๓.๑ ทัณฑ์จอมเถื่อน
๓
ทัณฑ์จอมเถื่อน
แม้หัวใจดวงน้อยจะประหวัดไปถึงเฮดีสและฟาร์มม้าอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่กล้าแอบแวะเวียนไปเหมือนเคยเพราะกลัวคำขู่ของเมสัน
นับตั้งแต่วันที่เธอเอากาแฟไปให้เขาที่ห้องทำงาน เมสันกับเธอก็ยังไม่ได้เผชิญหน้ากันตามลำพังเพราะเขางานยุ่งมาก ส่วนเทเรซ่าก็ออกไปที่ฟาร์มแทบจะทุกวัน จนสาวน้อยไม่ต้องมานั่งคอยระแวดระวังว่าจะถูกเขาและคู่หมั้นเล่นงาน ทว่าสิ่งหนึ่งที่ละอองฝนไม่อาจจะสลัดทิ้งไปได้ง่ายๆ นั่นก็คือ ‘รสจูบ’ อันดิบเถื่อนเร่าร้อนที่ยังฝังแน่นอยู่ในความรู้สึก ทุกๆ คืนที่เธอหลับตาลง อารมณ์บางอย่างที่ถูกเมสันปลุกปั่นขึ้นยังคงพลุ่งพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย จนบางคืนถึงกับเก็บเอาไปฝันเป็นเรื่องเป็นราว... เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะสลัดความรู้สึกอันวาบหวามนั้นทิ้งไปเสีย แต่ทว่าความพยายามของเธอมันกลับสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง เพราะแค่เห็นเขาไกลๆ หัวใจก็พลอยจะเต้นแรงโลดผิดจังหวะอยู่ตลอด
ระยะหลังมานี้ละอองฝนไม่ได้ทำหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกบนโต๊ะอาหารเหมือนที่แล้วมา เนื่องจากแพรวดาวออกคำสั่งให้เธอเลิกทำแล้วมานั่งรับประทานอาหารพร้อมกับคนอื่นๆ บนโต๊ะแทน สาวน้อยรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุดแต่ก็ปฏิเสธมารดาไม่ได้ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงการมองไปทางเมสันซึ่งมันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินเมื่อใบหน้าหล่อๆ ดุๆ เข้มๆ นั้นพลอยแต่จะดึงดูดสายตาของเธออยู่ร่ำไป มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเผลอมองไปทางเขา และเขาก็หันมาพอดี ดวงตาสองคู่จึงสบประสานกันโดยบังเอิญ และสาวน้อยก็ต้องรีบหลุบเปลือกตาลงเพราะสู้ประกายตาคมๆ นั้นไม่ไหว
หลังจากอาหารเย็นผ่านไป ละอองฝนมักจะพาตัวเองออกไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ มีบางวันที่ธัญญ่าออกมาคุยด้วยทำให้พักหลังเธอสนิทสนมกับธัญญ่ายิ่งกว่าเดิม ในทางตรงกันข้ามแพรวดาวกลับมีปัญหากับเทเรซ่ามากขึ้น จากที่ตอนแรกแค่จิกตาใส่กันไปมา ตอนหลังเริ่มมีปากมีเสียง ต่างคนต่างแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเกลียดขี้หน้ากันและกันอย่างรุนแรง และละอองฝนก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย
“คุณไม่ชอบเลยนะที่ออมไปสนิทสนมกับแม่ธัญญ่าอะไรนั่น” แพรวดาวพูดกับลูกสาวขณะนั่งกันอยู่ตามลำพังที่โซฟาห้องโถงในช่วงกลางวัน
“ทำไมล่ะคะคุณ คุณธัญญ่าเธอก็น่ารักดีนะคะ”
“แล้วเราไม่กลัวสองคนพี่น้องนั่นจะมาแย่งทุกอย่างไปจากเราหรือไง”
“ไม่กลัวค่ะคุณ ก็ที่นี่ไม่มีอะไรเป็นของออมเลยสักอย่างนี่คะ” สาวน้อยตอบตามความจริง แต่ช่างขัดใจผู้เป็นมารดายิ่งนัก
“โง่!” คนเป็นแม่ตวาดดังลั่น “ทำไมไม่ทำตัวฉลาดๆ สมกับที่เป็นลูก...เอ่อ เป็นหลานของคุณเลย”
“ออมไม่ได้อยากได้อะไรจริงๆ นี่คะ ที่ออมตัดสินใจมาอยู่ที่นี่กับคุณก็เพราะออมอยากมาเรียน อยากมาดูแลและอยากมาอยู่เป็นเพื่อนคุณเท่านั้นเองค่ะ”
“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยู่ล่ะ เราจะทำยังไง” แพรวดาวพูดเสียงขุ่น แต่นั่นล้วนเกิดจากความห่วงใยในอนาคตของลูกสาวทั้งนั้น
“คุณไปไหนออมก็จะไปกับคุณด้วย อีกอย่างคุณยังสาวยังสวย คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะและยังต้องอยู่กับออมอีกนานค่ะ” ละอองฝนบอกอย่างจริงใจ ซึ่งนานๆ เธอถึงจะพูดยาวๆ และตรงไปตรงมาแบบนี้กับแพรวดาวสักครั้ง
“ออมก็เป็นซะอย่างนี้ล่ะ” แพรวดาวได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าที่บุตรสาวมองโลกในแง่ดีเกินไป
