บทที่ 2 เจ้าสาวมัจจุราช 1.1
ฤกษ์งามยามดีมีการแห่ขันหมากสู่ขอตามประเพณี ต่อจากนั้นก็จะเป็นพิธีรดน้ำสังข์ ต่อด้วยการจดทะเบียนสมรส ส่วนช่วงเย็นก็จะเป็นการเลี้ยงฉลองมงคลสมรส
คนที่อยู่ในรถตู้ก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงริมแม่น้ำ พริ้งเพราเมื่อเห็นเจ้าบ่าวและครอบครัวเดินเข้ามาห้องจัดงาน นางก็รีบกุลีกุจอเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะคุณพี่ภวินทร์ คุณพี่ณี”
พริ้งเพราพนมมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ชื่อของบิดาผ่านปากของพริ้มเพรา เรียกความสงสัยให้กับกรกวินทร์และกวินภพได้มาทีเดียว เนื่องจากบิดาของทั้งสองชื่อกวินทร์ แต่เหตุใดพริ้งเพราถึงเรียกบิดาว่าภวินทร์ แต่ทว่าเวลานี้คงเหมาะที่จะถามในเรื่องที่สองพี่น้องสงสัย เขาทั้งสองจึงวางเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยสอบถามภายหลัง
“งานเตรียมเรียบร้อยไหมพริ้ง” ภวินทร์เอ่ยถามมารดาเจ้าสาวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
“เรียบร้อยค่ะคุณพี่ พริ้งให้คนไปรับพระสงฆ์มาที่นี่แล้วค่ะ อีกสักครู่ก็คงมา”
อันที่จริงแล้ว นางแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ทางโรงแรมเนรมิตให้ทุกอย่าง ให้สมกับราคาค่าจัดงานที่แพงสมกับฐานะของคู่สมรส
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวได้เลย”
“ค่ะคุณพี่ เดี๋ยวพริ้งจะไปเรียกลูกแพรวมาตักบาตรนะคะ” พริ้งเพราตอบรับก่อนจะเดินไปหาลูกสาวคนโตที่นั่งรออยู่ในห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง
แพรวพรรณรายเงยหน้ามองมารดาที่ก้าวเข้ามาในห้องอย่างรู้ในทันทีว่า เวลาที่ตนเองไม่ต้องการให้ถึงมันก็เดินทางมาถึงจนได้
“ออกไปได้แล้วนังแพรว แล้วก็กรุณายิ้มด้วย ไม่อย่างนั้นแกได้เจอดีแน่” พริ้มเพราที่เข้ามาตามเจ้าสาว ไม่วายกำชับแกมข่มขู่
“รู้แล้วค่ะ รับรองว่าจะยิ้มแฉ่งราวกับว่ายินดีปรีดากับการแต่งงานในวันนี้ สมใจแม่ยังไงล่ะคะ”
แพรวพรรณรายย้อนยอกมารดา
“นังแพรว” พริ้งเพราตวาดลูกสาวหัวดื้อ “แกไม่ต้องมาพูดประชดฉันนะ ถ้าไม่ติดว่าแกจะต้องแบกหน้าเป็นเจ้าสาว ฉันตบหน้าแกให้ขึ้นรอยนิ้วมือแน่”
“แม่คะ อย่าอารมณ์เสียสิคะ วันนี้วันแต่งงานของพี่แพรวนะคะแม่ แม่ต้องยิ้มไว้นะคะ”
เดือนดารารีบห้ามทัพศึกย่อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างมารดากับพี่สาว ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเธอชาชิน สงสารพี่สาวจับใจที่ถูกผู้เป็นแม่ดุด่า และลงไม้ลงมือเสมอราวกับว่าเป็นลูกที่แม่ไม่รัก ต่างกับเธอที่ถูกประคบประหงมดูแลเอาใจใส่จนบ้างครั้งเดือนดาราก็เกิดความอึดอัดแล้วไม่เข้าใจว่า เหตุใดพริ้งเพราถึงได้ไม่รักพี่สาวต่างบิดาของเธอ
“ก็ดูพี่สาวเดือนสิลูก ทำหน้าทำตาอย่างกับไปตายจะไม่ให้แม่โมโหได้ยังไง”
พริ้งเพราลดระดับน้ำเสียงแข็งกร้าวมาเป็นอ่อนโยน ผิดกับน้ำเสียงที่พูดกับแพรวพรรณรายราวกับฟ้าแลเหว
“โธ่แม่คะ แม่ก็ต้องเห็นใจพี่แพรวบ้างนะคะ จะมีใครบ้างที่ยิ้มออกและดีใจที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ให้เวลาพี่แพรวทำใจบ้างสิคะแม่”
