอว่ามีอีกคนรอโยมกลับบ้าน” หลวงปู่กรณ์เอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้น
“เจ้าธามไปส่งหลวงปู่ที่กุฏิสิ ย่ากับแม่พริกหวานจะไปนั่งรอที่ศาลาริมน้ำ” ย่ากิ่งเอ่ยบอก ธนกฤตจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปประคองหลวงปู่ออกจากโบสถ์ไป
“พี่ธาม พี่เข้าใจที่หลวงปู่บอกเรื่องอาพลอยรึเปล่า” เด็กสาวเอ่ยถามหลังจากกลับมาถึงเรือนไทย
“หลวงปู่บอกว่าเดี๋ยวรู้เองก็อย่าสงสัยมากน๊าแม่ลิงทโมน หลวงปู่ท่านเตือนเพราะท่านรู้แต่ท่านไม่บอก ท่านไม่เคยเตือนพลาด” กิ่งกานต์เอ่ยก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนบ้าน
“ย่ากิ่งเชื่อมากๆเลยเนาะ หลวงปู่ท่านมีวิชาอาคมเหรอ” เด็กสาวเอ่ยถาม ธนกฤตยิ้มก่อนที่จะบอก “ไม่รู้สิ แต่ท่านเตือนอะไรมาก็ฟังแล้วก็ปฎิบัติตามด้วย เพราะมันจะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ตอนพี่เด็กๆ แม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทุกคนในบ้านยังไม่รู้ว่ามีพี่ ช่วงนั้นแม่อารมณ์แปรปรวนมากชวนป๋าทะเลาะตลอดจนจะเลิกกัน เพราะป๋าไม่เข้าใจ ย่ากิ่งเลยพาป๋ากับแม่ไปหาหลวงปู่ หลวงปู่บอกให้ป๋าใจเย็นๆเอาใจแม่มากๆ เพราะถ้าหย่าป๋าจะต้องเสียใจทีหลัง เพราะในท้องแม่มีพี่อยู่ “
“โอ้โฮ แบบนั้นชาวบ้านไม่ไปขอให้ใบ้หวยให้เหรอ” เด็กสาวเอ่ยถาม
“ ไม่หรอกท่านไม่ชอบอบายมุข ไม่หวังโด่งดัง “ ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะตีเนียนยกมือขึ้นโอบเอวเด็กสาว
“นี่แน่ะ เนียนตลอดจะไม่ฟ้องย่ากิ่งแล้วนะจะฟ้องอาพลอย” เด็กสาวเอ่ยบอก
“555 มันลืมตัวเฉยๆ จริงสิ มะรืนนี้พี่ต้องออกลาดตะเวนแล้ว หนูไปนอนกับน้องพั้นก็ได้นะ พี่จะได้ไม่ต้องกังวลถึงคนกับแมวหมานก” ธนกฤตเอ่ยบอก
“แล้วเมื่อไหรจะกลับอ่ะ “ เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย รู้สึกใจหายขึ้นมาเมื่ออยู่ๆจะต้องห่างกัน
“ไม่แน่ใจ แต่พยายามกลับมาให้ไวเลย สัญญา” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาจากใจจริง พิมพ์ลภัสยิ้มก่อนที่จะเอ่ยบอก
“สัญญานะ จริงสิถ่ายรูปมาให้ดูด้วยสิ ให้คนอื่นถ่ายให้ก็ได้ นะนะนะ” “ได้ครับ ขึ้นไปบนบ้านดีกว่าเดี๋ยวย่ากิ่งจะหาว่าพี่รังแกหนูอีก” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะจับมือเด็กสาวเดินขึ้นไปบนบ้าน