และฉับพลันนั้น ดวงตาของแพรวดาวก็แปรเปลี่ยนเป็นเขียวเข้มเมื่อเห็นคู่อริเดินเข้ามาพร้อมกับเมสัน ความไม่พอใจพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรงดุจ ลาวาร้อนๆ ในปล่องภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด เมื่อเห็นเทเรซ่าทำหน้าระรื่นเช่นนั้น ลึกๆ เกิดจากความหึงหวงที่มีต่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบพึงพอใจแม้จะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ก็ตาม ส่วนอีกประเด็นก็คือไม่ชอบที่เทเรซ่าวางท่าเย่อหยิ่งราวกับเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดและอำนาจมากกว่าเทเรซ่าเพราะเธออยู่ในฐานะภรรยาของไวแอต
เทเรซ่าเกาะแขนเมสันแน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อปรายตามาเห็นแพรวดาวกับละอองฝนนั่งอยู่ ก่อนที่คู่หมั้นสาวของเมสันจะออกคำสั่งกับละอองฝนตามความเคยชินของตัวเองทันที
“ฉันร้อน... เธอไปเอาน้ำมาให้หน่อยซิ”
“ค่ะ” ละอองฝนผงกศีรษะน้อยๆ และทำท่าจะลุกไป แต่ถูกแพรวดาวฉุดแขนเอาไว้เสียก่อน
“นั่งลงเดี๋ยวนี้นะออม ออมไม่ใช่คนรับใช้ ถ้าใครอยากดื่มน้ำก็ไปหยิบเอาเอง หรือถ้าคิดจะใช้ใครสักคนก็ควรจะเป็นแม่บ้านหรือสาวใช้” แพรวดาวตะคอกลูกสาวเสียงแข็งก่อนจะหันไปจิกตาใส่เทเรซ่าอย่างไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ ออมทำได้”
“คุณบอกว่าไม่ต้องไงออม หรืออยากจะมีปัญหากับคุณ” คนเป็นแม่หันขวับมาจ้องตาเขียว ยังผลให้ละอองฝนต้องก้มหน้างุด
“พี่เมสันคะ...” เทเรซ่ารีบหันมาทางเมสันอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นที่ถูกแพรวดาวฉีกหน้าเช่นนั้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้เอง”
เมสันตัดบทอย่างรำคาญ ก่อนจะผละไปหยิบน้ำมาให้เทเรซ่าเสียเอง ทำให้แพรวดาวลุกขึ้นยืนกอดอกและเหยียดปากใส่เทเรซ่าอย่างเยาะๆ เพราะยกนี้ชัยชนะตกเป็นของตน
ละอองฝนไม่อยากอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้นจึงรีบเดินเลี่ยงหนี เท้าเล็กๆ ก้าวฉับๆ ออกจากห้องโถงเพื่อจะกลับห้องตัวเอง จนกระทั่งถึงทางเลี้ยวหน้าห้องครัวก็ชนโครมกับร่างกำยำที่เพิ่งเดินออกจากห้องครัวเข้าอย่างจัง แรงปะทะทำให้สาวน้อยคิดว่าตัวเองคงต้องกระเด็นลงไปกองกับพื้นแน่ๆ ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเอวเล็กถูกแขนแกร่งรวบไปกอดไว้เสียก่อน
“คุณเมสัน!” เสียงหวานอุทานอย่างตกใจเมื่อรู้ตัวว่าคนที่ตัวเองชนเป็นใคร แต่นั่นไม่มากเท่ากับที่เธอกำลังถูกเขากอดอยู่ตอนนี้
“ทำไมจะต้องตกอกตกใจขนาดนั้น ฉันเป็นฆาตกรโรคจิตหรือไง”
ชายหนุ่มถามเสียงห้วนแกมดุแต่แฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดอยู่ในที ทั้งหงุดหงิดละอองฝนและหงุดหงิดตัวเองที่พอได้กอดร่างนุ่มๆ นี้แล้วก็ไม่อยากจะปล่อยเอาดื้อๆ มิหนำซ้ำอารมณ์บางอย่างมันกลับพลุ่งพล่านลุกโชนขึ้นในทันทีทันใด
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ดิฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณ”
“เธอรู้ต่างหากล่ะละอองฝนว่าจะเจอฉันที่นี่ เธอเลยเดินตามมา”
“ไม่ใช่นะคะ”
สาวน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ ข้อกล่าวหาของเขาทำให้เธอพะว้าพะวงเสียจนลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองถูกเขากอดอยู่ ไม่ใช่ในที่มิดชิดรโหฐานลับตาคนเหมือนสองครั้งแรก แต่อยู่กลางบ้านที่อาจจะมีคนเดินมาเห็นเข้าเมื่อไหร่ก็ได้
“ทำไมจะไม่ใช่ ก็ในเมื่อเธอรู้ว่าฉันมาห้องครัว”
“ดิฉันแค่จะกลับห้องตัวเองและห้องของดิฉันต้องผ่านทางนี้ค่ะ” เธออธิบายเหตุผลของตัวเอง
“เธอนี่มันผู้ร้ายปากแข็งตัวแม่เลยจริงๆ นะละอองฝน สงสัยจะชอบวิธีง้างปากของฉันล่ะสิ”
เขาไม่พูดเปล่าแต่โน้มหน้าลงไปใกล้จนละอองฝนต้องเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหนีใบหน้าและลมหายใจอุ่นๆ อันชวนให้หัวใจเต้นระทึกของเขา
“อย่า...อย่านะคะ...”
ละอองฝนเอ่ยห้ามปรามแต่เสียงเบาหวิวเต็มที ก่อนที่แก้มเนียนจะร้อนผ่าวเมื่อรู้สึกถึงอาการตื่นตัวใหญ่โตของเขาที่กำลังกดแน่นร้อนผ่าวนาบอยู่กับหน้าท้องแบนราบ ที่แย่ไปกว่านั้นคือร่างกายของเธอบริเวณที่ถูกส่วนนั้นเบียดแนบกลับรู้สึกเสียวสยิวอย่างน่ากระดากอายที่สุด