เดือนดาราเห็นใจพี่สาวเป็นที่สุด แต่ทว่าเธอเป็นลูกคงจะมีปากมีเสียงกับมารดาไม่ได้ อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่มีนัยยะแอบแฝง
“เดือนเป็นคนดีเหลือเกินลูก รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น แม่ภูมิใจในตัวเดือนมากเลยลูก”
พริ้งเพราแสดงความรักที่มีต่อเดือนดาราจนออกนอกหน้า ไม่คำนึงถึงลูกสาวอีกคนหนึ่งที่มองดูมารดาด้วยความเสียใจและน้อยใจ
“พี่แพรวไม่ใช่คนอื่นนะคะแม่ พี่แพรวเป็นพี่สาวของเดือน การที่เดือนจะเห็นใจพี่แพรวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” เดือนดาราโต้กลับ
“ข้อนั้นแม่รู้จ้ะ ลูกสาวแม่น่ารักอย่างนี้แม่ถึงได้รักลูกม๊ากมาก มากที่สุดในชีวิตเลยจ้ะ”
เดือนดาราควรจะดีใจกับคำพูดของมารดา แต่ทว่าเธอกลับมีความรู้สึกตรงกันข้าม เธอเสียใจที่มารดาพูดเช่นนี้ต่อหน้าพี่สาว เนื่องจากความหมายที่พูดนั้นทำให้เข้าใจว่า พริ้งเพรารักเธอคนเดียว แล้วแพรวพรรณรายล่ะ นางเอาไปไว้ตรงในในความรู้สึกและหัวใจ
“ขอบคุณแม่มากนะคะที่รักเดือน แต่เดือนว่าแม่ออกไปรับแขกด้านนอกดีกว่าคะ เดี๋ยวเดือนจะพาพี่แพรวออกไปนะคะแม่”
“จ้ะลูก” พริ้งเพราเอ่ยเสียงหวานกับลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะหันไปส่งเสียงเขียวกับลูกสาวคนโต “นังแพรว แกมีปากนะนังแพรว กรุณายิ้มด้วย” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องทันที
“พี่แพรวคะ แม่ไม่ได้หมายความว่าไม่รักพี่แพรวนะคะ พี่แพรวอย่าคิดมากกับคำพูดของแม่นะคะ”
เดือนดาราที่มีความห่วงใยทางด้านความรู้สึกของพี่สาวมาโดยตลอด พูดปลุกปลอบให้แพรวพรรณรายคลายจากความหมองเศร้าและความเสียใจที่ได้รับ
“พี่ชินแล้ว พี่โดนแบบนี้มาตั้งแต่เกิด โดนอีกสักนิดจะเป็นไรไป”
ปากก็บอกว่าชาชิน แต่ทุกครั้งที่เห็นและได้ยิน ความเสียใจก็ยังเกิดขึ้นทุกครั้ง เป็นความเจ็บแบบซ้ำๆ ที่เธอก็ไม่รู้ว่า วันใดจะได้รับความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่บ้าง หรือนี่อาจจะเป็นบทลงโทษแทนบิดาที่เคยทำร้ายพริ้งเพราให้เจ็บช้ำน้ำใจ ผลกรรมจึงตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว
“พี่แพรวคะ แม่รักพี่แพรวนะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พี่แต่งงานกับพี่ทัชหรอกค่ะ แม่อยากให้พี่แพรวสบาย พี่แพรวเข้าใจแม่นะคะ”
เดือนดาราที่ไม่รู้เหตุผลแท้จริงในงานวิวาห์ของพี่สาว จึงพูดปลุกปลอบให้แพรงพรรณรายไม่ต้องคิดมาก และคิดว่ามารดาไม่รัก แต่แท้จริงแล้ว แพรวพรรณรายรู้เหตุผลทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องที่เดือนดาราไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องความลับของกรกวินทร์
“ออกไปกันเถอะ พี่ไม่อยากถูกแม่ดุเรื่องที่ออกไปช้า”
แพรวพรรณรายพูดตัดบท เธอไม่อาจเปิดเผยหรือแพร่งพรายความลับที่เธอรู้ให้ใครได้รับฟังได้ แท้แต่เดือนดารา สองพี่น้องจึงเดินออกจากห้องแต่งตัว เดินเข้าไปในงานสมรสที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงต่างมองมายังร่างของเจ้าสาวที่เดินเคียงคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีความงามไม่แพ้กัน ทุกสายตาต่างชื่นชมกับความสวยของแพรวพรรณราย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองข้ามความสวยของเธอไป แม้ว่าเขาอดจะตะลึงกับความงดงามของเธอไม่ได้ แต่มันแค่เพียงชั่ววินาที
ความงามขอแพรวพรรณรายโดดเด่นมาก ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองาม ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วจึงไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางมาประทินโฉม รูปร่างของเธอสูงตามมาตรฐานหญิงไทย 165 เซนติเมตร ทรวงอกเอิบอิ่ม เอวคอดเล็กรับกับสะโพกผาย หุ่นของเธอขึ้นชื่อได้ว่าเย้ายวนบุรุษเพศ แต่คงไม่ใช่เจ้าบ่าวสุดหล่อที่เมินเฉยคำว่า พิศวาสกับเจ้าสาวของตน
ในสายตาของกรกวินทร์มีเพียงนิสารัตน์ ดาราชื่อดังของเมืองไทยเท่านั้น ความรักที่เพาะบ่มมาหลายปี ทำให้ทั้งคู่วางอนาคตไว้ร่วมกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังครืน เมื่อเขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวอีกคน สตรีที่ไม่เคยรู้จักและคิดจะรักสายตาของกรกวินทร์ยามที่มองเจ้าสาวมีแต่ความเฉยชาและห่างเหิน ปะปนมาด้วยสายตาเกลียดชังที่คนถูกมองรู้สึกได้
แพรวพรรณรายหัวใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นเจ้าบ่าวของตน แม้ว่าเธอจะเคยเห็นเขาผ่านรูปถ่ายที่มารดานำมาให้ แล้วยังจะในนิตยสารหลายฉบับที่เขาให้สัมภาษณ์ ข่าววงการบันเทิงที่ลงข่าวเขาบ่อยครั้งเวลาควงคู่ไปกับนิสารัตน์หรือน้องฟ้า คนรักที่คบหากันมาหลายปี
รูปร่างหน้าตาของกรกวินทร์ในรูปถ่ายหรือในทุกสื่อ ต่างกันเพียงนิดเดียวคือ ตัวจริงหล่อกว่ามาก ร่างกายของเขาดูสมบูรณ์แข็งแรง สูงใหญ่จนเธอคิดว่าหากยืนใกล้เขาจะต้องเงยหน้าคุย สายตาของเขาดูไม่เป็นมิตรราวกับว่าจะประหัตประหารเธอทางนัยน์ตาคมกล้า เขาคงโกรธและเกลียดเธอที่ต้องทิ้งผู้หญิงอันเป็นที่รัก มาเข้าพิธีวิวาห์กับหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้า หรือจะพูดง่ายๆ ว่าไม่รู้จัก แต่มีหรือที่เธอจะแคร์และสนใจ เพราะเธอเองก็ไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว เขาร้ายมาเธอก็จะร้ายกลับ
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” แพรวพรรณรายพนมมือไหว้ภวินทร์กับธาริณี พ่อและแม่สามีอย่างเป็นทางการของตนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า “สวัสดีค่ะคุณกรกวินทร์ คุณกวินภพ”
ก่อนจะหันไปไหว้เจ้าบ่าวกับกวินภพที่รับไหว้เจ้าสาวตามมารยาท
“ไม่ต้องเรียกทัชกับทอร์ชอย่างเป็นทางการนะจ้ะ เรียกว่าพี่ทัชกับพี่ทอร์ช และก็เรียกแม่กับพ่อแทนลุงกับป้านะแพรวเพราะเราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เสียงนุ่มนวลของธาริณีดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“ค่ะคุณแม่” แพรวพรรณรายรับคำ
“พ่อว่าทัชกับแพรวไปทักทายแขกผู้ใหญ่ก่อนดีกว่านะ” ภวินทร์พูดขึ้น เมื่อเห็นแขกผู้มีเกียรติที่ตนเชิญมาทยอยเข้ามาในงาน